xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

DSI ลุยเชือด 3 บิ๊กสตง.คดีฮั้วประมูล ขยายผลรวบ “แก๊งนอมินีภาคสอง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คดีนอมินีภาคแรก และคดีฮั้วประมูล ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลุยสืบสวนสอบสวนเบื้องหลังตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม สรุปออกมาชัดเจนแล้วว่า ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกระทำความผิด ไม่ใช่แค่ปลาซิวปลาสร้อย แต่ยังสาวไปถึง “ปลาใหญ่” ทำให้ระดับบิ๊ก สตง. มีหนาว ๆ ร้อน ๆ กันเลยทีเดียว 

เรื่องนี้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำทีมแถลงเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ว่า คดีนอมินี คดีพิเศษที่ 32/2568 ดีเอสไอได้ส่งสรุปสำนวนไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษแล้ว โดยจะเป็นการดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจต่างด้าว พ.ศ.2542 กรณีบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย ได้แก่ 3 นอมินีคนไทย, นายชวนหลิงจาง กรรมการผู้ถือหุ้น และ นายบินลิง วู นายทุนชาวจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี

จากการสอบสวนคดีนอมินี ดีเอสไอได้ขยายผลพบความผิดเกี่ยวพัน โดยแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ คดีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือคดีฮั้วประมูล โดยแยกเป็นคดีพิเศษที่ 58/2568 และสองความผิดคดีนอมินี ชุดสอง อีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการออกเลขรับเป็นคดีพิเศษ โดยมีบริษัทเอกชนเกี่ยวข้อง 16 บริษัท แต่คัดกรองเบื้องต้นพบความผิด 4 บริษัทหลัก ๆ

สำหรับคดีฮั้วประมูล มีผู้ถูกกล่าวที่เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มเอกชน โดยดีเอสไอ สรุปการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

 หนึ่ง ผู้บริหารองค์กรอิสระ หรือผู้บริหาร สตง. มีพฤติการณ์ล็อคสเปกเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาในเรื่องการออกแบบ การก่อสร้าง การควบคุมงาน

สอง คณะกรรมการออกแบบ-ก่อสร้าง-ควบคุมงาน จำนวน 10 คณะ เป็นการดำเนินงานการตรวจการจ้างด้วยวิธีการต่างๆ

และ สาม คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 27 ประมาณ 15 ราย รวมทั้ง 3 กลุ่มมีจำนวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดประมาณ 70 ราย 

นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มเอกชน คือ กิจการร่วมค้า PKW จำนวน 6 รายประกอบด้วย 1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.นายปฏิวัติ ศิริไทย 3.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 4.นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก 5.บริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด โดยนายโชควิชิต ลักษณากร หรือ นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช และนางปราณีต แสงอลังการ และ 6.นายพลเดช เทิดพิทักษ์วานิช

 สำหรับกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ รวม 70 กว่าคนนั้น เป็นที่สนใจใคร่รู้ว่ามีรายชื่อผู้ว่าการ สตง.ทั้งในอดีต และผู้ว่าการ สตง.คนปัจจุบัน คือ นายมณเฑียร เจริญผล รวมด้วยหรือไม่ คำตอบจากรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คือก็อยู่ในสำนวนนั้นทั้งหมด แล้วยังมีคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีหลายหน่วยงานรวมอยู่ในนั้น และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ทางดีเอสไอ จะสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. ประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2568 และเข้าสู่กระบวนการไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. ตามขั้นตอนต่อไป 
ส่วนกลุ่มเอกชน คือผู้บริหาร 6 รายของกิจการร่วมค้า PKW ทางดีเอสไอจะเป็นผู้ดำเนินคดีเอง

มีรายงานว่า อดีตบิ๊ก สตง.ที่มีชื่อในสำนวนการสอบสวน นอกจากผู้ว่าการ สตง. คนปัจจุบัน คือ นายมณเฑียร เจริญผล  แล้ว ยังมี  พล.อ.ชนะทัพ อินทามร ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมด้วยเลขานุการ และ นายประจักษ์ บุญยัง  อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รวมอยู่ด้วย

งานนี้ ดีเอสไอ จึงกล่าวหาแบบรวบเหมายกเข่ง เพราะแต่ละส่วนล้วนเกี่ยวพันกันไปหมด ตั้งแต่หัวยันหาง

การแกะรอยคดีฮั้วประมูลนั้น ตามถ้อยแถลงของรองอธิบดีดีเอสไอส ให้รายละเอียดว่า เริ่มจากการที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ และพบพยานหลักฐานการฮั้วประมูลจากการควบคุมงาน ที่รับผิดชอบดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งการควบคุมงานจะมีการให้คะแนนทั้งหมด 3 หมวด คือ การดำเนินงาน บุคลากร และเรื่องอื่น ๆ รวม 100 คะแนน

ในส่วนที่ดีเอสไอพบการกระทำผิดชัดเจน คือ บุคลากร เพราะมีการปลอมลายมือชื่อโดยมีการเอาชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีความสามารถตามข้อกำหนดของ TOR มาดำเนินการเสนอราคาในการคัดเลือก ความผิดดังกล่าว ดีเอสไอจึงกล่าวหาดำเนินคดีกับกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งรายละเอียดมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด และมีหนึ่งในบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดฮั้วประมูล ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ทำให้คดีทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกัน ดีเอสไอจึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนความผิด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้า สตง. มาให้การในรายละเอียดเรื่องการดำเนินการกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งเป็นพยานสำคัญในการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

สำหรับกรณีของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ ดีเอสไอ มีการกล่าวหาในเรื่องของการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน แต่ที่พบชัดเจนคือ การควบคุมงาน เพราะใช้วิธีการคัดเลือก ซึ่งตามกฎหมาย หากคัดเลือกเสร็จแล้ว จะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย ในส่วนนี้ดีเอสไอทราบว่ามีการเสนอไป 19 ราย ซึ่งในส่วนของกิจการร่วมค้า PKW พบว่ามี 1 ใน 19 ราย คือ บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ส่วนอีก 2 บริษัท คือ บริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ไม่ได้เข้ามาอยู่เสนอราคาด้วย แต่ทางผู้ดำเนินการได้มีการขอยกเว้นหลักเกณฑ์ โดยเสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ตามมาตรา 29 เพื่อให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง กรณีเช่นนี้จึงทำให้มีการกล่าวหาว่าการยกเว้นดังกล่าว เป็นการเอื้อต่อกิจการร่วมค้า PKW

อย่างไรก็ดี จากพยานหลักฐานพบว่ามีการดำเนินการยกเว้นจริง ส่วนจะมีการเอื้อหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวน ส่วนจะมีผู้บริหารของ สตง. เป็นผู้เซ็นอนุมัติหรือไม่ เป็นรายละเอียดภายในสำนวน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชุดผู้บริหาร สตง.ในอดีต ไม่ใช่ชุดปัจจุบัน ส่วนผู้บริหารชุดใหม่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเป็นผู้ไต่สวน ในการกล่าวหาก็มีกรรมการ 10 คณะ รวมอยู่ในนั้นด้วยแล้ว

สำหรับพฤติการณ์ที่พบนอกจากการควบคุมงานแล้ว ดีเอสไอ ยังแพลมว่า มีเรื่องการดำเนินการจ้างช่วง เพราะทาง สตง. ยืนยันว่า บริษัท 9PK จำกัด ไม่ได้มีการจ้างช่วงจริง ไม่มีรายชื่ออนุมัติการจ้างช่วง จึงจะเป็นเอกสารประกอบให้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาไต่สวน

กรณีการควบคุมงาน นอกจากจะถูกดีเอสไอกล่าวหาว่ามีความผิดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังดำเนินคดี “การควบคุมงานทิพย์” ตามพฤติการณ์ที่นิติบุคคล อ้างว่ามีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมงานมาคุมงาน แต่หน้างานก่อสร้างกลับไม่มีวิศวกรกลุ่มดังกล่าวควบคุมงานแต่อย่างใด

เป็นที่น่าสังเกตว่า การทำคดีตึก สตง.ถล่ม ทางดีเอสไอบอกต่อสังคมอีกครั้งว่า ดีเอสไอต้องรอทางคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) แต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะมีการประสานข้อมูลกัน จึงต้องรอผลการตรวจของคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย คาดว่าน่าจะไม่นาน

 นายมณเฑียร เจริญผล

 พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ

 นายประจักษ์ บุญยัง
 อย่างไรก็ตาม มีคำถามต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ที่รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง ว่าจะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง “กี่โมง?” ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ยืนยันว่า ผลสรุปจะออกมาไม่เกินเดือนมิถุนายนนี้ โดยต้องรอให้คณะกรรมการฯ มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างมั่นใจก่อน 

ขณะที่ภาคประชาชน มีการเคลื่อนไหวติดตามทวงถามความคืบหน้าในการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีตึก สตง.ถล่ม โดย  พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ  อดีตรองผู้บัญชาตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมด้วย  น.ส.นารากร ติยายน  ตัวแทนประชาชน เข้ายื่นหนังสือต่อ  นายปลอดประสพ สุรัสวดี  ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานความปลอดภัยฯ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และทรัพย์สินทางราชการเสียหาย

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ตั้งคำถามว่า หลังเกิดเหตุตึก สตง.ถล่ม ทางนายกรัฐนตรี ออกมาพูดขึงขังว่าจะตรวจสอบหาคนผิดให้ได้ รวมทั้งหาสาเหตุตึกถล่มภายใน 7 วัน จากนั้นก็ขอยืดเวลาอีก 90 วัน แต่เท่าที่เห็นคือทำไปได้ไม่เท่าไหร่ มีแต่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิด แต่ยังไม่เห็นความรับผิดชอบจากผู้บริหาร สตง.ว่า มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือไม่ ยังไม่เห็นมีการทำอะไรเลย มีอย่างเดียวคือรอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ พิจารณา หากจะอ้างว่าเป็นเรื่องเก่า แล้วผู้บริหาร สตง. คนปัจจุบัน ไม่ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริง อาจจะเจอข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และขณะนี้ภาคประชาชน กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อประชาชน 30,000 รายชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนผู้ว่าการ สตง.ต่อไปด้วย

นอกเหนือจากคดีตึก สตง.ถล่ม แล้ว ในส่วนคดีดังที่  กองทุนประกันสังคม ซื้อตึก Skyy9 ล่าสุด  นางสาวรัชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยเอกสารการสืบสวนข้อเท็จจริงการเข้าลงทุนกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท (Prime Asset Private Equity Trust) กรณีซื้อตึกSkyy9 โดยมีข้อสรุปว่าจากพฤติกรรมรูปการณ์มีความผิดปกติจริง

 เอกสารดังกล่าวสรุปการสืบสวนข้อเท็จจริง การเข้าลงทุนกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเชท (Prime Asset Private Equity Trust) กรณีอาคาร Skyy9 จากการพิจารณาพยานหลักฐานเอกสารต่าง ๆ และคำให้การของบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า เป็นการดำเนินกระบวนการที่เร่งรีบผิดปกติวิสัยของการลงทุนด้วยเงินทุนจำนวนมาก โดยไม่มีการตรวจสอบหรือสอบทานการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่จะลงทุนของสำนักงานประกันสังคมในฐานะผู้ลงทุนที่จะต้องอาศัยการกลั่นกรองโดยละเอียดรอบคอบ ก่อนการตัดสินใจลงทุน 

รักชนก ศรีนอก และสหัสวัต คุ้มคง ขณะเดินทางไปตรวจสอบอาคาร SKYY9
ทั้งนี้ จำนวนเงินที่ได้ลงทุนดังกล่าวเมื่อเทียบกับผลการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของคณะทำงานประเมินและคำนวณมูลค่าการเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาคาร Skyy9 และสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเช่นเดียวกันแล้ว มีมูลค่าที่แตกต่างกันมาก เชื่อว่าการลงทุนในกองทรัสต์ Prime Asset Private Equity Trust ในส่วนของการลงทุนในหุ้นของบริษัท AGRE101 จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด) ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโครงการ Cas Centre หรืออาคาร Skyy9 มีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง อันเป็นพฤติการณ์ที่มีการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังอันสมควรตามที่วิญญูชนโดยทั่วไปควรจะพึงมีและกระทำ ขาดความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติราชการ เป็นเหตุให้กองทุนประกันสังคม ได้รับความเสียหาย

ผลสรุปที่ออกมาไม่นอกเหนือไปจากความคาดหมาย “ไอซ์-รัชนก ศรีนอก” ได้โพสต์ว่า “ประชาชนเค้ารู้กันจนหูตาสว่างทั่วประเทศ แต่สืบนานขนาดนี้ยังได้ข้อเท็จจริงแค่นี้เอง สำหรับดิฉันนับว่ายังน่าผิดหวังนิดหน่อย แต่เอาล่ะค่ะ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย เจอกันที่ ป.ป.ช. เจ็บคอจริง ๆ ไอดัง คุก คุก คุก”

 การติดตามตรวจสอบการจัดซื้ออาคาร SKYY9 วงเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการในช่วงที่นายสุชาติ ชมกลิ่น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ ทำให้นายนายสหัสวัต คุ้มคง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชลบุรี เขต 7 พรรคประชาชน และนางสาวรัชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ถูกนายสุชาติ ยื่นฟ้องบุคลทั้งสอง ในข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกร้องค่าเสียหาย 50 ล้านบาท 

นายสหัสวัต ยืนยันว่า การตรวจสอบกระบวนการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐรวมถึงทรัพย์สินของประชาชนเป็นการทำหน้าที่ของ สส. ดังนั้น จึงจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากระบบประกันสังคมของไทยกำลังเผชิญปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากหนี้สะสมที่ภาครัฐค้างจ่ายกองทุน และข้อกังวลด้านธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ หากไม่มีการตรวจสอบที่รอบคอบและโปร่งใส อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิของผู้ประกันตนในอนาคต

 รอติดตามบทสรุปสุดท้ายของสองคดีดังว่าจะมีระดับบิ๊กเบิ้มติดคุกติดตะรางกันหรือไม่? 


กำลังโหลดความคิดเห็น