xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใต้เงาจีน ภาค 2 (27) ประเวณี ยาเสพติด และโรคเอดส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล


ในตอนก่อนผมได้เล่าถึงหญิงจีนที่สมัครใจมาค้าประเวณีในไทย โดยชี้ให้เห็นว่าเป็นปัญหาที่ไทยกับจีนต้องเผชิญและแก้ร่วมกันโดยตรง และโปรยเอาไว้ว่า ถ้าเป็นโดยอ้อมแล้วก็คือ ปัญหาโรคเอดส์หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในภาษาไทย ในตอนนี้เราก็มาว่ากันในประเด็นปัญหาโดยอ้อมนี้

เวลานั้นจีนก็ไม่ต่างกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ต้องเผชิญกับปัญหาโรคเอดส์เช่นกัน ซึ่งก็คือช่วงทศวรรษ 1990 และเมื่อต้องเผชิญกับโรคร้ายนี้แล้วก็ย่อมมีมาตรการต่างๆ มาป้องกันและต่อสู้กับโรคนี้ไปด้วย ซึ่งที่มาของโรคนี้จะมาจากเพศสัมพันธ์และจากยาเสพติดอันเนื่องจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน

 กล่าวในแง่เพศสัมพันธ์แล้วจีนอาจจะแตกต่างจากหลายๆ ประเทศตรงที่ว่า โรคเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์ของจีนไม่ได้มาจากคนรักร่วมเพศระหว่างชายกับชายเป็นหลัก หากแต่มาจากชายกับหญิงที่ฝ่ายหนึ่งนำเชื้อไปติดอีกฝ่ายหนึ่ง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตอนนั้นสังคมจีนยังรังเกียจพวกรักร่วมเพศอย่างมาก โดยเฉพาะรักร่วมเพศชายกับชาย 

และมักถูกต่อต้านจากคนที่รู้อย่างรุนแรง คนกลุ่มนี้จึงต้องปกปิดความจริงของตนแม้แต่กับคนในครอบครัวของตัวเอง บางคนถึงกับลงทุนแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อแสดงให้คนรอบข้างเห็นว่าตนเป็นชายแท้ก็มี แล้วก็แอบไปมีความสัมพันธ์ลับๆ กับชายคนรักของตน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ตลอดเวลา

คนในกลุ่มนี้จึงมีชีวิตรักที่ค่อนข้างจะขมขื่น

ดีที่ปัจจุบันนี้คนจีนมีความเข้าใจคนรักร่วมเพศกันมากขึ้น แม้จะไม่เปิดกว้างเท่าไทย แต่ก็เริ่มมีการรวมกลุ่มกันบ้าง ส่วนที่เปิดเผยแบบรายคู่รายบุคคลก็มีมากขึ้น เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกแบบที่ไทยทำกันในที่สาธารณะ

กลับมาที่โรคเอดส์อีกครั้ง หากจำกันได้ผมเคยเล่าไปก่อนหน้านี้แล้วว่า มีหญิงจีนคนหนึ่งที่ทางไทยช่วยเอาไว้ได้แล้วพบว่าเธอเป็นโรคเอดส์ และได้เสียชีวิตหลังจากที่ส่งเธอกลับบ้านเกิดที่จีนได้ไม่กี่เดือน โดยโรคเอดส์นั้นเธอติดตอนที่อยู่เมืองไทยในขณะค้าประเวณี กรณีนี้ทำให้เข้าใจได้ว่า ที่จีนเองการติดโรคเอดส์ก็มาจากการมีสัมพันธ์ทางเพศในทำนองนี้

ส่วนการติดโรคเอดส์จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันผ่านยาเสพติดก็เช่นกัน ที่จีนก็ประสบพบเจอไม่ต่างไปจากนานาประเทศ จากนั้นการแพร่ของโรคเอดส์ก็กลายเป็นวงจรเวียนกันไป ระหว่างการติดโรคจากเพศสัมพันธ์กับการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเชื้อเอดส์จะแพร่เข้าสู่ร่างกายโดยผ่านทางเส้นเลือด

กล่าวคือ ถ้าติดโรคนี้จากการมีเพศสัมพันธ์ก็หมายความว่า ระหว่างที่มีการร่วมเพศกันนั้น เชื้อเอดส์ของคนที่เป็นโรคนี้จะเข้าไปทางเส้นเลือดของฝ่ายที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ และที่ผ่านเข้าไปได้ก็มาจากการเสียดสีกันของอวัยวะเพศของทั้งสองฝ่ายขณะมีเพศสัมพันธ์กัน

เหตุดังนั้น กรณีที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันแล้วการติดเชื้อก็มาจากหลักการเดียวกัน คือมีเชื้อในเข็มจากคนใช้เข็มที่ติดโรคเอดส์อยู่ก่อนแล้ว พออีกคนนำเข็มนี้มาใช้ต่อ เชื้อก็จะเข้าไปทางเส้นเลือดของคนนั้นในที่สุด

การที่เชื้อเอดส์แพร่ผ่านทางเส้นเลือดนี้ทำให้คิดถึงข่าวหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่โรคเอดส์ระบาด คือมีชายในจังหวัดภาคกลางของไทยคนหนึ่งไปเที่ยวซ่อง แล้วไปต้องชะตากับหญิงโสเภณีที่ตนร่วมหลับนอนด้วย ฝ่ายหญิงเองก็ถูกชะตาฝ่ายชายเช่นกัน จากนั้นฝ่ายหญิงก็เลิกเป็นโสเภณีแล้วมาอยู่กินกับฝ่ายชายฉันสามีภรรยา โดยที่ฝ่ายชายไม่ได้รังเกียจในภูมิหลังของฝ่ายหญิงเลย

ซึ่งดูไปแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะกรณีเช่นนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

 แต่แล้วก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้นมาเมื่อได้ปรากฏในเวลาต่อมาว่า ฝ่ายหญิงเป็นโรคเอดส์ และไม่นานหลังจากนั้นก็เสียชีวิต เรื่องนี้ได้ยังความโศกเศร้าเสียใจให้กับฝ่ายชายอย่างมาก แต่ก็มีคำถามว่า แล้วฝ่ายชายติดโรคนี้จากฝ่ายหญิงด้วยไหม คำตอบคือ ไม่

และสาเหตุที่ไม่ติดก็เพราะตอนที่ทั้งสองมีเพศสัมพันธ์กันนั้น มันลื่นไหลจนการเสียดสีที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ผิวหนังถลอกจนเลือดจากฝ่ายหญิงผ่านไปยังฝ่ายชาย เชื้อเอดส์ของฝ่ายหญิงจึงไม่แพร่เข้าไปในร่างของฝ่ายชาย ฝ่ายชายจึงไม่ติดโรคนี้ 

ส่วนที่ว่าเป็นเรื่องเศร้าก็เพราะหลังจากที่ฝ่ายหญิงเสียชีวิตไปแล้ว ฝ่ายชายซึ่งรักฝ่ายหญิงอย่างมากก็ตรอมใจจนฆ่าตัวตายตามฝ่ายหญิงไป อันแสดงให้เห็นว่าฝ่ายชายนั้นรักฝ่ายหญิงอย่างจริงใจ

ที่ผมเล่าเรื่องการติดเชื้อเอดส์โดยผ่านเส้นเลือดนี้ก็เพื่อจะบอกว่า วงการแพทย์ของจีนในตอนนั้นก็รู้เรื่องนี้เหมือนกับที่ชาวโลกรู้ แต่เมื่อต้องมารณรงค์ป้องกันโรคเอดส์แล้วกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจีนมีวัฒนธรรมบางด้านที่เป็นของตนเอง การรณรงค์ในด้านหนึ่งจึงต้องอิงกับวัฒนธรรมจีนไปด้วย

เรื่องนี้เพื่อนชาวจีนเล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่โรคเอดส์เริ่มระบาดในจีน และทางการจีนก็เร่งรณรงค์ป้องกันโรคนี้ไปทั่วประเทศ และเรื่องหนึ่งที่จีนทำก็คือ การสร้างความเข้าใจเรื่องการแพร่เชื้อของโรคนี้ว่าแพร่ได้อย่างไร ซึ่งก็คือ การแพร่ผ่านทางเส้นเลือดดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

แต่มิใยที่จะให้ความรู้เรื่องนี้แก่สาธารณชนกว้างแค่ไหน ก็ย่อมหลีกเลี่ยงคนที่ยังไม่เข้าใจหรือยังมีความเข้าใจผิดๆ ไปจนได้ และที่เข้าใจผิดนี้มาจากการพูดกันปากต่อปากโดยที่ทางการจีนไม่รู้ด้วย ซึ่งตัวอย่างหนึ่งที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางจนทางการจีนหัวหมุนก็คือ เชื่อว่า  โรคเอดส์สามารถติดต่อได้จากการใช้ตะเกียบร่วมกัน 
ลองคิดดูว่า ชาวจีนซึ่งใช้ตะเกียบกันทั้งประเทศพอรู้เรื่องนี้เข้าจะโกลาหลแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ปฏิสัมพันธ์ระหว่างการค้าประเวณี ยาเสพติด และโรคเอดส์ ที่ไปด้วยได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยนี้ก็ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องหนึ่งคือ การทำให้การล่อลวงหญิงจีนมาค้าประเวณีในไทยลดลงจนแทบจะหายไป ซึ่งส่วนหนึ่งย่อมมาจากความร่วมมือของฝ่ายไทยกับจีน อีกส่วนหนึ่งมาจากการปราบปรามด้วยมาตรการที่เด็ดขาดและมีบทลงโทษรุนแรงของจีน

แต่นั่นยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ผมว่าไว้ข้างต้น การเปลี่ยนแปลงในความหมายของผมก็คือ ในเมื่อจีนมีบทลงโทษจากการค้ามนุษย์กับยาเสพติดรุนแรงพอๆ กัน มันก็เลยทำให้พวกอาชญากรข้ามชาติในจีนเปลี่ยนจากการค้ามนุษย์ (ล่อลวงหญิงจีน) มาเป็นการค้ายาเสพติดแทน

เพราะการค้ามนุษย์พวกอาชญากรจะต้องนำคนตัวเป็นๆ (หญิงจีน) ไปขาย แต่กับยาเสพติดแล้วไม่ใหญ่เท่ามนุษย์ จะซุกจะซ่อนจะขนย้ายอย่างไรก็ทำได้ แถมยาเสพติดยังส่งเสียงร้องไม่ได้ อีกทั้งราคาก็ดีกว่าค้ามนุษย์อีกด้วย

 เพื่อนชาวจีนเล่าว่า ยาเสพติดที่ถูกผลิตจากชายแดนจีน-เมียนมาจะเข้าไปยังอวิ๋นหนัน จากนั้นก็จะมุ่งตรงไปที่กว่างตงซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของยาเสพติด และเป็นศูนย์กระจายยาเสพติดยังที่ต่างๆ ในจีนและต่างประเทศ ที่สำคัญ เป็นยาเสพติดชั้นสูงที่ราคาแพงที่สุด นั่นคือ เฮโรอีน 

ที่กว่างตงนั้นเศรษฐกิจดีมาก เมื่อเงินก็ดี คนก็รวย กำลังซื้อเฮโรอีนมาเสพก็ย่อมสูง ตลาดใดจะดีไปกว่ากว่างตงไม่มีอีกแล้ว แต่ด้วยเหตุที่กำลังซื้อแปรผันไปตามฐานะทางเศรษฐกิจ ไทยซึ่งเศรษฐกิจไม่ดีเท่าจีนจึงเสพยาบ้า ส่วนจีนที่มีฐานะดีกว่าจะเสพเฮโรอีน

และโรคเอดส์จากยาเสพติดในจีนก็เกิดขึ้นด้วยเหตุนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น