ปธน.เรแกน เคยเรียกประเทศสหภาพโซเวียตว่าเป็นจักรวรรดิปิศาจ (Evil Empire) ในช่วง 1981-1989 และต่อมาในสมัยปธน.บุช (ผู้พ่อ) ได้เกิดการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จนเกิดคำมั่นสัญญาจากปากของรมต.ต่างประเทศ James A. Baker III (ต่อปธน.กอร์บาชอฟ) ว่า นาโตจะไม่ขยายไปทางตะวันออกแม้เพียง 1 นิ้ว (Not on Wich)
ต่อมา รัสเซียภายใต้ปธน.เยลต์ซิน ได้มีการขายรัฐวิสาหกิจด้วยราคาถูกๆ ให้แก่เหล่า Oligarch และบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และยุโรปมีการคอร์รัปชันอย่างหนัก และรัสเซียต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ...ประชาชนชาวรัสเซียไม่สามารถซื้อของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตแม้แต่ขนมปัง รวมทั้งกองทัพก็ขาดแคลนจนต้องต้มหญ้ารับประทาน...รัฐไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้ทั้งทหารและข้าราชการพลเรือน
ปี 2000 รัสเซียได้ผู้นำใหม่ชื่อ ปูติน ซึ่งเข้ามาจัดระเบียบเศรษฐกิจรัสเซียเสียใหม่ ด้วยการบริหารแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด... สามารถซื้อรัฐวิสาหกิจถุงเงินถุงทองของรัสเซียกลับคืนมาสร้างความมั่งคั่งให้แก่รัสเซียอีกด้วย ด้วยทรัพยากรล้ำค่ามหาศาล รวมทั้งการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทุ่มเทขับเคลื่อนอย่างรุดหน้า และการพลิกฟื้นดินแดนตะวันออกไกล (Far East) แถบวลาดิวอสต๊อกให้กลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ทั้งด้านเกษตรกรรม (จนกลายเป็นประเทศผลิตข้าวสาลีมากที่สุดในโลก) และรุ่งเรืองฟู่ฟ่าด้วยการลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก
ปีนี้จะเป็นปีที่ 25 ที่ปูตินปกครองรัสเซียด้วยกำปั้นเหล็ก โดยแก้รัฐธรรมนูญจนเขาสามารถอยู่ในอำนาจได้ยาวนาน ประกอบกับการจัดการกับศัตรูทางการเมืองอย่างราบคาบ และไม่ให้เสรีภาพการแสดงความเห็นต่างของประชาชน ทำให้ประเทศตะวันตกมองรัสเซียเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงอีกด้วย
แม้ในช่วงปธน.คลินตัน ได้มีการขยายประชาธิปไตย (Democrcay Enlargement) จนถึงขนาดเปิดให้รัสเซียเข้ามาเป็นสมาชิกลำดับที่ 8 (ของ G8)…แต่ในปี 2014 รัสเซียก็ถูกขับออกจาก G8 ในสมัยของปธน.โอบามา หลังจากผนวกเอาแหลมไครเมียของยูเครนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซีย…และตะวันตกจัดให้รัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อเสรีประชาธิปไตยในลำดับต้นๆ...พร้อมๆ กับการสนับสนุนให้มีการลุกฮือของประชาชนโค่นล้มรัฐบาลยูเครน (ภายใต้รัฐบาลที่เป็นมิตรกับรัสเซีย) โดยฝีมือของรมช.ต่างประเทศสหรัฐฯ นางวิคตอเรีย นูแลนด์ ที่สหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนทั้งเงินทองและอาวุธแก่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยูเครน จนโค่นล้มสำเร็จ พร้อมกับการชักชวนให้รัฐบาลใหม่ของยูเครนสมัครเข้าเป็นสมาชิกของนาโต ซึ่งเป็นการรุกคืบและคุกคามความมั่นคงต่อรัสเซีย (และทางรัสเซีย ปูตินถือว่าสหรัฐฯ ผิดต่อคำสัญญาที่รมต.ต่างประเทศเบเกอร์ ได้เคยให้ไว้)
ปูตินได้พยายามทัดทานทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป-ไม่ให้รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโตจนมาถึงปลายปี 21 ที่ปูตินได้ยื่นคำขาดต่อสหรัฐฯ และนาโตไม่ให้รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต เพราะถือเป็นการคุกคามต่อความเป็นความตายของรัสเซียทีเดียว...ซึ่งรัฐบาลไบเดนได้เพิกเฉย...และรัสเซียจึงได้ออกปฏิบัติการพิเศษบุกยูเครนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2022
วันนี้ครบรอบ 3 ปีของการที่รัสเซียได้ทำสงครามเข้ายึดครองดินแดนของยูเครน จนได้ครอบครองดินแดนทางตะวันออกที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรแร่ธาตุมากมาย และเป็นแหล่งอุตสาหกรรมหลักของยูเครน...กินพื้นที่ได้ถึง 20% ของประเทศยูเครน พร้อมการได้เปรียบด้านการรบของรัสเซีย ที่พร้อมเดินหน้ายึดดินแดนเพิ่มเติม-ไม่ว่าจะเป็นเมืองคาร์คีฟ (เมืองใหญ่อันดับสอง) และท่าเรือโอเดสซาบนฝั่งทะเลดำ
การเปลี่ยนแปลงปธน.ที่สหรัฐฯ มาเป็นทรัมป์ ทำให้นโยบายสหรัฐฯ ต่อรัสเซียเปลี่ยนชนิด 180 องศา เมื่อทรัมป์กำลังปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียเพื่อกลับคืนสู่ปกติ รวมทั้งการเลิกคว่ำบาตรรัสเซียที่เกิดขึ้นสมัยไบเดน ขนาดที่สหรัฐฯ จะพร้อมเข้าไปลงทุนในรัสเซียตามปกติ พร้อมกับปล่อยให้สหภาพยุโรปเผชิญกับรัสเซียตามลำพัง โดยทรัมป์จะไม่ดำรงทหารสหรัฐฯ และกองทัพอเมริกันอยู่ในยุโรปเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงแก่ยุโรป (จากภัยของรัสเซีย) อีกต่อไป
จากการประชุมความมั่นคงที่เมืองมิวนิก ได้เห็นภาพการแถลงของรองปธน.แวนซ์ และรมต.กลาโหม เฮกเซธ ของสหรัฐฯ ได้พูดแบบตัดเยื่อใยกับยุโรป โดยให้ยุโรปต้องดูแลตนเอง... เป็นการละทิ้งสัมพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ (ที่ร่วมชะตากรรมการต่อสู้กันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2)...พร้อมสั่งสอนเทศนาให้ยุโรปปรับนโยบายเพื่อเนรเทศใหญ่ผู้อพยพเข้าเมืองอย่างที่สหรัฐฯ กำลังดำเนินอยู่
วันนี้ สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ กลับมองมหามิตรยุโรปกลายเป็นศัตรูคู่แข่ง ทั้งด้านการค้า, การลงทุน และความมั่นคง...ซึ่งนักรัฐศาสตร์คนสำคัญของสหรัฐฯ เช่น ศ.เมียร์ไชเมอร์ มองว่า สหรัฐฯ กำลังทิ้งยุโรป เพื่อไปทุ่มพลังในการต่อสู้กับจีนที่กำลังผงาดเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ เป็นอันดับหนึ่ง
ว่าที่นายกฯ คนใหม่ของเยอรมนี ก็กำลังรวบรวมเหล่าผู้นำยุโรป เพื่อผนึกกำลังที่จะสร้างกองกำลังของตนเองให้แข็งแกร่ง โดยจะเป็นอิสระจากสหรัฐฯ (เป็นการพูดแบบรักษาหน้า...เพราะจริงๆ คือ ถูกสหรัฐฯ ทอดทิ้งมากกว่า)
แม้แต่การลงคะแนนที่ UNGA, UNSC ในวาระครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียบุกยูเครน...ฝ่ายสหรัฐฯ กลับลงคะแนนตรงข้ามกับฝ่ายยุโรปและนาโต โดยไม่ประณามรัสเซียที่บุกเข้ายึดครอง 4 แคว้นทางตะวันออกของยูเครน
นาโตที่มีกองกำลังหลักคือ สหรัฐฯ กำลังเริ่มปริแตก เมื่อไม่มีสหรัฐฯ เป็นหลักให้กับความมั่นคงในยุโรป...ขณะที่สหรัฐฯ กลับไปจับมือกับรัสเซีย และพร้อมให้รัสเซียกลับเข้าสู่ G8 อีกครั้งหนึ่งด้วยซ้ำ