xs
xsm
sm
md
lg

3 หนุ่มอุ้มตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



ก่อนหยุดยาวเทศกาลอีสเตอร์ ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์ประธานเฟดว่า เป็นคนที่เชื่องช้า “Mr.Too Late”ไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของตลาดเงินตลาดทุน และสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถึงขนาดเรียกประธานเจย์ พาวเวลล์ ว่าเป็นผู้แพ้ตลอดกาล “Mr.Loser”รวมทั้งเล่นการเมืองด้วยคือ เป็นอุปสรรคต่อนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ นั่นคือ เลือกข้างอยู่กับเดโมแครต ทั้งๆ ที่ประธานเจย์ เคยเป็นสมาชิกรีพับลิกัน และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานเฟดโดยปธน.ทรัมป์ในสมัยแรก หลังจากทรัมป์ไม่พอใจ (และไม่ถูกชะตากับผู้หญิงเก่ง) ประธานเฟดหญิงคนแรกคือ ดร.เจเน็ต เยลเลน เพราะเธอเป็นเดโมแครตมาก่อนรับตำแหน่ง ทรัมป์จึงไม่ต่ออายุเจเน็ต เยลเลน ให้เป็นประธานเฟดในสมัยที่สอง และเป็นการทำลายความน่าเคารพนับถือของเจเน็ต เยลเลน ที่กลายเป็นประธานเฟดเพียงคนเดียวที่อยู่ได้วาระเดียว

ต่อมา ปธน.ไบเดนได้ตั้งให้เธอเป็นรมต.คลังหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ในรัฐบาลไบเดน...และซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถลดความร้อนแรงลงมาจอดอย่างนิ่มนวลแข็งแกร่งในวันสุดท้ายที่ไบเดนส่งมอบให้แก่ทรัมป์ ขนาดทั้งสื่อยักษ์ ดิอีโคโนมิสต์ และไฟแนนเชียลไทม์ ออฟ ลอนดอน ยอมยกนิ้วให้แก่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีสภาพยอดเยี่ยมเมื่อปลายปี 2024

ทรัมป์ไม่ยั้งมือในการทับถมว่า เจย์ พาวเวลล์ ต้องรับผิดชอบต่อสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้กำลังต้องการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ประธานพาวเวลล์กลับไม่ยอม...เพราะเงินเฟ้อยังสูงอยู่...ซึ่งทรัมป์กำลังโยนความผิดทั้งหมดไปให้ประธานเฟดผู้คุมอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ...เพราะความจริงนโยบายภาษีนำเข้าแสนพิสดารเกินมนุษย์จะพึงกระทำ ได้กำลังโหมกระพืออัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ให้พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีอะไรจะมาทัดทานได้...แต่กลับไปโยนความผิดให้เจย์ พาวเวลล์ เป็นแพะ...พร้อมขู่จะปลดประธานเฟดออกให้ได้เมื่อไม่ยอมลดดอกเบี้ยตามใจจักรพรรดิทรัมป์ที่ดำเนินนโยบายผิดพลาดด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าที่ทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ เตรียมปรับตัวสูงขึ้นเป็น 100-200%!! ขณะที่อัตราว่างงานก็กำลังวิ่งไล่ตามมา เพราะหน่วยงาน DOGE ของอีลอน มัสก์ ก็ทำการปลดข้าราชการออกกว่าแสนคนในเวลาเพียงเดือนเดียว…ตามด้วยภาคเอกชนที่รีบทยอยลดพนักงานเพื่อรับกับบรรยากาศเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น (ขนาดทรัมป์รับมอบสภาวะเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยมมาจากไบเดน และเศรษฐกิจที่เงินเฟ้อพุ่งและการว่างงานจะพุ่งขึ้นตาม ไม่น่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยได้เร็วนัก เพราะเศรษฐกิจมีแรงส่งที่แข็งแกร่งมาช่วยไว้ด้วยซ้ำ)

ตลาดหุ้นในวันจันทร์อีสเตอร์ก็ดิ่งลงมา โดยดัชนีดาวโจนส์ขณะซื้อขายดิ่งลงกว่า 1 พันจุด และปิดตลาดติดลบไปเกือบพันจุด ก็เพราะสาเหตุที่ทรัมป์ขู่จะปลดประธานเฟดที่ไม่ยอมลดดอกเบี้ยซึ่งประธานเจย์ พาวเวลล์ ก็ได้ออกมาพูดนิ่มๆ ว่า เขาจะไม่ลาออกก่อนครบวาระ ปีหน้าแน่นอน...ซึ่งทำให้ทรัมป์ยิ่งโมโหจัด และออกมาขู่สำทับในวันจันทร์อีสเตอร์ว่า จะหาทางปลดออกให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ ประธานเฟดจะต้องมีความผิดอย่างร้ายแรงขนาดทรยศต่อชาติ หรือเอาความลับของชาติไปให้ฝ่ายศัตรู เป็นต้น จึงจะปลดออกได้

พอวันอังคารวันทำงานวันแรกหลังอีสเตอร์ ปรากฏทรัมป์ได้ออกมาเปลี่ยนคำพูดแบบ 180 องศา โดยเขียนใน Truth Social ของเขาว่า เขาไม่มีเจตนาที่จะปลดประธานเฟด โดยจะให้อยู่ครบเทอมแน่นอน (สาวกทรัมป์ชาชินต่อการชักเข้าชักออกของทรัมป์ และการโกหกเป็นศาลาโกหกของเขา) และทำให้ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นทันที! คำถามคือ ใครรวยจากนโยบายชักเข้าชักออกของทรัมป์…ถ้าไม่ใช่ญาติๆ และคนใกล้ชิดของเขาเล่า??

อีกสองหนุ่มคือ รมต.คลังและอีลอน มัสก์

มัสก์ออกมาสรุปผลประกอบการของบริษัทเทสลาในไตรมาสที่ 1 ที่ดิ่งเหว ไม่ว่าจะยอดขาย, กำไร, รายได้...โดยขนาดของบริษัทหายไป 6 แสนล้านเหรียญ ในช่วงมาทำงานการเมืองกับปธน.ทรัมป์ตั้งแต่ต้นปี และเขาบอกว่า เขาทำงานได้สำเร็จมาก ในการปลดออกข้าราชการเป็นแสนๆ คน และลดรายจ่ายรัฐบาลได้ถึง 1.6 แสนล้านเหรียญ (ตัวเลขนี้มีคนคัดค้านมาก และรีบลบตัวเลขออกภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังโพสต์...แม้ตัวเลขจะห่างไกลจากที่เคยคุยโวว่า จะลดค่าใช้จ่ายรัฐบาลถึง 2 ล้านล้านเหรียญใน 1 ปีก็ตาม!!)

เขาบอกว่าจะต้องกลับไปทุ่มบริหารงานให้แก่บริษัทเทสลา โดยจะยังคงทำงานให้ DOGE แค่ 1-2 วันในหนึ่งอาทิตย์ (ความจริงมีกฎหมายว่า พนักงานพิเศษของรัฐบาลจะทำงานได้แค่ 130 วันในหนึ่งปี) ก่อนจะหยุดทำให้ DOGE ในอีกราว 1 เดือน หุ้นเทสลาก็ปรับตัวขึ้นในวันอังคารหลังอีลอน มัสก์ แถลงทันที

หนุ่มที่ 3 (เป็นหนุ่มพันธุ์ทางที่มีภรรยาเป็นหนุ่มด้วย) คือ รมต.คลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ ที่เคยออกมาอุ้มตลาดตั้งแต่ปธน.ทรัมป์ประกาศภาษีนำเข้าโหด โดยเคยพูดว่าที่อัตราภาษีนำเข้าสูงมากก็เพื่อนำไปสู่การต่อรอง และความแน่นอนของอัตราภาษีจะเกิดขึ้นได้ไม่ช้าไปกว่าเดือนมิถุนายน (ครึ่งปีแรกพอดี!) และเป็นคนที่เข้าไปหาปธน.ทรัมป์ พร้อมร่างคำสั่งปธน.เมื่อ 9 เมษายน เพื่อขยายเวลาเริ่มการคิดภาษีนำเข้าชนิดตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน!

ช่วงที่ไอเอ็มเอฟกำลังประชุมประจำฤดูใบไม้ผลิที่ดี.ซี.ในสัปดาห์นี้ทางธนาคารเจพีมอร์แกน เชส ได้จัดประชุมสุดยอดนักลงทุนในห้องติดคู่ขนานกับการประชุมไอเอ็มเอฟ (ช่วงพักเที่ยงของการประชุมไอเอ็มเอฟ) โดยรมต.คลัง ไปพูดปลอบนักลงทุนว่า ภาษีนำเข้าที่กำลังสู้กันอยู่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนี้ จะไม่ใช่อัตราที่จะอยู่สูงขนาดนี้ตลอดไป (unsustainable) แต่จะต้องมีการเจรจาแน่นอน ซึ่งในที่สุดจะสามารถเจรจาหาข้อตกลงกันได้ในไม่ช้านี้!!ถ้าไม่เรียกว่าอุ้มตลาดแล้วก็ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอะไรดี

หุ้นที่สหรัฐฯ พุ่งขึ้นทันทีในวันอังคารหลังอีสเตอร์ และส่งผลให้หุ้นทั้งโลกปรับขึ้นกันทั้งหมด

คำถามคือ ใครรวยในครั้งนี้?...ก็เหล่าสาวกและคนใกล้ชิดทรัมป์ ที่จับทางได้ว่าการชักเข้าชักออกของทรัมป์ก็คือ การทุบหุ้นเพื่อช้อนซื้อในราคาถูก และรอไว้ขายในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เมื่อหุ้นขึ้นระเบิดระเบ้อนั่นเอง!


กำลังโหลดความคิดเห็น