ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยทีเดียวสำหรับการที่ “กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)” เปิดปฏิบัติการ “ทลายเครือข่ายเจ้าแม่เว็บพนันมินนี่ ภาค 2” พร้อมทั้งจับกุม “น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือมินนี่ และทีมงานไปดำเนินคดี
เครือข่ายนี้ถูกจับกุมไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2566 และครั้งนั้นมีการโยงใยไปถึง “นายตำรวจใหญ่” หลายต่อหลายคน และหนึ่งในนั้นก็คือ “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ไปปรากฏอยู่ร่วมเฟรมเดียวกับ “มินนี่” แถมมีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย” ลูกน้องคนสนิทของ “บิ๊กโจ๊ก” อีกด้วย
ทว่า เครือข่ายนี้ “ไม่หลาบจำ” หรืออาจจะใช้คำว่า “ย่ามใจ” จะด้วยมีผู้สนับสนุนคนสำคัญหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เพราะกลับไปเปิดเว็บพนันออนไลน์อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพบเว็บไซต์การพนันออนไลน์เครือข่าย “Betflik” ประกอบด้วยเว็บไซต์ จำนวน 7 เว็บไซต์ ได้ลักลอบเปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เปิดให้บุคคลทั่วไปสมัครเป็นสมาชิกและเข้าเล่นพนันออนไลน์จนเกิดการเสียทรัพย์สินกันจริง จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์เครือข่ายดังกล่าวเรื่อยมา
เรียกว่า สมฉายา “อายุน้อยร้อยเว็บ” กันเลยทีเดียว
ที่ต้องขีดเส้นใต้คือ เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า กลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์เป็นกลุ่มคนเดียวกันกับกลุ่มผู้ต้องหาที่เคยถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์มาก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี
โดยกลุ่มผู้ต้องหายังได้มีการถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์ในขณะที่กำลังเดินทางไปรายงานตัวที่ศาลอีกด้วย ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่าย เว็บไซต์การพนันออนไลน์ 33 ราย
จากนั้น เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายพร้อมกันจำนวน 13 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 9 รายคือ น.ส.ธันยนันท์ น.ส.อรณี นายยุคณเดช นายชุมพล นายชาญชัย นายณัฐพงษ์ นายสิทธิพล นายพัฒนวัสส์ และน.ส.ธิดารัตน์
ส่วนวันที่ 5 มี.ค.สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งเป็นบัญชีม้า รวมสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย
ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบาย ล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้ มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวถึงพฤติการณ์ของการกระทำความผิดที่กลุ่มผู้ต้องหามีถึง 7 เว็บไซต์ว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้ชื่อต้นในการจดโดเมนเนมหรือชื่อเว็บไซต์ที่เหมือนกัน และจะจดหลายๆชื่อ แต่จะเปลี่ยนตัวเลขหรือเปลี่ยนนามสกุล เพื่อป้องกันกรณีถูกจับจะได้ถ่ายโอนลูกค้าและเรียกลูกค้ากลุ่มเดิมกลับมา ทำให้ทางตำรวจยากต่อการสืบสวน
แต่กรณีนี้ตำรวจสืบสวนธุรกรรมทางการเงินจนไปเชื่อมโยงถึงผู้กระทำความผิดทั้ง 33 คน โดยเฉพาะ 7 คนที่เป็นกลุ่มเดิม ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารเว็บไซต์ทั้งการบริหารการเงิน บริหารบัญชีม้า และกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งยืนยันว่าการกระทำผิดครั้งนี้เป็นการกระทำผิดครั้งใหม่ แต่เพียงแค่ใช้รูปแบบและวิธีการเดิม
ทั้งนี้ยืนยันได้ว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่นำไปสู่การออกหมายจับ โดยเฉพาะน.ส.ธันยนันท์ ที่พบว่ามีเส้นทางการเงินจากเว็บพนันในหลายสายเข้าไปตัวของน.ส.ธันยนันท์ โดยมีน.ส.อรณี ทำหน้าที่ทางบัญชีเหมือนกับในอดีต ซึ่งจากการตรวจสอบการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 67 จนถึงปัจจุบัน พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และยังหมุนเวียนเป็นเงินไทย วนอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 33 คน
“ส่วนที่มีข้อมูลว่าตำรวจตรวจพบการแชทสนทนาลักษณะขอความช่วยเหลือจากบุคคลสำคัญปรากฏในโทรศัพท์ของมินนี่นั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นจึงขอเวลาในการตรวจสอบ ยืนยันว่าหากข้อมูลหรือหลักฐานอะไรที่ไปเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับบุคคลใดก็ตาม จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น เช่นเดียวกับความพัวพันกับอดีตนายตำรวจที่ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน พร้อมย้ำว่าหากใครมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิดก็จะพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด”พล.ต.ท.ไตรรงค์
กล่าวสำหรับ “มินนี่” นั้น ต้องบอกว่า ความเชื่อมโยงที่น่าสนใจก็คือ เธอมีสนิทสนมชิดเชื้อกับ “ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก” อย่าง “พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย” อดีตรองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ดังปรากฏภาพคู่กันในหลากหลายอิริยาบถ ทั้งภาพที่คู่นั่งโอบกัน ภาพที่ “มินนี่” กำลังหอมแก้ม “พ.ต.อ.ภาคภูมิ” รวมถึงภาพขณะร่วมร้องเพลงกับ “บิ๊กโจ๊ก” ในงานเลี้ยง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ “มินนี่” ตกเป็นผู้ต้องหาเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากตำรวจพีซีที หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ บุกจับ “บอสตาล” หรือ “นายพงษ์ศิริ ฐานราชวงศ์ศึก” ประธานทีมฟุตบอลลำพูนวอริเออร์ ใน จ.พะเยา หลังพบเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน พร้อมทำธุรกิจหลายอย่างบังหน้ารวมมูลค่ากว่าพันล้าน เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566
ต่อมาจากการขยายผลเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ของ “บอสตาล” ตำรวจได้ปิดล้อมพื้นที่ 4 จุด ในกรุงเทพฯ และ จ.เลย พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ น.ส.สุชานันท์ หรือ ธนัยนันท์ หรือ “มินนี่” และพรรคพวก พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางสมุดบัญชีธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ 100 รายการ บัตรอิเล็กทรอนิกส์กว่า 55 ใบ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 30 เครื่อง เงินสด 920,000 บาท คอมพิวเตอร์ ไอแพดและเครื่องรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต หลายรายการพบเงินหมุนเวียนกว่าร้อยล้านบาท
จากนั้น ตำรวจขยายผลการสืบสวนไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ “มินนี่” และพบตำรวจหลายนาย เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงรับเงินจากบัญชีม้า กระทั่งขอออกหมายจับและหมายค้นตามจุดต้องสงสัยต่างๆ รวมถึง “บ้านของบิ๊กโจ๊ก”
แน่นอน สังคมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ “มินนี่” ค่อนข้างมาก เพราะไม่เชื่อว่าสาวสวยจากเมืองเลยผู้นี้จะเป็น “ตัวการใหญ่” ระดับ “เจ้าแม่เว็บพนันออนไลน์” หากแต่น่าจะเป็นเพียงแค่ “คนออกหน้า” แทน “ใครบางคน” หรือไม่ก็อาศัยความสนิทชิดเชื้อไปใช้ในการทำมาหากิน
พื้นเพของ “มินนี่” จัดว่าไม่ธรรมดา ด้วยเป็นลูกสาวขอ“อดีต สจ.จังหวัดเล 3 สมัย ซึ่งจากการที่ได้ตรวจสอบบ้านที่เมืองเลยของเธอและครอบครัวนั้น ก็พบว่า ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณที่กว้างขวาง โดยมีร้านกาแฟที่ครอบครัวเธอเป็นเจ้าของตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ขณะที่บ้านของ “มินนี่” เองอยู่ระหว่างการก่อสร้างในระดับที่เห็นด้วยสายตาแล้วต้องใช้คำว่า “คฤหาสน์” ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่าสิบไร่ นอกจากนี้ยังมีโรงเพาะปลูกผลไม้อีกหลายโรง
สำหรับการทลาย “เครือข่ายมินนี่รอบ 2” เที่ยวนี้ ต้องบอกว่า มีความน่าสนใจมาก เพราะเห็นได้ชัดว่า ยังคงมีพฤติกรรมเดิมๆ โดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งผิดวิสัยที่คนทั่วไปจะกระทำ
มินนี่จะไม่รู้เลยหรือว่า หลังถูกจับกุมดำเนินคดีในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังคงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของเธอและเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
มินนี่จะไม่รู้เลยหรือว่า ถ้าเธอยังทำเหมือนเดิมอีก ย่อมต้องสุ่มเสี่ยงที่จะถูกตรวจพบและถูกจับกุมอีกครั้ง
เว้นเสียแต่ว่า เธอมั่นใจว่า จะ “เคลียร์” ได้
แน่นอน คำถามก็คือ ใครเป็น “แบ็ค” ให้เธอ
ที่สำคัญคือ ต้องติดตามกันต่อไปว่า คราวนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถ “เชื่อมโยงเส้นเงิน” ไปถึง “แบ็ค” ของเธอแบบที่ดิ้นไม่หลุดได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ ณ เวลานี้ “เครือข่ายหวานเจี๊ยบ” หนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน.