ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
หลังเหตุการณ์ปะทะกันด้วยกำลังของไทยกับเขมรเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม จนถึงเมื่อฝ่ายเขมรถอยกำลังไปยังที่ตั้งเดิมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 นั้น ได้มีหลายฝ่ายแสดงปฏิกิริยาต่อการกระทำของเขมรในแง่มุมต่างๆ มากพอสมควร แต่เท่าที่ติดตามดูยังไม่พบถึงการกล่าวถึงเรื่องนี้บนพื้นฐานความสัมพันธ์ของ ตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุน โดยตั้งคำถามว่า ก็ในเมื่อสองตระกูลนี้มีความสนิทสนมแนบแน่นกันดี แต่เหตุใดตระกูลฮุนจึงก่อเรื่องนี้ขึ้นมาในขณะที่ตระกูลชินวัตรกำลังเป็นรัฐบาล
จากคำถามข้างต้น บทความนี้จะเสนอมุมมองบนพื้นฐานความสัมพันธ์ของสองตระกูลนี้เป็นสองด้าน โดยด้านหนึ่งเป็นการมองความสัมพันธ์ดังกล่าวในเชิงลบ และอีกด้านหนึ่งเป็นการมองในเชิงบวก และทั้งบวกและลบนี้ไม่เป็นประโยชน์กับไทยหรือเขมร แต่อาจสร้างประโยชน์ให้กับสองตระกูลนี้ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม
เริ่มจากมุมมองในเชิงลบที่บทความนี้เห็นว่า ฮุนเซ็นกำลังใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ดีที่มีกับตระกูลชินวัตร โดยไม่สนใจว่าพวกชินวัตรจะรู้สึกอย่างไร
ที่เป็นเช่นนี้ก็ด้วยฮุนเซ็นรู้ดีว่า หากรัฐบาลชินวัตรตอบโต้การกระทำของเขาในระนาบเดียวกับที่เขาทำกับไทย เช่น ทำการ ประณามเขมรว่ากำลังรุกรานไทยด้วยการขุดคูเลต หรือส่งกองกำลังนับหมื่นไปจ่อตรงชายแดนเป็นการคุกคาม เป็นต้น แล้วก็จะเท่ากับตระกูลชินวัตรกำลังเนรคุณตระกูลฮุน
กล่าวคือ ตระกูลชินวัตรไม่รู้ข้าวแดงแกงร้อนที่เขมรเคยให้กับคนเสื้อแดงที่มาพึ่งใบบุญหลังเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 โดยคนเสื้อแดงถึงกับกราบเท้าฮุนเซ็นและแต่งเพลงสรรเสริญฮุนเซ็น หรือการให้ตระกูลชินวัตรใช้ดินแดนของตนในการต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์หรือพลเอกประยุทธ์ หรือการให้คนเสื้อแดงหนีไปหลบภัยหลังการรัฐประหาร 2557 ฯลฯ
ที่สำคัญคือ การให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้ช่องทางธรรมชาติหรือช่องหมาลอดหนีเข้าไปในประเทศของตนเมื่อปี 2560 เป็นต้น
การที่พวกชินวัตรสนิทสนมแนบแน่นกับฮุนเซ็นเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่คนเฉกเช่นฮุนเซ็นจะนำมาใช้ประโยชน์ด้วยสร้างข้อพิพาทกับไทยด้วยเขาเชื่อว่า อย่างไรเสียรัฐบาลชินวัตรก็คงไม่กล้าหือไม่กล้าอือหรือตอบโต้เขาในระนาบเดียวกับที่เขาทำ และความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นั่นคือ รัฐบาลชินวัตรปล่อยให้ชายแดนตึงเครียดอยู่หลายวันโดยไม่หือไม่อือ และที่มีตอบโต้อยู่ในขณะนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะถูกบริภาษจากภาคส่วนต่างๆ อย่างรุนแรง โดยหากยังนิ่งเฉยอยู่อีก บางทีรัฐบาลอาจถูกล้มเอาก็ได้
แต่ก็ควรกล่าวด้วยว่า มาตรการทางทหารที่ประกาศออกมานั้น รัฐบาลชินวัตรปล่อยให้เป็นเรื่องของกองทัพ เหมือนจะบอกกับฮุนเซ็นว่า ที่ตอบโต้อยู่ในขณะนี้หรือหลังจากนี้รัฐบาลไม่เกี่ยว แต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายกองทัพพิจารณาตัดสินใจเอาเอง
หากเป็นไปตามมุมมองที่กล่าวมานี้เราก็จะเห็นได้ว่า ฮุนเซ็นเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายและเป็นนักฉวยโอกาสที่ใจดำอำมหิตอย่างมาก เขามัดมือชกพวกชินวัตรโดยใช้หนี้บุญคุณที่เขามีกับตระกูลนี้เป็นตัวประกัน ในขณะที่คนเสื้อแดงที่เคยไปพึ่งใบบุญเขาก็ไม่หือไม่อือเหมือนกับนายของตน
ส่วนมุมมองในเชิงบวกนั้น บทความนี้เห็นว่า ฮุนเซ็นกำลังใช้ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นที่มีกับพวกชินวัตรมาช่วยทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังถูกรุมเร้าด้วยกรณีที่ตน “ป่วยทิพย์” แล้วไปนอนอยู่บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจนานนับร้อยวัน จนทำให้หมอสามคนที่เกี่ยวข้องกับเขาถูกลงโทษหนักเบาแตกต่างกันไป
โดยแพทยสภาจะพิจารณากรณีนี้ในวันที่ 12 มิถุนายน และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะไต่สวนกรณีนี้ในวันที่ 13 ซึ่งหากผลออกมาไม่เป็นคุณกับทักษิณแล้ว เสถียรภาพของรัฐบาลชินวัตรจะสั่นคลอนทันที
หากเป็นไปตามมุมมองเชิงบวกนี้ก็จะเห็นได้ว่า ฮุนเซ็นกำลังช่วยพวกชินวัตรในแบบที่เรียกได้ว่า “เล่นใหญ่” ด้วยการนำเรื่องชายแดนมาสร้างความปั่นป่วนให้กับไทย และที่ต้อง “เล่นใหญ่” เช่นนี้ก็เพราะฮุนเซ็นคิดได้เท่านี้ ตามวิสัยอำนาจนิยมที่เป็นธาตุแท้ของเขาที่มีมาช้านานจนเป็นที่รู้กันทั่วโลก พูดง่ายๆ คือ เล่นดีๆ ไม่เป็น เป็นแต่ร้ายๆ แบบอันธพาล เหมือนกับที่เขาใช้เล่นงานปฏิปักษ์ทางการเมืองและประชาชนของเขา
แต่ถ้าถามว่า การ “เล่นใหญ่” ครั้งนี้ฮุนเซ็นรู้ถึงผลบั้นปลายหรือไม่ คำตอบคือ รู้ คือรู้ว่าอย่างไรเสียไทยไม่มีวันที่จะขึ้นศาลโลกตามที่เขาท้า รู้ดีว่าไทยสามารถตอบโต้ในแบบสันติด้วยการปิดชายแดนโดยโดยเด็ดขาดเมื่อไรก็ได้ ซึ่งถึงตอนนั้นเศรษฐกิจชายแดนก็จะส่งผลกระทบต่อเขมรอย่างรุนแรง และรู้ดีด้วยว่า หากถึงขั้นต้องใช้กำลังกันแล้วไทยก็พร้อมเช่นกัน
ในเมื่อฮุนเซ็นรู้ดีทุกอย่าง แต่ยังกล้า “เล่นใหญ่” เช่นนี้ก็มีคำถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นเขาเล่นแบบนี้ไปทำไม คำตอบคือ หนึ่ง ฮุนเซ็นได้ประโยชน์จากการเมืองภายในที่จะทำให้คะแนนนิยมของเขาเพิ่มขึ้น จากที่กำลังตกต่ำในช่วงก่อนหน้านี้ ประเด็นนี้มีผู้กล่าวไปแล้ว และสอง ฮุนเซ็นต้องการทำให้ทักษิณเห็นว่า เขาทุ่มให้กับพวกชินวัตรอย่างถึงขนาดในแบบที่พวกชินวัตรจะต้องจดจำไปอีกนาน
และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่า ทำไมพวกชินวัตรไม่หือไม่อือ แม้แต่คน “ปากแจ๋ว” อย่างทักษิณ
ถึงตรงนี้ก็มีคำถามต่อไปว่า ในเมื่อฮุนเซ็นได้ประโยชน์จากการเมืองภายในของตัว แล้ว ทักษิณจะได้อะไรจากการกระทำของฮุนเซ็นในครั้งนี้ ที่ไม่ได้ช่วยหรือเกี่ยวอะไรกับคดีความที่เขากำลังเผชิญอยู่ ซ้ำยังเป็นปัญหาที่มาเกิดเอาในขณะที่พวกชินวัตรกำลังเป็นรัฐบาลอีกด้วย
คำตอบของคำถามนี้ง่ายมาก ถ้าหากเราจะย้อนความทรงจำกลับไปเมื่อครั้งที่มีการเผาบ้านเผาเมืองในปี 2553 ที่มีอยู่คืนหนึ่งระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงกำลังระอุอยู่นั้น ทักษิณได้วิดีโอคอลเข้ามากล่าวคำปราศรัยปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงโดยมีความตอนหนึ่งว่า
ถ้าเขาไม่มีความสุข ก็อย่าหมายว่าประเทศไทยจะมีความสุข
จากเหตุนี้ การอาศัยความสัมพันธ์ที่แนบแน่นที่เขามีกับฮุนเซ็นมาช้านาน แล้วให้ฮุนเซ็นช่วยสร้างความตึงเครียดให้กับไทยที่ชายแดนจึงมิใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ
เพราะนั่นเป็นไปด้วยธาตุแท้ของเขาเอง และเขาก็ได้ประกาศให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วประเทศและทั่วโลกแล้วเช่นกัน โดยมีรัฐบาลที่มีลูกสาวของเขาที่เป็นผู้สืบสันดานจากเขาทำทีท่าเฉื่อยชา ก่อนที่จะโยนปัญหานี้ให้ทางกองทัพตัดสินใจ
การเป็นโมฆบุรุษของทักษิณจึงไม่เป็นที่สงสัย เพราะเขาได้ก่อคดีและบาปอันมิบังควรเอาไว้หนักหนาดังที่รู้กัน ครั้นถูกลงทัณฑ์จนต้องยอมรับผิดและได้รับการอภัยโทษแล้ว เขาก็ยังคงทำบาปอันมิควรด้วยการด่าคนที่ว่าเขาโกงว่า “โกงพ่อมึงสิ” ซึ่งทำให้เห็นว่า เขาไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่น้อย แต่ที่ยอมสารภาพผิดก็เพราะต้องการที่จะได้รับการอภัยโทษ
ข้างฮุนเซ็นก็เป็นโมฆบุรุษไม่ต่างกัน โดยดูได้จากกรณีที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งไม่ว่าจะในมิติเชิงลบหรือเชิงบวกก็ตาม ล้วนตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นโมฆบุรุษของเขาไม่ต่างกับทักษิณเลยแม้แต่น้อย โมฆบุรุษทั้งสองจึงไปกันได้ด้วยดีแม้ในยามที่ฝนตกหนักจนขี้หมูไหลก็ตาม