xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใต้เงาจีน ภาค 2 (30) แผ่นดินไหวกับโรคระบาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล


หลังจากความร่วมมือด้านงานวิจัยครั้งนั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว ผมก็ยังคงไปมาหาสู่กับเพื่อนชาวจีนที่ที่เป็นนักวิชาการเหล่านี้อยู่เสมอ ตราบจนปี 2001 ชีวิตผมก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อผมได้ย้ายงานจากสถาบันเอเชียศึกษามาอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ และได้เปลี่ยนฐานะจากนักวิจัยมาเป็นอาจารย์ โดยในทางปฏิบัติแล้วจะได้เปลี่ยนจากงานวิจัยเป็นหลักมาเป็นงานสอนเป็นหลัก

แต่การย้ายงานของผมไม่ได้ทำให้ผมต้องหยุดไปจีนไปด้วย ผมยังคงไปจีนด้วยงานราชการที่มีเข้ามาอยู่เสมอ จนในปี 2003 และ 2004 นั้นเอง การไปจีนของผมก็มาถึงช่วงสำคัญเมื่อผมได้มีโอกาสไปนั่งเขียนงานวิจัยที่คุนหมิง การไปครั้งนี้ผมได้รับการอนุเคราะห์จากเจ้าสัวท่านหนึ่ง และได้ไปสองครั้งคือในปี 2003 และ 2004 ครั้งแรกใช้เวลาหนึ่งเดือน ครั้งที่สองใช้เวลาเดือนครึ่ง

การมีโอกาสไปนั่งเขียนงานเรื่องจีนที่จีนมีดีอยู่อย่างคือ เวลาติดปัญหาอะไรขึ้นมาก็สามารถถามเพื่อนชาวจีนได้โดยสะดวก และเพื่อนชาวจีนนี้มีทั้งที่เป็นนักวิชาการและไม่ได้เป็น ซึ่งมีบ่อยครั้งที่เพื่อนเหล่านี้ได้ให้คำอธิบายที่พิสดารมากกว่าในหนังสือเสียอีก

ส่วนมหาวิทยาลัยที่ผมไปพักและเขียนงานก็คือ มหาวิทยาลัยครุศาสตร์อวิ๋นหนัน (อวิ๋นหนันซือฟั่นต้าเสีว์ย, Yunnan Normal University) ที่ตั้งอยู่ในคุนหมิง เวลาที่นั่งเขียนงานจนสมองล้าผมก็จะพักด้วยการออกไปเดินเล่นตามถนนสายหลักไม่กี่สาย

 พูดถึงตรงนี้แล้วก็ต้องชมจีนอยู่เรื่องหนึ่งคือ ถนนของจีนไม่ว่าจะเมืองไหนจะมีบาทวิถีให้เดินได้อย่างสบายๆ บาทวิถีของจีนโดยมากจะกว้างขวาง ไม่คับแคบจนเดินเบียดเสียดหรือชนกันเวลาเดินสวนเหมือนในกรุงเทพฯ ซึ่งบางช่วงอย่าว่าแต่เดินเบียดเสียดเลย ถนนบางสายยังไม่มีบาทวิถีด้วยซ้ำไป  

คือพอเดินไปสุดช่วงหนึ่งของบาทวิถี คนเดินก็ต้องออกมาเดินบนริมถนนที่มีรถวิ่งไปมา ถ้าเป็นถนนที่มีรถวิ่งพลุกพล่านแล้วก็ต้องรีบเดินหรือวิ่งให้พ้นช่วงนั้นไปให้ได้โดยเร็ว

ฉะนั้น เวลาที่ผมเดินบนบาทวิถีที่จีนก็เดินได้โดยไม่ต้องระวังรถ และไม่ต้องกลัวว่าจะเดินไปชนหรือเบียดใคร ระหว่างทางผมจึงได้เห็นหลายชีวิตบนบาทวิถีของจีน และที่ผมชอบมากก็คือ หนังสือที่ปูขายแบบแบกะดิน หนังสือพวกนี้จะถูกวางบนผ้าใบพลาสติก ส่วนคนขายจะนั่งบนเก้าอี้เตี้ยๆ จนเหมือนนั่งยอง หนังสือจะมีทุกประเภทยกเว้นหนังสือโป๊ และสภาพหนังสือจะเก่าคร่ำคร่า บางเล่มยับเยินจนอยู่ในสภาพที่เราเรียกว่า เน่า ก็มี

ที่ผมขำคือ บางเล่มยังมีเศษดินเศษทรายปนอยู่ในตัวเล่ม จนอยากจะถามคนขายว่า จะมีแก่ใจเคาะดินเคาะทรายออกหน่อยไม่ได้หรือไง?

ผมมักจะได้หนังสือแบกะดินเหล่านี้ไม่เฉพาะที่คุนหมิง หากเมืองอื่นในจีนก็ได้เสมอ มีหลายเล่มที่เป็นหนังสือเก่าที่พิมพ์มาหลายสิบปี และเป็นหนังสือที่มีประโยชน์ทางวิชาการที่มิอาจหาได้อีกแล้วก็มีเช่นกัน ผลงานของผมที่อ้างอิงหรือใช้ประโยชน์จากหนังสือแบกะดินจึงมีอยู่จำนวนหนึ่ง

แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังใช้ชีวิตตามปกติอยู่นั้น จู่ๆ ก็ให้เกิดการระบาดของ โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันหรือโรคซาร์ส  ขึ้นมา ชื่อโรคนี้ย่อมาจากคำว่า Severe Acute Respiratory Syndrome - SARS

ตอนที่ระบาดคือปี 2003 และผมก็อยู่ที่จีนพอดี แรกๆ ทำเอาผมเครียดในช่วงสั้นๆ พอรู้จักโรคนี้แล้วจึงหายเครียด แต่คนที่เครียดมากกว่าผมก็คือ คนจีน

เพราะพลันที่เกิดการระบาดของโรค ข่าวลือต่างๆ ก็สะพัดไปในทางที่เลวร้ายจนเกินจริง ในส่วนของภาครัฐก็มีปัญหาไม่ยอมรับการมีอยู่หรือการเป็นแหล่งกำเนิดของโรคนี้ในช่วงแรกๆ จนถูกตำหนิไปทั่วโลก

 ในส่วนของประชาชนก็มีปัญหาจากข่าวลือจนเกิดโกลาหลในบางพื้นที่ ที่ผมเห็นกับตาก็คือ ชาวจีนที่ยืนเข้าคิวที่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตยาวเหยียดออกไปบนบาทวิถี เพื่อซื้อน้ำส้มสายชูหรือจิ๊กโฉ่เอาไปต้มที่บ้าน ด้วยเชื่อว่ากลิ่นไอระเหยของจิ๊กโฉ่ที่คลุ้งห้องจะป้องกันโรคซาร์สได้ จากเหตุนี้ การแย่งกันซื้อจิ๊กโฉ่จึงเกิดขึ้นจนนำไปสู่การชุลมุนในบางพื้นที่ และทำให้จิ๊กโฉ่ขาดตลาดในที่สุด 

ส่วนประเทศไทยไม่มีปัญหาในการตั้งรับโรคระบาดนี้ จนอยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนอาจารย์ท่านหนึ่งมาเยี่ยมผมถึงที่พัก และถามผมว่า ทำไมไทยจึงจัดการปัญหาโรคซาร์สได้ดี ผมตอบท่านว่า โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า น่าจะเป็นเพราะไทยเจอโรคระบาดอยู่เป็นระยะมาหลายร้อยปีแล้ว คนไทยโดยส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคอย่างมาก ทางการว่าอย่างไรก็จะปฏิบัติตามนั้น

ส่วนคนจีนเจอโรคระบาดไม่บ่อยเท่าไทย พอเกิดโรคระบาดขึ้นก็วิตกจนเกิดโกลาหล ยิ่งมีข่าวลือด้วยแล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ แล้วผมก็บอกว่า ภัยที่คนจีนคุ้นชินมากกว่าคนไทยคือ แผ่นดินไหว คนไทยถ้าเจอแผ่นดินไหวก็จะตกใจและโกลาหล ผิดกับคนจีนที่เจอบ่อยจนรู้ว่าไหวแค่ไหนจึงเผ่นได้ แล้วผมก็เล่าให้ท่านฟังว่า เมื่อปี 1996 ขณะที่ผมทานมื้อเย็นกับเพื่อนชาวจีนอยู่นั้นได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นจนอาคารสั่นสะเทือน ผมก็ตกใจและตั้งท่าลุกขึ้นจะวิ่งหนี

แต่ถูกเพื่อนชาวจีนฉุดแขนให้นั่งลงพร้อมกับพูดว่า แค่นี้จิ๊บๆ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ว่าแล้วก็กินต่อไป และผมก็ไม่เห็นใครในห้องอาหารที่มีอยู่นับร้อยคนตกใจแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาดื่มกินและพูดคุยกันตามปกติ

แล้วท่านก็ถามผมว่า แล้วปัญหาโรคซาร์สในจีนขณะนี้ผมมีความเห็นอย่างไร ผมตอบว่า รัฐบาลจีนอยู่ในภาวะทวิบถ (dilemma) คือถ้าประกาศการระบาดของโรคอย่างตรงไปตรงมา (ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดี) ก็จะมีปัญหาคนจีนตื่นตูมอย่างที่เห็น ครั้นไม่ประกาศโรคก็จะระบาดไปเรื่อยๆ จนยากที่จะป้องกัน
ผมบอกท่านว่า เรื่องที่จีนไม่ควรทำเลยก็คือ การปกปิดข้อเท็จจริงของโรคนี้ โดยเฉพาะกรณีที่โรงพยาบาลในปักกิ่งหลอกพาคนไข้ที่ติดโรคนี้ขึ้นรถโดยอ้างว่าจะพาไปเที่ยว เพียงเพื่อจะหนีเจ้าหน้าที่จากองค์การอนามัยโลกที่มาตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับชาวจีนและชาวโลก แต่จีนกลัวเสียหน้าและไม่ยอมรับว่าตนเป็นแหล่งกำเนิดของโรคจนเกินเหตุ ซ้ำร้ายยังโยนให้ไทยบ้าง หรือเพื่อนบ้านในอาเซียนบ้าง ว่าเป็นแหล่งกำเนิดของโรค
ผมควรกล่าวด้วยว่า ตอนที่ผมคุยกับเพื่อนอาจารย์นั้น จีนได้ปลดรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขที่ก่อปัญหาดังกล่าวไปแล้ว และรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาแทนก็เริ่มติดต่อกับชาวโลกเพื่อร่วมกันแก้ปัญหานี้อีกครั้ง
แล้วท่านก็ถามต่อไปว่า ที่เมืองไทยไม่มีแผ่นดินไหวหรือ? ผมตอบท่านว่า เท่าที่ผมจำได้และที่ประสบด้วยตัวเองคือปี 1975 แต่ไหวไม่มาก และสงสัยว่าตัวเองไม่สบายเวียนหัว แต่พอถามหลานที่อายุเท่าผม หลานก็ตอบว่า เขาก็รู้สึกเวียนหัวเหมือนกัน แต่พอออกมานอกอาคารจึงรู้ว่าแผ่นดินไหวก็ตกใจและตื่นเต้น

หลังจากนั้นผมเจออีกสองครั้งที่ญี่ปุ่นและจีนในปี 1994 และ 1996 ตามลำดับ แต่ทั้งสองครั้งนี้ไม่รุนแรงจนสร้างความเสียหาย และทั้งเพื่อนชาวญี่ปุ่นและชาวจีนต่างก็บอกผมว่า อย่าตกใจ ไหวแค่นี้ไม่มีอะไรรุนแรง แต่ในกรณีจีนนั้นผมมารู้ในวันรุ่งขึ้นว่า เกิดแผ่นดินไหวที่ลี่เจียง เมืองนี้ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอวิ๋นหนัน แผ่นดินไหวครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตไปกว่า 300 คน
 ดังนั้น ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 ที่กรุงเทพฯ ผมจึงไม่ตกใจมากนัก ด้วยมีประสบการณ์จากที่เล่ามา แต่ผมก็ไม่ประมาทด้วยการหาทางหนีทีไล่ในลักษณะเตรียมพร้อม พอถึงวันต่อๆ มาผมกลับนึกไม่ถึงว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากฝีมือของมนุษย์  


กำลังโหลดความคิดเห็น