xs
xsm
sm
md
lg

อีลอนปลดคนไร้ความปรานี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มีนาคมที่เพิ่งผ่านมา หุ้นเทสล่าดิ่งลงถึง 15% ตอบรับต่อยอดขายที่ร่วงลงในสหรัฐฯ และที่ตลาดอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะที่ยุโรปที่กำลังผนึกกำลังกันชิดแน่นเพื่อรับมือกับนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่จะทำกับสินค้าจากยุโรป (รวมทั้งการที่ทรัมป์สลัดทิ้งความแน่นแฟ้นเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปยาวนานมาตั้งเกือบ 100 ปี-ทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2-และตั้งแต่นายพลลาฟาแยตต์มาช่วยนายพลจอร์จ วอชิงตัน ปลดแอกจากอังกฤษด้วยซ้ำ)

อีลอน มัสก์ ต้องออกมายอมรับเสียงอ่อยๆ (ปกติวิธีการพูดของเขาก็ไม่ค่อยเสียงดังฟังชัดอยู่แล้ว!!) ว่า การเข้ามาช่วยทรัมป์กับนโยบายต่างๆ มีส่วนกระทบกับการดำเนินธุรกิจของเขาด้วย... สมัยที่เขาเพิ่งซื้อทวิตเตอร์มาใหม่ๆ หุ้นเทสล่าก็ดิ่งเพราะเขาจ่ายเงินสดซื้อทวิตเตอร์ด้วยราคาแพงสูงลิ่วถึง 44,000 ล้านเหรียญ โดยราคาซื้อน่าจะถูกกว่านั้น...กระทบต่อทั้งเงินสดของเขาเอง และ... เวลาในการบริหารเทสล่าที่ดูจะลดน้อยลงไป เมื่ออีลอนหันมาหมกมุ่นเพื่อฟื้นฟูทวิตเตอร์...ทั้งเปลี่ยนชื่อมาเป็นเอ็กซ์ (X) รวมทั้งโลโก และการปลดพนักงานทวิตเตอร์ออกเกือบ 100% เหลือไว้น้อยมาก…ซึ่งต่อมาราคาหุ้นของเอ็กซ์ก็เขยิบขึ้นตามลำดับ หลังการเปลี่ยนมือเจ้าของ…รวมทั้งการเปลี่ยนนโยบายของเอ็กซ์ ที่ยกเลิกการทำการตรวจสอบข้อมูล... จนถึงเรื่องทวิตเตอร์ห้ามทรัมป์ใช้บริการบัญชีทวิตเตอร์...โดยยอมให้ทรัมป์กลับมาใช้บริการเอ็กซ์ได้อีก...และเลิกไม่ต้องมีการเช็กข้อมูลเท็จ

ยอดขายเทสล่าตกลงฮวบฮาบในสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นตลาดรถยนต์ใหญ่สุดของสหรัฐฯ เพราะคนแคลิฟอร์เนียนิยมใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในการเดินทาง ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีรถไฟใต้ดินแบบนิวยอร์กหรือเมืองอื่นๆ ทางฝั่งตะวันออก และแคลิฟอร์เนียก็กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งการใช้รถยนต์จะสะดวกสบายเมื่อมีทั้ง Free Way เชื่อมโยงมากมาย…แต่เมื่อทรัมป์ชนะเข้ามาบริหารรอบสอง...รัฐแคลิฟอร์เนียนั้นลงคะแนน Electoral ให้พรรคเดโมแครต...และกมลา แฮร์ริส ก็เคยเป็นอัยการของรัฐนี้ด้วย...ยิ่งนโยบาย MAGA ของทรัมป์ก็ดูจะไม่สนับสนุนคนกลุ่มน้อยทุกๆ กลุ่ม ซึ่งแคลิฟอร์เนียประกอบด้วยประชากรทั้งมาจากหลากหลายเชื้อชาติและสีผิว ขนาดวันตรุษจีนก็ยังถือเป็นวันหยุดราชการด้วยซ้ำ!!! ดังนั้น ยอดขายรถเทสล่าซึ่งดิ่งลงในรัฐนี้ เป็นสัญญาณต่อต้านนโยบายของทรัมป์ที่มีที่ปรึกษาใหญ่คือ อีลอน มัสก์...ประกอบกับการปลดเจ้าหน้าที่รัฐครั้งมโหฬาร และเป็นการปลดแบบกะทันหันทำให้เกิดการประหยัดการใช้จ่ายของคนที่ถูกปลดงาน หรือที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนกับหน้าที่ตำแหน่งงานของตนว่าจะยังมั่นคงอยู่หรือไม่ ทำให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งทำให้รถเทสล่าเป็นเป้าที่ยอดขายตก

ไม่เพียงยอดขายตกในสหรัฐฯ แต่เกิดการบุกแอบทำลายร้านที่ขายรถเทสล่าตามซุ้มรถต่างๆ ถึงขนาดพยายามเผาเต็นท์หรือทุบรถเทสล่าในหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ พร้อมๆ กับมีการชุมนุมถือป้ายต่อต้านอีลอน มัสก์ กับหน่วยงาน DOGE (Dep’t of Government Efficiency…กระทรวงสร้างประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล...ที่มีชื่อว่า กระทรวง...แต่ในการปฏิบัติไม่มีกฎหมายรองรับจากสภาผู้แทนและรัฐสภาเพียงเป็นคำสั่งปธน.ทรัมป์เท่านั้น...จึงไม่ใช่กระทรวงใหม่... ไม่มีฐานะเป็นกระทรวง... เพราะอีลอน มัสก์ ไม่ต้องการเป็น รมต.เพราะจะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินและตรวจสอบการทำงานจากสภาฯ ด้วย...ที่เขาไม่ต้องการเป็น รมต.เพราะนอกจากต้องถูกตรวจสอบทรัพย์สินอย่างเข้มข้น แต่เขาไม่ต้องการถูกเพ่งเล็งในฐานะคู่สัญญากับรัฐบาลในหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงกลาโหม, กระทรวงคมนาคม รวมทั้งคดีความต่างๆ ที่เทสล่าหรือเอ็กซ์ตกเป็นจำเลยและคดีกำลังถูกพิจารณาค้างคาศาลอยู่ในปัจจุบัน...ซึ่งการมีอิทธิพลอำนาจซ่อนเร้นเหนือปธน.ทรัมป์ ดีกว่าเป็น รมต.สำหรับการเข้าประมูลงานของรัฐ และคดีความต่างๆ)

เมื่อถูกวิจารณ์และต่อต้านการปลดแบบกะทันหันไร้ความกรุณาปรานีใดๆ (จนเจ้ากระทรวงต่างประเทศ+คมนาคม ออกมาปะทะกับอีลอนในการประชุมครม.ครั้งที่ 2 ที่ทรัมป์ต้องทำหน้าที่หย่าศึก...เพราะ รมต.มองว่า เป็นการข้ามหัว รมต.ในการส่งอีเมลโดยตรงไปยังข้าราชการให้ตอบกลับด่วน ถึงผลงานในอาทิตย์ที่ผ่านมา (ถ้าไม่ตอบอีเมล...แปลว่า จะถูกปลดออกหรือลาออกโดยอัตโนมัติ) โดยทรัมป์บอกว่า โครงการปลดของ DOGE เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล แต่ก็ย้ำว่า จะต้องให้ รมต.เจ้ากระทรวงเป็นผู้พิจารณาตัดสินให้ออก เพราะ รมต.ต่างประเทศโวยว่า กำลังพลสำคัญๆ กำลังถูกปลดหรือลาออกโดยเขาไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยเลย…กระทบกับการทำงาน...รวมทั้ง รมต.คมนาคมก็โวยว่า ถ้ากำลังพล (ที่ไม่พออยู่แล้ว) ด้านควบคุมจราจรทางอากาศจะลดลง...เป็นอันตรายต่อการจราจรของสายการบิน ดังที่เกิดอุบัติเหตุใหญ่ๆ 2 ครั้งที่เพิ่งเกิดขึ้น

อีลอน ย้อนกลับว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จะต้องลดขนาดของข้าราชการ เคยเกิดแล้วสมัย ปธน.คลินตัน ปลดออกลดตำแหน่งไปถึง 4 แสนคน

ผู้ที่ดำเนินการในครั้งนั้นคือ รองปธน.อัลกอร์ ซึ่งทีมงานได้ออกมาชี้แจงว่า ต่างกับของทรัมป์มาก

คลินตันหาเสียงจะลดอัตราทำงานซึ่งบางรัฐสูงกว่า 8% ก่อนเขาเข้ามา เพราะมีปัญหาเศรษฐกิจสมัยบุช (ผู้พ่อ) ที่แม้ชนะสงครามอิรัก แต่เศรษฐกิจแย่, เงินเฟ้อสูง และบุชต้องผิดสัญญา โดยขึ้นภาษีรายได้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณมหาศาล

คลินตันมอบให้รองปธน.เป็นผู้ดำเนินการลดขนาดข้าราชการ โดยวิธีการตั้งคณะกรรมการถึง 400 คน จากกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ (ไม่ใช่คนภายนอกอย่างอีลอน และพวก) มาช่วยกันร่วมพิจารณาว่า จะลดค่าใช้จ่ายอย่างไร จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างไร จะลดคนโดยวิธี Reinventing Initiative ด้วยการปรึกษาหารือ จัดทำ Retraining (สมัยนี้คือ Upskill, Reskill) เพื่อให้ออกจากราชการอย่างสมัครใจ โดยไปทำงานในภาคเอกชนด้วยประเภทงานใหม่ เป็นต้น มีการตั้งมาตรฐานวัดการทำงานใหม่ๆ ขึ้นมา... ใช้การปรึกษาหารือและระบบแครอทมาจูงใจ; ไม่ใช่ใช้ไม้เรียวเฆี่ยนตี (Stick) แบบอีลอน

คลินตันสามารถลดข้าราชการได้ 4 แสนคน โดยใช้เวลาถึง 7 ปีเต็ม ทำให้งบประมาณเลิกขาดดุล มีเกินดุลด้วยซ้ำ และการจ้างงานในปลายสมัยของเขาก็อยู่ในสภาพปกติ ไม่ใช่มีอัตราว่างงานของชาติเพิ่มขึ้น

วิธีการของอีลอนคือ ปลดออกกะทันหันให้ไปตายเอาดาบหน้า ซึ่งก็จะต้องไปเข้าแถวรอรับสวัสดิการว่างงาน เพิ่มค่าใช้จ่ายของรัฐด้วยซ้ำ และชีวิตข้าราชการที่ตกงานซึ่งอีลอนวางเป้าเอาไว้ประมาณ 10% ของข้าราชการ 2.3 ล้านคน ก็จะเป็นประมาณ 2 แสนคน ที่ถูกปลดกะทันหัน ชีวิตจับต้นชนปลายไม่ถูก…หน่วยงานก็ปรับตัวไม่ทัน แม้จะบอกว่าจะเอา AI มาช่วย แต่ข้าราชการที่เหลือก็เสียขวัญกำลังใจ เพื่อนร่วมงานหายไปถึงครึ่งค่อนทีเดียว...ขนาด สว.รีพับลิกัน เช่น จากอะแลสกาถึงกับออกมาตำหนิอีลอนว่า เป็นการไร้น้ำใจอย่างสุดๆ และทำเกินอำนาจฝ่ายบริหาร ที่มองเลยข้ามสภาฯ ไป

จะต้องดูว่า ในการเลือกตั้งกลางเทอมอีกไม่ถึง 2 ปี สส., สว.รีพับลิกันจะยังรักษาเสียงข้างมากในสภาฯ ได้อีกหรือไม่ จากสูตรการปลดข้าราชการแบบไร้ความเมตตากรุณาปรานีเช่นครั้งนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น