สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
เพื่อชี้แจงกรณีของเจ้าโดยการสนับสนุนของประชาชนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต้องกล่าวว่า ผู้ทรงอำนาจต้องถูกพิจารณาในสองแนวทางหลักๆ นั่นคือ พวกเขาใช้อำนาจต่อไปโดยดำเนินการด้วยตัวเอง และผูกพันทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับโชคชะตาของตน หรืออีกหนทางคือ ไม่ผูกพันกับโชคชะตาของตน
บรรดาผู้ที่ผูกพันและไม่ละโมบจะต้องได้รับเกียรติและรักใคร่ ส่วนผู้ที่ไม่ผูกพันต้องทดสอบด้วยสองรูปแบบ หากพวกเขาไม่ผูกพันด้วยความอ่อนแอและข้อบกพร่องโดยธรรมชาติในวิญญาณของพวกเขา ท่านต้องใช้งานพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สามารถจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี
เพราะในยามรุ่งเรือง พวกเขาจะให้เกียรติท่าน และในยามคับขัน ท่านจะไม่ต้องเกรงกลัวพวกเขา หากพวกเขาไม่ผูกพันกับท่านด้วยสาเหตุจากเล่ห์เพทุบายและความทะเยอทะยานส่วนตน นั่นเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังคิดการใหญ่เพื่อตนเองมากกว่าจะคิดถึงท่าน ผู้เป็นเจ้าต้องระมัดระวังและกลัวพวกเขา ประหนึ่งพวกเขาเปิดตัวเป็นปรปักษ์ เหตุเพราะในยามคับขันพวกเขาจะช่วยกันทำลายเจ้าให้พินาศเสมอ
ดังนั้น ผู้ที่ขึ้นมาเป็นเจ้าผู้ครองนครโดยการสนับสนุนของประชาชนควรรักษาให้พวกเขาเป็นมิตรต่อตน ซึ่งน่าจะเป็นการง่ายสำหรับเจ้า เพราะคนเหล่านี้ขอจากเจ้าเพียงอย่าให้พวกเขาถูกกดขี่ ทว่า เจ้าผู้ครองนครที่ประชาชนต่อต้าน โดยมาจากการสนับสนุนของเหล่าผู้ทรงอำนาจนั้น ก่อนอื่นใดเขาต้องแสวงหาประชาชนมาเป็นพรรคพวก ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องง่ายหากเขาให้ความคุ้มครองเหล่าประชาชน
เนื่องเพราะเมื่อมนุษย์ได้รับการปฏิบัติอันดีงามจากใครสักคน ผู้ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะปฏิบัติต่อตนอย่างเลวร้าย ย่อมรู้สึกว่าผู้นั้นมีพระคุณต่อพวกเขาและผูกพันมากขึ้น ประชาชนจะอวยชัยให้พรเขามากกว่าการที่เขาขึ้นมาเป็นเจ้าผู้ครองนครโดยการสนับสนุนของพวกเขาเองเสียอีก เจ้าสามารถนำประชาชนเข้าเป็นพวกพ้องได้หลายวิถีทาง แต่ละบุคคลไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เพราะวิธีการสามารถแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ มาเคียเวลลีจึงขอข้ามวิธีการเหล่านั้น สรุปเพียงว่า สำหรับเจ้าผู้ครองนครนั้น จำเป็นต้องมีมิตรภาพของประชาชน มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีวิธีเยียวยาในยามคับขัน
10 กำลังอำนาจ ที่สำคัญที่สุดของรัฐควรประเมินโดยวิธีการใด
ในการตรองถึงคุณสมบัติของรัฐภายใต้เจ้าผู้ครองนครเหล่านี้ ควรต้องคำนึงถึงข้อพิจารณาอีกประการหนึ่ง นั่นคือ เจ้าผู้ครองนครมีสถานภาพมากพอที่จะปกครองด้วยตนเองหรือไม่ เมื่อต้องการกระทำเช่นนั้น หรือเจ้าผู้นั้นอยู่ภายใต้ความจำเป็นที่ต้องได้รับการปกป้องจากผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา และเพื่อให้เป็นที่กระจ่างสำหรับประเด็นเจ้าของผู้นี้
มาเคียเวลลีได้วิเคราะห์เห็นว่า เหล่าบรรดาผู้มีความสามารถปกครองด้วยตนเอง คือผู้สมบูรณ์ด้วยไพร่พลและเงินทอง สามารถจัดตั้งกองทัพ ทำการต่อสู้ และรับมือกับผู้ใดก็ตามที่เข้าโจมตีได้ และตัดสินได้เช่นกันว่าบรรดาผู้จำเป็นต้องอาศัยผู้อื่นตลอดเวลา คือผู้ไม่สามารถปรากฏตัวในท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยศัตรู หากแต่ความจำเป็นบังคับให้หลบอยู่หลังกำแพง และคอยป้องกันตนเอง
กรณีแรกได้กล่าวไปแล้ว และจะได้กล่าวถึงสิ่งจำเป็นสำหรับกรณีนี้ในโอกาสต่อไป
ในกรณีที่สอง ไม่ว่าใครก็ตามคงทำได้เพียงเคี่ยวเข็ญให้เจ้าเสริมสร้างความปลอดภัยและทำนุบำรุงบ้านเมือง โดยไม่ต้องคำนึงถึงแถบชนบท ผู้ใดก็ตามเสริมสร้างความมั่นคงแก่นครเป็นอย่างดี และจัดการการปกครองพลเมืองในด้านอื่นๆ ดังที่กล่าวมาแต่ข้างต้นและที่จะกล่าวต่อจากนี้ เมื่อถูกโจมตี ผู้โจมตีจะลังเลอย่างยิ่งเสมอ เพราะมนุษย์มักเป็นปรปักษ์ต่อปฏิบัติการ ณ ที่ที่มองเห็นความยากลำบาก และจะมองไม่เห็นความง่ายดายในการโจมตีผู้ซึ่งมีนครอันแข็งแกร่ง และประชาชนไม่เกลียดชัง
รัฐต่างๆ ของเยอรมนีมีอิสระในตนเองมาก พวกเขามีชนบทเล็กๆ และเชื่อฟังจักรพรรดิเมื่อประสงค์จะเชื่อฟัง พวกเขามิได้เกรงกลัวพระองค์หรืออำนาจอื่นๆ รอบด้าน เพราะพวกเขาป้องกันตนเองไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งทุกคนคิดว่าการจะยึดครองนครเหล่านี้เป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายและยากลำบากมาก เนื่องจากพวกเขามีกำแพงเมืองและทุกสิ่งพร้อม นั่นคือ มีคูน้ำกับป้อมปราการล้อมรอบ มีปืนใหญ่เรียงรายมากพอ มีคลังเสบียงสาธารณะเพียงพอสำหรับดื่มกิน และมีเชื้อเพลิงเพียงพอตลอดหนึ่งปี
นอกจากนี้ เพื่อให้มีอาหารเลี้ยงดูสามัญชนทั่วไปโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองคลังสาธารณะ พวกเขาจะเก็บเสบียงกลางไว้เพียงพอต่อการแลกเปลี่ยนกับแรงงานในการทำงานเป็นเวลาหนึ่งปี สิ่งเหล่านี้เสมือนหนึ่งเส้นประสาทและชีวิตของรัฐและส่วนการผลิต ซึ่งได้จากการเลี้ยงดูประชากรนี่เอง พวกเขายังยึดถือว่าการฝึกฝนทางการทหารคือเกียรติยศอันเกรียงไกร และพวกเขามีสถาบันมากมายที่จะธำรงรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้
ดังนั้น เจ้าผู้ครองนครผู้มีรัฐอันแข็งแกร่งและไม่เป็นที่เกลียดชังย่อมไม่มีทางถูกโจมตี และหากมีใครที่คิดจะโจมตีเขาจริงๆ ก็คงต้องล่าถอยด้วยความอัปยศ เพราะสิ่งต่างๆ บนโลกแปรเปลี่ยนไปได้มากมายเหลือเกิน จึงเป็นไม่ได้อีกต่อไปสำหรับใครสักคนที่จะยืนหยัดอยู่กับกองทัพของตนภายในวงล้อมโดยปล่อยเวลาสูญเปล่าไปหนึ่งปี
บางคนอาจแย้งว่า หากผู้คนที่มีทรัพย์สินอยู่นอกเขตนคร ได้เห็นทรัพย์สินของตนถูกเผาผลาญ พวกเขาไม่อาจทนได้ และการปิดล้อมอันยาวนานกับความรักที่พวกเขามีต่อทรัพย์สินทำให้พวกเขาลืมเจ้าไปเสียเล่า
มาเคียเวลลีก็จะตอบว่า เจ้าผู้ครองนครผู้ทรงกำลังอำนาจและมีน้ำใจ จะเอาชนะความยากลำบากเหล่านี้ได้เสมอ ขณะหนึ่งต้องให้ความหวังแก่ข้าแผ่นดินว่า ความเลวร้ายจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า ขณะหนึ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัวความโหดเหี้ยมของข้าศึก อีกขณะหนึ่งสร้างความปลอดภัยให้ตนเองด้วยความชาญฉลาดเหลือล้น โดยอาศัยผู้ที่แสดงให้เห็นว่าห้าวหาญอย่างเหลือเกิน
นอกจากนี้ข้าศึกมีเหตุผลที่จะเผาและทำลายแถบชนบทของศัตรูเพื่อแสดงศักยภาพ ในเวลานั้นจิตวิญญาณของมนุษย์จะยังเร่าร้อนและเต็มใจที่จะปกป้อง เจ้าควรรีรอสักหน่อยก่อน เพราะหลังจากนี้เมื่อเวลาล่วงเลย จิตวิญญาณพวกเขาจะเยือกเย็นลง ขณะที่ความเสียหายเกิดขึ้นไปแล้ว ความเลวร้ายมาสู่พวกเขาแล้ว ไม่มีทางเยียวยารักษาได้มากไปกว่านี้
ในยามนี้พวกเขาจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าของพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม เพราะผลปรากฏออกมาแล้วว่าเจ้ามีภาระหน้าที่ต่อพวกเขา ในการที่บ้านเรือนของพวกเขาถูกเผาผลาญ ทรัพย์สินของพวกเขาถูกทำลายเพราะการปกป้องเจ้า และธรรมชาติของมนุษย์จะถือภาระหน้าที่ต่อผู้อื่นเท่าๆ กับผลประโยชน์ที่พวกเขาสร้างให้ เฉกเช่นเดียวกับประโยชน์ที่ได้รับ
ดังนั้น หากท่านวินิจฉัยทุกสิ่งทุกอย่างดีแล้ว ก็จะไม่เป็นการยากลำบากสำหรับเจ้าผู้ชาญฉลาด ที่จะสุขุมรอบคอบในการรักษาจิตใจพลเมืองเป็นอันดับแรก จากนั้นก็สร้างความมั่นคงแก่พวกเขาในระหว่างถูกปิดล้อม ตราบที่เจ้าไม่ขาดแคลนเครื่องยังชีพเพื่อการสนับสนุนและปกป้องพวกเขา
จบบทที่สิบแล้วครับ.. ผ่านไปครึ่งเล่มของหนังสือ“THE PRINCE” (เจ้าผู้ครองนคร) ที่เล่าถึงเรื่องราวในอดีตของอิตาลีโดย“นิกโกโล มาเคียเวลลี”(Niccolo Machiavelli) ที่เหลืออีกครึ่งเล่มท่านผู้อ่านควรหาหนังสือนี้มาอ่านอย่างครบถ้วน ด้วยเป็นหนังสือที่มีคุณค่าและควรเก็บรักษาไว้ครับ ช่วงนี้ยังหาซื้อได้ไม่ยาก ตามร้านหนังสือทั่วไปหรือผ่านระบบออนไลน์ก็ได้ครับ
บทความต่อไปผมจะเขียนเรื่องราวของการเมืองไทย ช่วงบทบาทของ“อาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” ลูกชายคนเดียวของ “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน” อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 17
“อาจารย์โต้ง” เกิดบนกองเงินกองทองและท่ามกลางอำนาจรัฐ แต่ “อาจารย์โต้ง”กลับใช้ชีวิตติดดินยืนเคียงข้างคนยากจน แตกต่างราวฟ้ากับเหวกับ “ลูกสาวอดีตนายกฯ” ที่ขึ้นครองอำนาจในวันนี้ด้วย “เงินสกปรกจากความฉ้อฉล” ด้วยระบอบ “เงินเป็นใหญ่” ที่เรียกขานกันว่า“ประชาธิปไตยทุนสามานย์”!