xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปลดล็อกโฆษณาเหล้า-เบียร์ “ทุนน้ำเมา” ตีปีก ปลุกสุราชุมชนฟีเวอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  นับเป็นการผ่านร่างกฎหมายที่บ่งบอกถึงความสามัคคีชุมนุมโดยแท้ เพราะสภาฯ มีมติเอกฉันท์ 365 ต่อ 0 เสียง ไฟเขียวปลดล็อกร่างกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้โฆษณาเหล้า-เบียร์ ได้ นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะเกื้อหนุนให้สุรา-เบียร์ชุมชน ฟีเวอร์ จากการ “เปิดค่าการมองเห็น” และช่วยหนุนส่งให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคึกคัก 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ ... พ.ศ. ... ที่ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว จำนวน 38 มาตรา ในวาระ 2 และวาระ 3 หลังจากมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ประธานในที่ประชุมได้ให้สมาชิกลงมติว่าจะเห็นชอบกับร่างกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ โดยที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 365 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง

จากนั้น ที่ประชุมได้มีการลงมติว่าจะเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการหรือไม่ โดยที่ประชุมลงมติ เห็นด้วย 356 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง

เนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมายฯ คือ มาตรา 32 ที่ห้ามผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ที่ประชุมสภาฯ ได้ลงมติไม่เห็นด้วย 371 เสียง เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง ถือเป็นการปลดล็อกและสามารถประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์หลัง ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ว่าการแก้ไขที่ยาวนานของ พ.ร.บ. #ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำเร็จแล้ว

กฎหมายฉบับนี้ เป็นหนึ่งในกฎหมายที่ใช้เวลาหาข้อสรุปกันค่อนข้างนาน เนื่องจากมีการเสนอเข้ามาและรับหลักการในวาระ 1 ร่วมกันมากถึง 5 ฉบับ คือ ฉบับ ครม. โดยกระทรวงสาธารณสุข ฉบับ พรรคเพื่อไทย โดยนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เป็นผู้เสนอ ฉบับพรรคก้าวไกล โดย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เป็นผู้เสนอ และฉบับที่เสนอโดยเครือข่ายผู้สนับสนุนการควบคุมการเข้าถึงแอลกอฮอล์ที่เคร่งครัดขึ้น รวมถึงฉบับที่เสนอโดยเครือข่ายผู้สนับสนุนการผ่อนคลายเพื่อส่งเสริมธุรกิจแอลกอฮอล์

การทำงานในชั้นกรรมาธิการ จึงต้องหาจุดสมดุลให้มากที่สุด ที่จะผ่อนคลายการควบคุมที่ไม่สมเหตุสมผล ให้สามารถส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น แต่ก็ยังต้องคงไว้ซึ่งมาตรการควบคุมในบางเรื่อง และบทลงโทษที่เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ เพื่อปกป้องการเข้าถึงสุราจากเยาวชน และพฤติกรรมการดื่มที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ตามนโยบายที่ได้รับมาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน

ข้อสรุปของการแก้ไขกฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์ ครอบคลุมสาระสำคัญ 5 เรื่องหลักคือ คณะกรรมการ, การควบคุม, การโฆษณา, การบำบัดฟื้นฟู และบทลงโทษ โดยในส่วนของคณะกรรมการ เพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจและสภาเยาวชน ในคณะกรรมการควบคุม ส่งเสริมบทบาทคณะกรรมการในระดับจังหวัด และให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร่วมเป็นรองประธาน

ส่วนการควบคุม ให้ยกเลิกคำสั่งคณะปฏิวัติ และคำสั่ง คสช. ที่เกี่ยวข้อง เพื่อคืนอำนาจฝ่ายบริหารในการกำหนดเวลา และสถานที่ห้ามขาย รวมทั้งเพิ่มการกำกับดูแล ลดการขายให้เยาวชนและผู้อยู่ในภาวะมึนเมา

ในเรื่องการโฆษณา ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ได้แยกออกมาเป็นบทเฉพาะ โดยเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถแสดงผลิตภัณฑ์ได้ หากไม่มีเจตนาเพื่อการค้า และให้ผู้ประกอบการสามารถประชาสัมพันธ์ ชื่อ และรายละเอียดสินค้าได้มากขึ้น โดยต้องไม่เป็นการเชิญชวนให้ดื่ม หรืออวดอ้างสรรพคุณ และห้ามนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตราเสมือน มาโฆษณาโดยสื่อให้เข้าใจว่าเป็นโฆษณาแอลกอฮอล์

สำหรับการบำบัดฟื้นฟู ขยายกรอบผู้ที่สามารถได้รับการบำบัดฟื้นฟู จากเพียงผู้ติดแอลกอฮอล์ เป็นผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และให้อำนาจหน่วยงานในการขอการสนับสนุนงบประมาณ หรือความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น

และบทกำหนดโทษ ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการเลือกใช้ มาตรการตักเตือน แทนการบังคับใช้บทลงโทษทางอาญาหรือทางปกครองได้ เพิ่มมาตรการปรับเป็นพินัยในกรณีความผิดที่ไม่รุนแรงมีการแยกโทษการโฆษณาของประชาชนโดยทั่วไป ที่ไม่เท่าทันกฎหมาย ออกจากโทษของผู้ประกอบการ ให้มีเพดานโทษที่น้อยกว่า รวมทั้งเพิ่มโทษของกรณีการขายสุราให้เยาวชน และเพิ่มอำนาจในการสั่งปิด ระงับใบอนุญาต หรือเพิกถอนใบอนุญาต ในกรณีที่กระทำผิดต่อเนื่องหรือร้ายแรง

 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร  สส.พรรคประชาชน ซึ่งเป็นผู้ออกแรงผลักดันคนสำคัญ โพสต์หลังสภาฯ ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายหลายครั้งหลายคราไม่ว่าจะเป็นโทษของการโฆษณาที่ไม่สมเหตุสมผล การใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่มักจะค้านกับความเห็นของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากกฎหมายเดิมเขียนคลุมไว้กว้างขวางมาก

ในวันนี้ปัญหาดังกล่าวได้รับการคลี่คลายลงไปแล้วในบางส่วน โดยมีใจความสำคัญของเรื่องที่ได้รับการแก้ไข ดังนี้ มีการผ่อนปรนให้ขายในสถานที่ของทางราชการได้ ตามที่คณะกรรมการจังหวัดเห็นชอบ (อาจจะเป็นครั้งคราว เช่น การจัดงาน OTOP) เวลาการขายช่วง 14.00 - 17.00 น. ที่เคยถูกห้ามไว้โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ได้ถูกยกเลิกไปโดย พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ การกวดขันส่งเสริมให้ร้านค้ามีการตรวจสอบอายุและระดับความมึนเมาของผู้ซื้อให้เข้มงวดมากขึ้น ขายผ่านเครื่องอัตโนมัติได้แล้ว (กฎหมายเพื่ออนาคต) ดื่มในสถานศึกษาที่มีการเรียนการสอนเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ และให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ประชาสัมพันธ์ ได้ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนด

อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าว ยังไม่มีผลในทันทีเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะยังต้องรอให้รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการควบคุม ออกกฎหมายลูกก่อน

นายเท่าพิภพมองว่า ถือเป็นพัฒนาการทางกฎหมายที่ดี ที่จะส่งผลให้ธุรกิจแอลกอฮอล์และการท่องเที่ยวของไทยเติบโตขึ้น รวมถึงบรรเทาผลกระทบของพี่น้องประชาชนที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม และหวังว่ารัฐบาล (ฝ่ายบริหาร) จะออกกฎหมายลูกในแนวทางที่ผ่อนปรนมากขึ้น

ที่ผ่านมา การควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กำหนดไว้ในมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงแสดงชื่อ หรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การคุมโฆษณาของทุนใหญ่ แต่ข้อห้ามดังกล่าว กระทบไปถึงบุคคลทั่วไป ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ไม่สามารถโฆษณา ประชาสัมพันธ์ แบบโจ่งแจ้งได้ เช่น ห้ามโพสต์เห็นยี่ห้อแอลกอฮอล์ ห้ามโพสต์ชักชวนดื่ม ชักชวนลองทั้งทางตรงและทางอ้อม ห้ามโพสต์อวดอ้างสรรพคุณแม้ไม่มีชื่อแบรนด์หรือโลโก้ ห้ามถ่ายของแถมที่มีโลโก้แอลกอฮอล์ ฯลฯ

สำหรับผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท มีข้อบังคับห้ามโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม ห้ามให้มีการปรากฏภาพของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ

ข้อห้ามต่าง ๆ นา ๆ มากมาย และอาศัยการตีความอย่างกว้างขวางของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากข้อห้ามโฆษณา ประชาสัมพันธ์ มีความคลุมเครือ ทำให้ทุนน้ำเมา ต้องพลิกแพลงหันไปใช้การทำซีเอสอาร์กับสังคมเพื่อให้จดจำชื่อและภักดีต่อตรายี่ห้อ ขณะที่ผู้ประกอบการสุราชุมชน เบียร์ชุมชน คนตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกจำกัดห้ามโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ยากที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดวงกว้าง เสียงเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายในมาตราดังกล่าวจึงมีมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการกำหนดเวลาซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ย้อนไทม์ไลน์เรื่องนี้ เริ่มมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2495 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี จนมาถึงยุคจอมพลถนอม กิตติขจร ออกประกาศคณะปฏิวัติ ปี 2515 ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในเวลาอื่น นอกจากเวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 17.00-24.00 น. เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต

ส่วนการห้ามขายเหล้าในวันพระใหญ่ เริ่มต้นในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อปี 2551 ต่อมา ปี 2552 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 4 วันพระใหญ่ คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ยกเว้นการขายในโรงแรม นับตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของวันนั้น ถึงเวลา 24.00 น.ของวันรุ่งขึ้น

พอถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2558 เพิ่มวันห้ามขายจากเดิมอีกหนึ่งวันคือ วันออกพรรษา ยกเว้นการขายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ และขายในสถานบริการ และคงกำหนดเวลาขายได้เฉพาะเวลา 11.00 - 14.00 น. และ 17.00 - 24.00 น. ตามประกาศคณะปฏิวัติ พ.ศ. 2515 ต่อมา ในปี 2564 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังเพิ่มการควบคุมพื้นที่การขายและห้ามขายทางออนไลน์

ปี 2566 รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน กระทรวงมหาดไทย อนุญาตให้สถานบันเทิงเปิดบริการได้ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น และให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานบันเทิงได้ตามเวลาที่กำหนด ในโซนพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และยังปลดล็อกให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ตและหาดใหญ่ เพื่อดึงเม็ดเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจ

ปี 2567 รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 5 วันพระใหญ่ แต่ยกเว้นการขายในอาคารท่าอากาศยานที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ และล่าสุด เมื่อปี 2568 คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ มีมติให้ขายเพิ่มเติมได้ในโรงแรม สถานบริการในแหล่งท่องเที่ยว สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ และห้องปรับอากาศบริเวณโถงสถานีรถไฟกรุงเทพฯ และกรณีรถเช่าเหมาคัน

 การปลดล็อกโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คราวนี้ จะช่วยหนุนส่งให้สุราชุมชน คนตัวเล็กตัวน้อยลืมตาอ้าปากได้ หรือจะติดปีกให้ทุนใหญ่ขยายตลาดกวาดนักดื่มหน้าใหม่ รอติดตามกันต่อไป 


กำลังโหลดความคิดเห็น