ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถือว่าทอปฟอร์มทีเดียว “สาวไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ที่พลิกบทจาก “ตัวแรง” ในเรื่องที่ไม่สมควร จนบางครั้งคนกันเองยังต้องแตะเบรก กลายมาเป็น “ตัวแรง“ ในเรื่องที่ถูกที่ควร เป็นประโยชน์กับผู้คน สมตำแหน่ง ”ผู้แทนราษฎร“ ที่สวมหมวกอยู่ในปัจจุบัน
กับการเกาะติดความไม่ชอบมาพากลของการใช้จ่ายงบประมาณ ”กองทุนประกันสังคม“ อาทิ การใช้งบประมาณเพื่อไปดูงานในต่างประเทศแพงเกินความเป็นจริง และยังไม่พบว่ามีการศึกษาดูงานที่เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน, รายจ่ายสำหรับการอบรมที่ซ้ำซ้อน และไม่มีความจำเป็น, การจัดทำปฏิทินประกันสังคม ที่ใช้งบประมาณมากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี และงบประมาณในการจ้างทำเว็บแอปฯ สูงถึง 850 ล้านบาท เป็นต้น
และเพียงไม่นาน ก็เริ่มทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการร่วมเรียกร้องให้มีการพิจารณาปรับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ให้กับผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 ให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งถือว่าสำเร็จก้าวแรกหลังคณะกรรมการประกันสังคม มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบในหลักการและสั่งการสำนักงานประกันสังคมกลับไปดำเนินการพิจารณาในรายละเอียดให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น
แต่ประเด็นที่ทำให้ “สาวไอซ์” ได้รับเสียงเชียร์ดังสนั่นเมือง หลังร่วมกับ สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคเดียวกัน เปิดโปงการนำเงินกองทุนประกันสังคม ไปซื้ออาคารสกายไนน์ เซนเตอร์ ย่านพระราม 9 มูลค่าถึง 7 พันล้านบาท ทั้งที่อาคารดังกล่าวมีราคาประเมินเพียงแค่ 3 พันล้านบาท โดยตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการจงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่
จนเกิดวิวาทะกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาลชุดก่อน ช่วงที่มีการซื้อตึกใจกลางเมืองกรุงดังกล่าว
เอาเข้าจริง “สส.ไอซ์” ก็ไม่ได้มีพื้นเพในการต่อสู้เพื่อผู้ประกันตน หรือมีความรู้เกี่ยวกับเส้นสนกลในกองทุนประกันสังคมมาก่อน ซึ่งจริงๆ ควรเป็นบทบาทของ “ปีกแรงงาน” ในพรรคประชาชน แต่เพิ่งได้ข้อมูลจากงาน “Hackathon งบประกันสังคม” ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ณ อาคารรัฐสภา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ซึ่ง “รักชนก” เข้าร่วมด้วยในฐานะ กมธ.
ประกอบกับข้อมูลต่างๆ ก็ได้มาจากบอร์ดประกันสังคมฝ่ายผู้ประกันตน ซึ่งก็เป็นทีมประกันสังคมก้าวหน้า ที่เป็นเครือข่ายของพรรคประชาชน
กลายเป็นว่า 1 เดือนที่ผ่านกับบทบาทฝ่ายตรวจสอบ ที่ไม่กั๊กข้อมูลเพื่อรอเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น เกือบทำให้ผู้คนหลงลืมว่า เธอยังมีสถานะเป็น “ผู้ต้องหา” ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้มีความผิด ลงโทษจำคุก 6 ปี และอยู่ระหว่างได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่ออุทธรณ์คดี
ทั้งนี้ “ไอซ์-รักชนก” ถือเป็น สส.หน้าใหม่คนหนึ่งที่ได้รับความสนใจ หลังสร้างชื่อโดยการล้มคนดังอย่าง “เสี่ยหนุ่ม” วัน อยู่บำรุง อดีต สส.และผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2566 มาได้อย่างขาดลอย วนการเบือกตั้ง สส.กทม. เขต 28 ซึ่งประกอบด้วย จอมทอง (เฉพาะแขวงบางขุนเทียน) บางบอน (ยกเว้นแขวงบางบอนใต้ แขวงคลองบางบอน) หนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม)
ปัจจุบัน “สส.ไอซ์” อายุเพียง 27 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณทิต สาขาสถิติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยประกอบอาชีพขายของออนไลน์ เครื่องเขียน กิฟต์ชอปต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการทำเพจคอนเทนต์ที่แชร์ข่าวสาร ด้วยความสนใจเหตุบ้านการเมืองเป็นทุน
โดยที่ “สาวไอซ์” ก็เป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนการชุมนุมของ “ม็อบสามนิ้ว” เป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้อยู่ในระดับนำ ก่อนที่จะมาสร้างชื่อในช่วงแพลตฟอร์มคลับเฮาส์ได้รับความนิยม โดยเธอมักไปเข้าร่วมสนทนาตามห้องต่างๆ และด้วยสกิล ”ปากแซ่บ“ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่แล้วจนมีตัวตน และได้รับฉายา “เซเลบคลับเฮาส์”
ช่วงไล่เลี่ยกันนี้เอง ด้วย “จุดยืน” ในการสนับสนุน “ม็อบสามนิ้ว” ที่ทำให้เธอมีคดีมาตรา 112 ติดตัว จนถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา เนื่องจากทวีตข้อความวิจารณ์เรื่องการจัดซื้อวัคซีน และรีทวีตภาพถ่ายในการชุมนุมช่วงเดือนตุลาคม 2563 ที่แยกปทุมวัน ซึ่งมีข้อความระบุถึงการต่อต้านสถาบันฯ
ครั้งหนึ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 “สาวไอซ์” เคยตกเป็นข่าวดัง เมื่อมีปากเสียงกับ “ต้อม” ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ ในประเด็นการกล่าวหาว่ามีคนทุจริตเงินบริจาคสนับสนุนการชุมนุมทางการเมืองของ “ม็อบสามนิ้ว” และอ้างว่าถูก “ยุทธเลิศ” ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ก่อนเข้าแจ้งความต่อ สน.ปากคลองสาน
ทว่า เมื่อเดือนกันยายน 2566 หลังได้รับเลือกมาเป็น สส.แล้ว ศาลก็ได้ตัดสินลงโทษ ปรับ 2.5 พันบาท ฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้า พร้อมให้ขอโทษ “ยุทธเลิศ” ทั้งต่อหน้า และโพสต์ข้อความผ่านสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นโทษที่ลดลงกึ่งหนึ่ง หลังจากที่ “ไอซ์” ให้การสารภาพในชั้นศาล
และย้อนไปในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง “ไอซ์” ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน ก็ยังได้รับความสนใจกับวิธีการหาเสียงด้วยการปั่นจักรยานหาเสียงในพื้นที่ พร้อมทั้งนำแผ่นนโยบายมาทำเป็นมาลัยคล้องคอให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงนโยบายของพรรคได้มากขึ้นอีกด้วย พร้อมมอตโต้ประจำตัวว่า “เข้าใจปัญหา พึ่งพาได้จริง ไม่ละทิ้งอุดมการณ์”
ช่วงเดียวกันนั้นก็มักมีการนำภาพถ่าย-คลิปส่วนตัวในอิริยาบถต่างๆ ของ “สาวไอซ์” ออกมาเผยแพร่หลายต่อหลายภาพจนกลายเป็นภาพจำ และถูกนำมาบูลลี่ว่าเป็น “สส.สก๊อยซ์”
ไม่นานมานี้หลังมีการเปิดประเด็นกองทุนประกันสังคม หลายต่อหลายคนชื่นชมการต่อสู้อย่างถึงลูกถึงคนของ “ไอซ์” โดยมองว่า มีพัฒนาการที่ไกลจากเดิมเป็นอย่างมาก ด้วยการทำงานหนัก ลงพื้นที่ ฝึกการอภิปราย ศึกษาข้อมูลและจับประเด็นต่างๆ ได้ดี พร้อมกับปรบมือให้ดังๆ
ขณะเดียวกันก็ตั้งความหวังถึง “ไอซ์” ตลอดรวมถึงบรรดา สส. “พรรคส้ม” ว่า ถ้าหากเลิกไปฝักใฝ่กับแนวทางของศาสดาในเรื่อง “สถาบัน” จากนั้นหันมาชำระสะสางปัญหาขยะใต้พรมที่มีอยู่มากมายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นฐานะ “รัฐบาล” หรือ “ฝ่ายค้าน” อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ คงเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง เพราะเป็นการทำหน้าที่ในฐานะ สส.ที่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
