xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“มาเคียเวลลี-คัมภีร์ปีศาจทางการเมือง”(ตอนห้า)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

งานเขียนเรื่อง “THE PRINCE” หรือ “เจ้าผู้ครองนคร” ถือเป็น “การเมืองการปกครองสมัยใหม่” ซึ่งบรรดา “นักการเมือง” ทั้งประชาธิปไตยทุนสามานย์และเผด็จการ ยังใช้กันอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จะยึดครองรัฐได้หรือมิได้นั้น ขึ้นกับ “ผู้ครองรัฐ” ที่ชาญฉลาดมาก คนรักมาก คนเสริมส่ง หรือ “ผู้นำรัฐ” ที่โง่เขลาเห็นแก่ตัว ไร้มิตร มากศัตรู จนถูกโค่นล้มลง มาอ่าน “เจ้าผู้ครองรัฐ” ตอน 3 ของ “มาเคียเวลลี” ต่อดีกว่า

มิลานถูกแย่งชิงไปจากฝรั่งเศสได้สำเร็จ ทั้งครั้งแรกและครั้งที่สอง สาเหตุโดยทั่วไปของครั้งแรกได้กล่าวไปแล้ว คราวนี้ยังเหลือการพิจารณาแยกแยะของครั้งที่สองว่า พระเจ้าหลุยส์ใช้วิธีการใดแก้ปัญหา และใครก็ตามที่อยู่ในฐานะของพระองค์ ควรใช้วิธีการเช่นไร เพื่อจะธำรงรักษาตนเองในการเข้ายึดครองดินแดนได้อย่างมั่นคงปลอดภัย กว่าวิธีการที่กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสใช้

มาเคียเวลลีกล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผู้ยึดครองได้รัฐเหล่านี้มา และผนวกเข้ากับรัฐดั้งเดิมที่มีมาแต่โบราณนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐที่มาจากอาณาจักรเดียวกัน พูดภาษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม หากมาจากแคว้นเดียวกัน ก็ง่ายที่จะควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชาชนไม่คุ้นเคยกับการดำรงชีวิตอย่างอิสระ การจะควบคุมให้มีเสถียรภาพนั้น เพียงแค่กำจัดเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครรัฐนั้นแต่เดิมก็เพียงพอ สำหรับส่วนอื่นๆ เพียงรักษาความเป็นอยู่ดั้งเดิม ขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมให้เป็นระเบียบแบบแผน พลเมืองก็จะอยู่สงบ

ดังที่เราได้เห็นแล้วในเบอร์กันดี้ บริตตานี แกสโคนี และนอร์มังดี ซึ่งอยู่กับฝรั่งเศสมาช้านาน แม้จะมีความแตกต่างทางภาษา ทว่าขนบประเพณีคล้ายคลึงกัน ทำให้ผู้คนผสมกลมกลืนเข้ากันได้อย่างง่ายดาย และสำหรับผู้ยึดครอง หากปรารถนาจะควบคุมพวกเขา ก็ต้องรำลึกข้อพิเคราะห์สองประการคือ หนึ่ง สมาชิกตระกูลเจ้าผู้ครองนครต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้น และ สอง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือแบบแผนการเก็บภาษีของรัฐ ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อว่ารัฐที่เข้ามาผนวกใหม่ จะได้เข้าเป็นหนึ่งเดียวทุกประการกับรัฐเดิมได้ในเวลาอันรวดเร็ว

เมื่ออาณาเขตปกครองที่รัฐได้มา มีความแตกต่างทางภาษา วัฒนธรรม ประเพณี และกฎหมาย นั่นคือความยากในการปกครอง ต้องอาศัยโชคเคราะห์มหาศาล และความอุตสาหะอย่างใหญ่หลวง ในการธำรงรักษารัฐเหล่านั้นไว้ วิธีการสำคัญที่สุดและดีที่สุดในการปกป้องรักษาคือ ผู้ที่ยึดครองมาได้ต้องไปพำนักอยู่ที่นั่น นี่เป็นวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยอย่างถาวรกว่าการใช้อำนาจปกครองเพียงอย่างเดียว

เฉกเช่นที่ชาวเติร์กปฏิบัติในแผ่นดินกรีก แม้ว่าจะใช้มาตรการอื่นๆ ทุกมาตรการในการปกครองแล้ว หากเจ้าผู้ครองนครไม่ไปพำนักก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษารัฐที่ยึดครองมาไว้ได้ เพราะเมื่อไปพำนักแล้วเขาจะได้เห็นความผิดปกติ และแก้ไขได้ทันท่วงที หากเจ้าผู้ครองนครไม่ได้อยู่ ณ ที่นั้น กว่าจะได้รับรู้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ใหญ่โตรุนแรงแล้ว ทำให้ไม่อาจแก้ไขได้ทัน นอกจากนี้ยังจะช่วยป้องกันไม่ให้แคว้นนั้นถูกปล้นโดยบรรดาข้าราชการของท่านเอง และสามารถร้องทุกข์ได้ในทันที อันจะเป็นเหตุให้พวกเขาจงรักภักดีในตัวเจ้าผู้ครองนคร และอยากทำตัวดียิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังทำให้เกิดความน่าเกรงขามในตัวเจ้าผู้ครองนครด้วย ผู้ใดก็ตามที่ต้องการโจมตีจากภายนอก จักต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะตราบเท่าที่เจ้าผู้ครองนครพำนักอยู่ การแย่งชิงรัฐจะยากลำบากอย่างที่สุด

อีกมาตรการหนึ่งที่ดีที่สุดคือ ส่งอาณานิคมไปตั้งหนึ่งหรือสองแห่ง อันเปรียบเสมือนโซ่ตรวนของรัฐ เหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะ หากไม่เช่นนั้นท่านจะต้องมีกองกำลังทหารติดอาวุธจำนวนมากตั้งมั่นอยู่ที่นั่น อาณานิคมมีค่าใช้จ่ายน้อย ท่านไม่ต้องส่งไปเลย หรือส่งไปให้น้อยมากพวกเขาก็อยู่ได้ พวกเขาจะละเมิดเอาเพียงส่วนน้อยจากประชาชน คือส่วนที่ยึดเอาที่ดินหรือบ้านมาเพื่อนำไปให้ผู้ที่มาอยู่ใหม่เท่านั้น และผู้ที่เขาละเมิดก็ยากจนอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ไม่มีทางทำร้ายพวกเขาได้ พวกที่รอดพ้นเหลืออยู่ ก็จะควบคุมได้ง่าย และอยู่อย่างสงบ พวกเขาจะเกรงกลัวไม่กล้ากระทำความผิด ด้วยเกรงจะถูกกระทำเช่นเดียวกับพวกที่ถูกปล้นสะดม

มาเคียเวลลี สรุปว่า อาณานิคมเหล่านี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ มีความซื่อสัตย์จงรักภักดีมากกว่า ทำอันตรายผู้อื่นน้อยกว่า ผู้ที่ถูกละเมิดไม่อาจทำอันตรายใดๆ เพราะคนเหล่านี้คือคนยากจนที่แยกย้ายกันอยู่อย่างกระจัดกระจายดังที่กล่าวมาแล้ว
ในเรื่องนี้ เราต้องตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับมนุษย์นั้น หากไม่ให้ความเอาใจใส่ดูแลให้ดี ก็ต้องกำจัด เพราะเขาสามารถแก้แค้นต่อการถูกกระทำเพียงเล็กน้อยได้ แต่ไม่อาจแก้แค้นต่อการละเมิดอันหนักหนาสาหัส ดังนั้นเมื่อจะทำการละเมิดต่อใครสักคน ก็ต้องไม่ให้เขากลับมาแก้แค้นได้

ในอีกด้าน หากเจ้าถือครองรัฐด้วยกองกำลังติดอาวุธประจำการ จะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก เพราะในการดูแลกองทัพต้องใช้เงินรัฐทั้งหมด การได้รัฐนั้นมา จึงกลับเป็นการสูญเสีย และจะก่อให้เกิดการทำผิดมากยิ่งขึ้น เพราะจะเป็นอันตรายต่อรัฐทั้งรัฐ เมื่อกองทหารต้องโยกย้ายไปตั้งค่ายตามที่ต่างๆทั่วรัฐ ประชาชนต้องเผชิญความยากลำบากทุกหย่อมหญ้า และกลายเป็นศัตรู ซึ่งศัตรูเหล่านี้นั่นเองที่จะหันมาทำร้ายเจ้าผู้ครองนคร เพราะถึงแม้พวกเขาจะเป็นผู้พ่ายแพ้ หากแต่พวกเขายังคงอยูในบ้านของตนเอง

ดังนั้น เมื่อมองจากทุกด้าน จะเห็นได้ว่า การเฝ้าระวังด้วยวิธีเช่นนี้ไร้ประโยชน์ ขณะที่การเฝ้าระวังด้วยวิธีตั้งอาณานิคมนั้นได้ประโยชน์

สำหรับเจ้าผู้ครองนครที่อยู่ในแคว้นอันมีความแตกต่างดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ควรวางตนให้เป็นผู้ปกครองสูงสุด และเป็นผู้พิทักษ์คอยสนับสนุนเพื่อนบ้านที่มีกำลังน้อยกว่า ขณะเดียวกันต้องตัดทอนกำลังอำนาจของรัฐที่ได้มาในปกครองลง พร้อมกับคอยระมัดระวังมิให้ต่างชาติที่มีอำนาจเท่าเทียมตนเข้าสู่รัฐได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุบังเอิญใดๆ และเป็นไปได้เสมอว่า ชาวต่างชาติจะเข้ามาโดยการชักนำของผู้คนในแคว้นนั้นเอง ผู้มีความไม่พอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผู้มีความทะเยอทะยานสูง หรือปราศจากความเกรงกลัวใดๆ
ดังเช่น ครั้งหนึ่งที่ได้เห็นมาแล้วว่า หมู่ชนชาวเอโตเลีย (ผู้อยู่ในเทือกเขาประเทศกรีก) ได้ชักนำชาวโรมันเข้าสู่แผ่นดินกรีก และทุกๆ เขตแคว้นที่ชาวโรมันผ่านเข้ากรีก ทันทีที่ชาวต่างชาติผู้เปี่ยมอำนาจเข้าสู่ดินแดนกรีก ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองก็แปรเปลี่ยน บรรดาผู้มีอำนาจน้อยทั้งหมด ได้เข้าเป็นพรรคพวกชาวต่างชาตินั้น ด้วยมีแรงขับเคลื่อนคือความริษยาที่มีต่อผู้ใดก็ตามที่มีอำนาจเหนือพวกเขา

ดังนี้ เพียงการให้เกียรติแก่ผู้มีอำนาจน้อย เจ้าผู้ครองนครก็จะไม่มีความยุ่งยากใดๆ ที่จะให้พวกเขามาเป็นพรรคพวก เพราะทุกคนเต็มใจพร้อมเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐที่เข้ามาครอบตนเองอยู่แล้วในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าผู้ครองนครต้องกังวลเพียงว่า บรรดาผู้มีอำนาจเหล่านี้ต้องไม่มีกองกำลังและอำนาจมากเกินไป และด้วยกองกำลังของเจ้าผู้ปกครองร่วมกับการสนับสนุนจากคนเหล่านี้ จะสามารถโค่นล้มอำนาจอื่นๆทั้งหลายได้โดยง่าย และยังคงอำนาจชี้ขาดทุกสิ่งทุกอย่างภายในเขตแคว้น

ดังนั้น ผู้ใดก็ตามไม่ดำเนินตามนโยบายเช่นนี้ จักสูญเสียสิ่งที่ได้ครองครองไปในไม่ช้า ในขณะครองครองก็จะเผชิญปัญหายุ่งยากและประสบความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด

อืม...แค่ช่วงต้นบทที่ 3 ก็เห็นทันทีว่า  แนวคิด “มาเคียเวลลี” นั้น “อำนาจ” มีค่าเหนือชีวิตคนจริงๆ.. โดยเฉพาะชีวิตคนจนไร้ค่า!!! 


กำลังโหลดความคิดเห็น