ขณะที่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอีลอน มัสก์ กำลังแสดงอำนาจเหนือจักรพรรดิทรัมป์...โดยทุ่มทั้งเงินกว่า 300 ล้านเหรียญช่วยหาเสียงให้ทรัมป์... ทุ่มทั้งตัวไปตระเวนเคาะประตูบ้านและขึ้นปราศรัยหาเสียงให้ทรัมป์จนได้ชัยชนะ...อีลอน มัสก์ ตั้งหน่วยงานเพื่อเสนอปลดเจ้าหน้าที่รัฐเป็นแสนคน (ตามแผนโครงการ 2025) รวมทั้งปรับลดขนาดหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานอิสระ และทะลุทะลวงเข้าถึงข้อมูลลับทั้งของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ (ซึ่งกำลังถูกโจมตีว่า กำลังเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของอีลอน มัสก์ เองในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นคู่สัญญากับกระทรวงกลาโหม, กระทรวงคมนาคม และอีกหลายกระทรวง)...รวมทั้งบรรจุแต่งตั้งบุคคลที่ทรัมป์และอีลอน มัสก์ ไว้วางใจเข้ารับหน้าที่ควบคุมดูแลหน่วยงานเหล่านั้น แทนที่ข้าราชการเดิม
ขณะที่จักรพรรดิทรัมป์ (ในวันแรกๆ ที่รับตำแหน่ง) เปิดตัวโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่มีหัวหอกอย่างนายมาซาโยชิ ซน (แห่ง Soft Bank), แลร์รี เอลลิสัน (แห่ง Oracle); และแซม อัลต์แมน (แห่ง Chat GPT) ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยจะมีมูลค่าการลงทุนสูงถึงอย่างต่ำๆ 5 แสนล้านเหรียญ ซึ่งจะมี Data Center ตามเมืองใหญ่ๆ แทบทุกเมืองในสหรัฐฯ (ขณะนี้มีอยู่ถึงเกือบ 20 แห่งทั่วสหรัฐฯ และกำลังทยอยสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)
ขณะเดียวกัน ในขณะที่จักรพรรดิทรัมป์กำลังทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง...ที่ประเทศจีน (ซึ่งจักรพรรดิทรัมป์; รวมทั้งการประเมินจากทุกๆ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ ว่า จีนเป็นภัยร้ายแรงคุกคามสหรัฐฯ อันดับหนึ่ง) เริ่มมีการประกาศเปิดตัว Deep Seek อย่างเงียบๆ
จนมาดังเปรี้ยงปร้างเอาหลังจักรพรรดิทรัมป์เปิดตัวโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้เพียงวันเดียว
ผู้คนทั่วโลก (รวมทั้งในสหรัฐฯ) แห่กันไปใช้บริการ Deep Seek แน่นขนัด โดยไม่ต้องเสียเงินด้วย และมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมยิ่งกว่า Chat GPT เสียด้วยซ้ำ...ขนาดทรัมป์ (ผู้ไม่เคยยอมแพ้ใคร) ยังต้องออกมาเสียงอ่อยยอมรับในฝีมือของ Deep Seek...แต่ก็มิวายแก้หน้าว่า เป็นสัญญาณเตือนว่า ไอทีของสหรัฐฯ ต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมให้ทิ้งห่างจีนโดยเร็วไว
เวลาผ่านไปแค่ 3 อาทิตย์หลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ และแค่สองอาทิตย์หลังการเปิดตัว Deep Seek…เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กุมภาฯ (ตรงกับวันนักบุญวาเลนไทน์พอดี) มีตารางออกมาจากทางการปักกิ่งว่า ในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการจัดประชุมครั้งสำคัญ ระหว่างปธน.สี จิ้นผิง, นายกฯ หลี่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลของสี ร่วมกับคณะนักธุรกิจใหญ่ด้านไอทีของจีน ซึ่งเป็นภาคเอกชน (วันจันทร์ที่ 17 นี้ตรงกับวันแห่งปธน.ของสหรัฐฯ พอดิบพอดี-เป็นวันหยุดราชการที่สหรัฐฯ)
หุ้นที่เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงขยับขึ้นตั้งแต่วันศุกร์เพื่อรับข่าวนี้ เพราะเป็นการแสดงถึงท่าทีของรัฐบาลปักกิ่งที่กำลังส่งสัญญาณสนับสนุนเหล่าธุรกิจไอทียักษ์ของจีน เพื่อมีส่วนสนับสนุนการฟื้นเศรษฐกิจของจีน หลังจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ธุรกิจยักษ์ไอทีของจีนได้ถูกจัดระเบียบอย่างเข้มข้น พร้อมกับคำชี้แนะจากปธน.สี ถึง “Common Prosperity” ที่ทางการปักกิ่งต้องการให้ทุกส่วนของจีนเติบโตรุ่งเรืองไปพร้อมๆ กัน... ไม่ใช่มีแต่ธุรกิจยักษ์เอกชนที่เติบโตสุดขีดแบบในโลกตะวันตก แต่กลับฉกฉวยประโยชน์จากการผูกขาดและดูดกินเลือดเนื้อของประชาชนผู้ยากจนส่วนใหญ่ของประเทศ
ในเช้าวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ เมื่อปธน.สี ผู้เป็นประธานการประชุมเดินเข้ามาในห้องประชุมของมหาศาลาประชาคม ปรากฏมีภาพนายแจ็ค หม่า ลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก ปรบมือต้อนรับปธน.สีอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส โดยนักธุรกิจคนสำคัญๆ ทั้งห้องก็ลุกขึ้นยืนปรบมือต้อนรับปธน.สีอย่างอบอุ่นและยิ้มแย้มทั่วห้อง
สื่อหลักของจีนถ่ายทอดภาพและเสียงจากการประชุมนี้ไปทั่วโลก ซึ่งฝ่ายรัฐบาลของสหรัฐฯ ก็น่าจะไม่พลาดติดตามการประชุมสำคัญครั้งนี้เช่นกัน
ปธน.สีย้ำถึงบทบาทของเหล่าธุรกิจยักษ์ไอทีของจีนที่จะมีส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของจีน (ควบคู่ไปกับนโยบายการคลังและการเงินที่จีนกำลังดำเนินอยู่) โดยเน้นถึงความสามารถพรสวรรค์ (Talent) ที่เหล่านักธุรกิจของจีนมีอยู่เต็มเปี่ยมเพื่อสร้างนวัตกรรมที่จะผลักดันจีนให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง (ที่ไม่มีใครจะมาห้ามได้)
ปธน.สี พูดถึงลักษณะพิเศษของจีนขณะนี้ (ที่อาจหายากในที่อื่นๆ) คือ ธรรมาภิบาล... ซึ่งจีนภายใต้การนำของปธน.สี ได้จัดการปราบคอร์รัปชันอย่างเด็ดขาด สร้างความเป็นธรรมด้านธุรกิจอย่างเสมอหน้า…และเรื่องขนาดของตลาดที่ใหญ่โตมโหฬารพอสำหรับดึงดูดทั้งนวัตกรรมและการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนทางธุรกิจอย่างงดงาม
นักธุรกิจที่ได้รับเชิญมาร่วมนี้มีหลายรุ่น ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่มานั่งจดคำปราศรัยของปธน.สีอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง และได้มีโอกาสจับไม้จับมือใกล้ชิดกับผู้นำจีนอย่างชื่นมื่น
สองนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามประธานสีคือ เจ้าของ BYD และ Huawei และมีแสดงความคิดเห็นกับท่านประธานด้วย โดยมีวิศวกรหนุ่มไฟแรงเจ้าของ Deep Seek ก็นั่งร่วมอยู่ในแถวถัดๆ ไป
การจัดประชุมครั้งนี้ส่งสัญญาณชัดถึงการแสดงพลังจากฝ่ายธุรกิจยักษ์ของจีน ที่พร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายนำของปักกิ่ง ซึ่งไม่เพียงเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนสู่เศรษฐกิจจีนที่กำลังเผชิญกับแรงซื้อที่อ่อนล้า หลังฟองสบู่ยักษ์อสังหาริมทรัพย์แตก รวมทั้งหลังพายุโควิดที่มีการล็อกดาวน์อย่างหนักและยาวนาน ตลอดจนการถูกปิดล้อมในแทบทุกมิติจากตะวันตก นำโดยจักรพรรดิทรัมป์ที่ตั้งหน้าตั้งตาสกัดกั้นจีนทุกวิถีทางในการเติบโตด้านไอที ซึ่งเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ, ด้านอวกาศ, ด้านการอยู่ดีกินดีของประชาชน
การรุกประชาสัมพันธ์แรงสนับสนุนจากธุรกิจไอทียักษ์ของจีน นับเป็นยาวิเศษที่ทางการจีนได้นำมาใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ, การค้า, การลงทุน ควบคู่ไปกับนโยบายการคลัง การเงินที่ทางการจีนกำลังดำเนินการอยู่ แต่กำลังออกดอกออกผลค่อนข้างช้า
พร้อมๆ กับการอัดฉีดให้กำลังใจและการสนับสนุนเหล่านักรบแนวหน้าทางเศรษฐกิจของจีน เพื่อมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนประเทศจีน หลังจากที่มีการจัดระเบียบธุรกิจยักษ์เหล่านี้ให้เข้าที่เข้าทาง แล้วพร้อมธรรมาภิบาล...เพื่อรวมพลังฝ่าการปิดล้อมทางเศรษฐกิจ, การเมือง และสังคม ที่ฝ่ายตะวันตกกำลังจ้องเล่นงานและต้องการบอนไซประเทศจีนอยู่ขณะนี้