xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กู้วิกฤต “ถ.บรรทัดทอง” ชงตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ จะไหวมั้ย?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ย่านบรรทัดทอง จาก Street Food สูตรสำเร็จ Food Destination บรรยากาศยามค่ำคืนเนืองแน่นไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าสู่กลางปี 2568 เกมธุรกิจพลิกสู่วิกฤต นักท่องเที่ยวจีนหาย 25% เทียบจากปีก่อนหน้า รายได้ผู้ประกอบการรายลดกว่า 50% เริ่มขึ้นป้าย “เซ้งร้าน” เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว อีกทั้ง ดรามาแหล่งรวมร้าน “อาหารแพง” และ “ไม่อร่อยขนาดนั้น”

ในช่วงพีคๆ ถ.บรรทัดทอง นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามากว่า 20,000 - 30,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน รองลงมา เวียดนาม และเกาหลีใต้ โดยมีผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารประมาณ 378 ร้าน สร้างมูลค่าโดยรวมรายได้ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านบาทต่อวัน

ทว่า ณ วันนี้ นักท่องเที่ยวลดฮวบ หั่นรายได้ผู้ประกอบการกว่า 50 % รายได้รวมต่อวันเหลือเพียง 3 - 4 ล้านบาท ร้านค้าทยอยปิดกิจการมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ และคาดว่าภายใน 6 เดือน ร้านค้าจะหายอีกกว่า 40% หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อกอบกู้สถานการณ์ซบเซาที่กำลังเกิดขึ้น

สำหรับถนนบรรทัดทองได้รับการจัดอันดับให้เป็นถนนที่สุดคูลมากในโลก อันดับ 14 จาก Time Out ในปี 2567 บ่งชี้เป็นย่าน Street Food สูตรสำเร็จ Food Destination ศูนย์รวมร้านอาหารระดับตำนาน ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ จนได้ขนานนามเป็น “เยาวราช 2” สร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจปีละหลายพันล้านบาท

โดยย่านบรรทัดทองอยู่ในกำกับดูแลของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) โดยเข้ามาดำเนินการผ่านโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ ยกระดับพื้นที่บรรทัดทอง - สามย่าน ให้เป็นแหล่งรวม Street Food ยุคใหม่ ปลุกกระแสจากโซเชียลมีเดียผ่านการรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์และนักท่องเที่ยว ไลฟ์และแชร์ต่อจนทำให้ที่นี่เป็น Food Destination ที่คนพูดถึงและต้องมา

แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่เทศกาลตรุษจีน 2568 ย่านการค้าบรรทัดทองได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมาก อีกทั้ง คนไทยระมัดระวังการใช้จ่ายส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาลดลง

ดร.ชนะชาย นิมิตรพงศ์ศักดิ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เปิดเผยว่านักท่องเที่ยวหลักที่เป็นชาวจีนหายไปจากประเทศไทย มาจากข่าวนักท่องเที่ยวจีนถูกลักพาตัว ทำให้เกิดข่าวลือในด้านที่ไม่ดีในไทยต่อเนื่องหลายด้านในสื่อโซเชียลของจีน มีผลต่อนักท่องเที่ยวจีนเกิดความกังวลมาไทย ต่อมามีสถานการณ์แผ่นดินไหว รวมถึงภาพข่าวตึกถล่ม ซ้ำเติมนักท่องเที่ยวจีนตามมา

อีกทั้งปัจจัยจากเศรษฐกิจชะลอตัวผู้บริโภคในประเทศระวังการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉลี่ยกลุ่มลูกค้าคนไทยใช้จ่ายลดลงราว 50% ทำให้ภาพรวมผู้ประกอบการร้านอาหารย่านบรรทัดทอง 378 ร้านค้า ได้รับผลกระทบหนัก ไม่เพียงเท่านั้น ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามาในพื้นที่น้อยลงมากจากความเข้าใจผิดในสื่อโซเซียลหลายด้าน โดยเฉพาะประเด็นราคาอาหารที่แพงขึ้นของร้านค้าในย่านบรรทัดทอง สวนทางกับคุณภาพหรือรสชาติความอร่อย

ย่านบรรทัดทองห้วงเวลานี้นับว่าเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน แต่ยังมีโอกาสท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ล่าสุด สมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง ได้เสนอยุทธศาสตร์ระยะยาวต่อภาครัฐและกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2568 เพื่อจัดตั้งย่าน “เขตเศรษฐกิจพิเศษเชิงสร้างสรรค์” โดยดึงเอกลักษณ์และพลังขับเคลื่อนจากชุมชนผู้ประกอบการอาหารไปสู่เป้าหมาย ประกอบด้วย

1.สร้างจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว (Tourism Destination) สร้างถนนบรรทัดทองให้เป็นย่านเศรษฐกิจที่มีชีวิตชีวา และเป็นศูนย์รวมอาหารระดับโลกที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติรู้จัก และเลือกเป็นหนึ่งในจุดหมายหลักของการเดินทาง

2.สร้างประสบการณ์อาหารริมทางที่มีเสน่ห์ (Street Food Experience) บรรยากาศของการเดินกินชิมริมทาง ซื้ออาหารร้านละเล็กละน้อย ถ่ายรูป แชร์ลงโซเชียลฯ เหล่านี้คือเสน่ห์เป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวจดจำและพูดถึง

3.การจัดเทศกาลประจำปีถนนบรรทัดทอง (Tourism Calendar) ซึ่ง สมาคมฯ ตั้งเป้าจัดกิจกรรมเทศกาลประจำปีของถนนบรรทัดทอง โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากภาครัฐ เพราะมีสปอนเซอร์จากผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ สามารถซัพพอร์ตได้เอง ซึ่งงานเทศกาลประจำปีจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีขอการท่องเที่ยวไทย

4.การลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการร้านอาหารกำลังแบกรับภาระค่า GP (Gross Profit) หรือค่าบริการที่ต้องจ่ายให้กับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 30 - 35% (ไม่รวม VAT) โดยเบื้องต้น บ.ยิบอินซอย จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่จะเข้ามาดูแลช่วยลดต้นทุนในการจัดส่ง

และ 5.การสร้างแบรนด์อาหารริมทาง (Street Food Branding) ยกระดับอาหารริมทางให้มีเอกลักษณ์ชัดเจนในสายตาคนทั่วโลก สร้างภาพจำเมื่อพูดถึงสตรีทฟู้ดต้องนึกถึงบรรทัดทอง ซึ่งในอนาคตอาจไม่ได้มีแค่ถนนบรรทัดทองในกรุงเทพฯ แต่อาจมีถนนบรรทัดทองในเกาหลี ในญี่ปุ่น เรียกว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่เผยแพร่วัฒนธรรมอาหารในระดับสากล

นายสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เปิดเผยว่าในช่วงเดือน พ.ค. - ก.ค. ของทุกปี อาจจะคิดว่าเป็นช่วงนักท่องเที่ยวซบเซาตามปกติ แต่ปีนี้ไม่ใช่เป็นการซบเซาที่ไม่ปกติ โดยมองว่าแนวทางการเพิ่มนักท่องเที่ยวและการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า การจัดกิจกรรมบนถนนบรรทัดทองเป็นประจำจะช่วยเรียกให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้น

โดยทางสมาคมฯ มีแนวทางขยายเวลาการเปิดและปิดใหม่ เปิดในช่วง 12.00 น. ของทุกวัน จากปกติร้านค้าส่วนใหญ่ 80 % เปิดเวลา 16.00 น. ของทุกวัน จนถึง 24.00 น. เพื่อทำให้ร้านค้ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น พร้อมมีแผนจัดงานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารในทุกเดือน โดยกำชับผู้ประกอบการไม่ให้มีการแข่งขันในเรื่องราคา หรือแข่งขันลดราคาสินค้า

รวมทั้งมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ของย่านการค้าในบรรทัดทองใหม่ โดยได้รับการส่งเสริมจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้ามาปรับพื้นที่ทั้งการทำทางเท้าใหม่ และได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ

อย่างไรก็ดี ประเด็นการแก้ปัญหาท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวจีนหายไปนั้น ทางสมาคมฯ มองว่าเป็นบทบาทของรัฐในการกำหนดนโยบายเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการหยิบยื่นความช่วยเหลือจากภาครัฐ เบื้องต้นการท่องเที่ยวเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดโครงการสวัสดี…หนีห่าว โดยนำผู้ประกอบการ อินฟลูฯ ของต่างประเทศ มาเยี่ยมชมบรรทัดทอง รับประทานอาหารไทย รับรู้เรื่องราววัฒนธรรม เพื่อนำกลับไปโปรโมตต่อ โดยคาดว่าในช่วงเดือน ส.ค. 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมา

ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ข้ามาให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวประกอบการสามารถลดต้นทุนได้ ตลอดจนภาคเอกชนต่างๆ ได้เสนอโครงการเพื่อช่วยให้ถนนบรรทัดทองกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีแผนหารือร่วมกับสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ในวางยุทธศาสตร์ระยะต่อไป เกี่ยวกับการปรับสัดส่วนให้มีร้านที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่น 30 % ร้านที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม 20% และร้านอาหาร 50% เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้แก่ย่านบรรทัดทองและสร้างความยั่งยืนได้ในระยะยาว

 โดยปัจจุบัน ค่าเช่าร้านค้าบน ถ.บรรทัดทอง เฉลี่ยรายเดือน 50,000- 70,000 บาทต่อห้อง โดยขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ซึ่งประเด็นหนึ่งผู้ประกอบการเรียกร้องไปยัง สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ คือการพิจารณาชะลอการปรับขึ้นค่าเช่ารายปีออกไปก่อนประมาณ 6 เดือน เนื่องจากในทุกปี จุฬาฯ จะมีการปรับขึ้นค่าเช่า 5% สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย มีการชะลอการใช้จ่ายอย่างมากตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ดังนั้น ควรมีมาตรการร่วมดูแลต้นทุนของผู้ประกอบเพื่อให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้

สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษเชิงสร้างสรรค์ ย่านบรรทัดทอง นับเป็นประเด็นที่ต้องจับตา โดยที่ผ่านมา  นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีนโยบายแนวทางพัฒนาย่านสร้างสรรค์ในกรุงเทพฯ มีโครงการพัฒนาย่านสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์และกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายที่มีแนวคิดในการพัฒนาย่านให้มีทิศทางเดียวกัน สอดรับตามนโยบาย สร้างเศรษฐกิจ 50 ย่านทั่วกรุงเทพฯ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจ กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน เมือง และประเทศชาติ

 จากอดีตย่านค้าอะไหล่รถยนต์มือสองและแหล่งขายเครื่องกีฬา ถ.บรรทัดทอง พลิกโฉมของสู่ Food Street Food ปั้นสูตรสำเร็จ Food Destination จนเป็นกระแสนิยมในห้วงเวลาที่ผ่านมา เป็นที่น่าจับตาการเปลี่ยนผ่านเผชิญภาวะซบเซา การกู้วิกฤตโดยตั้ง “เขตเศรษฐกิจพิเศษเชิงสร้างสรรค์” โดยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในครั้งนี้ จะปลุกกระแสย่านบรรทัดทองให้กลับมาอย่างยั่งยืนได้หรือไม่...นับเป็นความท้าทาย




กำลังโหลดความคิดเห็น