xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ลูกพี่จีนบีบ “ตัดไฟ” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไทย “ชักช้า” จนขายขี้หน้าไปทั้งโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กรณีรัฐบาลจีนกดดันให้รัฐบาลไทยตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองชายแดนไทย-พม่า จนสำเร็จ ละม้ายคล้ายฉากหนังมาเฟียเหนือมาเฟียที่ “ลูกพี่ใหญ่” ตบหน้า “ลูกสมุน” ฉาดใหญ่ เพราะมัวโยกโย้โอ้เอ้ทำการชักช้า ก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง กระทั่ง “ลูกพี่ใหญ่” ต้องลงมือเอง 


ตัดกลับมาที่ความจริง เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วที่  นายหลิว จงอี้   ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นำคณะผู้บริหารหน่วยงานด้านความมั่นคงของจีน เพื่อหารือกับทางการไทยหลายคณะ พร้อมทั้งยังลงพื้นที่ชายแดนอีกด้วย ล่าสุดคือการเข้าพบ  นายภูมิธรรม เวชชยชัย  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 ก่อนที่จะมีคำสั่งเป็นเด็ดขาดให้ “ตัดไฟ”

ต้องนับว่าเป็นภาพที่ไม่ปรากฏให้เห็นบ่อยนัก แม้ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนจะส่งเครื่องบินมาลงที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อช่วยเหลือคนจีนที่ถูกล่อลวงมากลับประเทศ แต่เป็นการทำแบบ “ปิดลับ” ต่างกับรอบนี้ที่ทุกความเคลื่อนไหวของคณะผู้แทนรัฐบาลจีนเป็นไปอย่างเปิดเผย พร้อมให้สื่อติดตามและถ่ายภาพ เรียกได้ว่าสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลไทยอย่างมาก

หากนับไทม์ไลน์จากภารกิจแรก วันที่ 27 ม.ค.2568 ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงจีน พบ  พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หน่วยงานแรกที่ขอหารือด้วย และจีนมีข้อเสนอ 6 ข้อ ส่วนฝั่งไทย 4 ข้อ เพื่อช่วยเหลือคนที่ถูกล่อลวงและร่วมมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียวดี

จากนั้น วันที่ 28 ม.ค. 2568 คณะของผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงฯ ของจีน หารือกับ  พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร  จเรตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

29 ม.ค. 2568 เดินทางลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก สำรวจชายแดนฝั่งไทยริมแม่น้ำเมยในจุดที่มองเห็นเมืองชเวโก๊กโก่ บริเวณบ้านวังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด และเมืองเคเคพาร์ค ตรงข้ามพื้นที่ ต.แม่กุ อ.แม่สอด เพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือชาวจีนที่ถูกหลอกลวงจำนวน 160 คน ใน จ.เมียวดี ของเมียนมา

1 ก.พ. 2568 เดินทางไปพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ฝั่งตรงข้ามกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งดำเนินการโดย จ้าว เหว่ย นายทุนจีนเทา ผู้สร้างเมืองกาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำ

ความเคลื่อนไหวที่ได้รับการจับตามากที่สุดคือ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 เข้าหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในวันเดียวกันนี้ นายภูมิธรรม เคาะคำสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตัดไฟฟ้า 5 จุด เมืองชายแดนไทย-เมียนมา ก่อนที่คณะของนายหลิว จงอี จะมาพบ

แต่กว่าจะมีคำสั่งเด็ดขาดให้ตัดไฟฟ้า ทั้ง “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ “บิ๊กอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ต่างเปิดวอร์ มีรายการต่อปากต่อคำและโยนกันไปมาไม่เลิก ขณะที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ กฟภ. ก็ทำกล้าๆ กลัวๆ รอคำสั่งที่ชัดเจน จนประชาชนคนไทยสงสัยว่ารัฐบาลไทยกลายเป็น  “รัฐล้มเหลว” - failed state”  ขาดความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ทางด้านความมั่นคงขั้นพื้นฐานไปแล้วหรืออย่างไร

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะกำลังกดปุ่มตัดไฟที่ส่งเข้าไป 5 จุดในประเทศเมียนมา
หากมองย้อนไทม์ไลน์ปมตัดไฟฟ้า  “เมืองสแกมเมอร์” ท่ามแรงความเคลื่อนไหวกดดันของผู้แทนคณะรัฐบาลจีนในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า จะเห็นความ  “น่าสมเพช”  แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของการบริหารจัดการประเทศของรัฐบาลเพื่อไทย ที่มีพรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นหอกข้างแคร่เป็นอย่างดี

กล่าวคือ วันที่ 29 ม.ค. 2568 กฟภ. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย เปิดแถลงข่าวว่า ยังไม่เคยมีการใช้เหตุผลเรื่องความมั่นคง มาพิจารณาตัดไฟคู่สัญญาที่ซื้อไฟฟ้าจาก กฟภ. แต่หากหน่วยงานความมั่นคงมีหลักฐานเชิงประจักษ์ส่งให้ กฟภ.จึงจะพิจารณาตัดไฟฟ้าได้ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ออกมาย้ำว่า มท. พร้อมตัดไฟชายแดนทันที แต่ฝ่ายความมั่นคงต้องสั่งมาก่อน เพราะมหาดไทยทำเองไม่ได้

วันต่อมา 30 ม.ค. 2568  “พ่อนายกฯ” นายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างหาเสียง อบจ. ที่ จ.เชียงใหม่ ว่าต้องตัดทั้งไฟและการสื่อสารที่ส่งไปยังเมืองสแกมเมอร์รอบชายแดน โดยบอกว่าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ถูกต้องก็สามารถยกเลิกได้ หากสัญญานั้นถูกนำไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

วันที่ 31 ม.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำหนังสือด่วนถึง สมช. เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 5 จุดที่ กฟภ. ขายไฟให้เมียนมา มีจุดใดที่มีเครือข่ายยาเสพติด การฟอกเงิน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และอื่น ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ หรือไม่

จากนั้น วันที่ 3 ก.พ. 2568 ทาง สมช. หารือกับ กฟภ. โดย สมช. สรุปข้อมูลความมั่น เสนอให้ กฟภ. และกระทรวงมหาดไทย ไปพิจารณาดำเนินการตัดไฟ โดยเริ่มจากมาตรการเบาไปหาหนัก

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ กฟภ. ตัดไฟฟ้าข้ามแดนในพื้นที่เสี่ยงขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้าน และเรียก สมช. ประชุมด่วนเรื่องความชัดเจนของมาตรการ โดยนายภูมิธรรม สั่งการ สมช.ให้แจ้ง กฟภ.และหน่วยที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตัดไฟทันที ไม่ใช่รอและโยกไปโยกมา

“ผู้บังคับหน่วยส่วนใดหรือผู้รับผิดชอบหน่วยไหน ให้ปฏิบัติโดยทันทีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้เกิดผลโดยทันที .... ถ้าล่าช้าและไม่จัดการภายในไม่กี่วันนี้ ผมจะยืนตัวมาช่วยราชการ ขอให้ไปพิจารณาก็แล้วกันว่าควรจะจัดการแค่ไหน” นายภูมิธรรม กล่าวเสียงเข้ม และยังบอกว่าเราไม่ใช่แม่พระใจดี ส่งขายไฟให้และทำอะไรแบบนั้นแล้วเรายังนิ่งเฉยอยู่หรือ

เป็นการเรียกประชุมด่วนตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้รีบตัดไฟฟ้าโดยเร็วที่สุด และห้ามส่งน้ำมันออกไปด้วย ซึ่งเป็นคำสั่งที่ต้องการเห็นผลเป็นรูปธรรม ก่อนที่นางสาวแพทองธาร เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ. 2568 นี้ เพื่อหารือกับคณะผู้นำของจีนในทุกมิติ โดยภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 6 ก.พ. 2568 มีกำหนดเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่ East Hall มหาศาลาประชาชน

ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีคำสั่งเด็ดขาดจากนายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กอ้วน” ทางนายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังยืนยันท่าทีเดิมคือ รอคำสั่งจาก สมช.ก่อน เพราะ กฟภ.ไม่มีอำนาจตัดไฟเอง ถึงแม้นายภูมิธรรม จะบอกว่า กฟภ.ดำเนินการเองได้เลยก็ตาม นับเป็นการโยกโย้จนหยดสุดท้ายเลยก็ว่าได้

 เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ตัดไฟตามจุดต่างๆ


สำหรับการตัดไฟฟ้า เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2568 นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการ กฟภ. ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าตามคำสั่งของ สมช.ทั้งหมด 5 จุด ประกอบด้วย

 1. จุดซื้อขายบริเวณบ้านเจดีย์สามองค์ - เมืองพญาตองชู รัฐมอญ โดยบริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

2. จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

3. จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - พม่า - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

4. ซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - พม่า แห่งที่ 2 - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยบริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ บริษัท Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

และ 5. จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง โดยบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry and Manufacturing Company Limited (SMTY) เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 

ในวันนั้น นายอนุทิน มาร่วมวงโชว์หล่อด้วยการร่วมกดปุ่มงดจ่ายไฟฟ้าให้กับเมียนมาในจุดสุดท้าย และยังแถลงว่า กฟภ.ดำเนินการตัดไฟเรียบร้อยตามมติของ สมช. ซึ่งนายภูมิธรรม เป็นประธาน สมช. ลงนามในหนังสือมีคำสั่งการมายัง กฟภ.ให้ตัดกระแสไฟฟ้าในเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ก.พ.2568 เราเป็นผู้ปฏิบัติเมื่อมีข้อสั่งการที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย กฟภ. ก็สามารถดำเนินการได้ทันที ที่พูดกันว่าทำไมกระทรวงมหาดไทย ไม่ตัดสินใจตัดไฟฟ้าเอง มันอยู่นอกเหนืออำนาจ และไม่ได้โยนไปโยนมา แต่ต้องประเมินว่ามีผลต่อความมั่นคงประเทศและพลังงานหรือไม่ ซึ่งมูลค่าไฟฟ้าในส่วนนี้ มีรายได้ 50 ล้านต่อเดือน 600 ล้านบาทต่อปี

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง และเรื่องของการรับข้อสั่งการจากรัฐบาล คือฝ่ายนโยบาย ...” นายอนุทิน กล่าว และตอนนี้ไม่มีประเด็นให้ไทยถูกเพ็งเล็งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนให้มีการทำผิดกฎหมาย ตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดอินเทอร์เน็ต หมายความว่า ความเสียหายทั้งหมดจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบของประเทศไทย และต่อจากนี้คงต้องไปดูเรื่องการสกัดกั้น หากมีการอพยพหนีความยากลำบากเข้าไทย

 ศ.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี  อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งข้อสังเกตก่อนที่ทางการไทยจะตัดไฟเมียนมา ว่าการตัดไฟแก๊งสแกมเมอร์ที่แสนยากเย็นของรัฐไทย สะท้อนผลประโยชน์มหาศาล และความสัมพันธ์ต่างตอบแทนในเขตชายแดนที่ทุนจีนเทา กะเหรี่ยง BGF (Karen Border Guard Force) และหน่วยงานรัฐไทย มีต่อกันอย่างแนบแน่น และความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาลที่แม้มีอำนาจก็สั่งการอะไรไม่ค่อยได้

ศ.ปิ่นแก้ว ระบุว่า จากที่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับส่วยและทุนจีนเทาในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า มาเป็นเวลาหลายปี มีข้อสันนิษฐานว่า ผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ว่าเป็นไปได้ในอย่างน้อย 3 ลักษณะด้วยกัน ดังนี้

1.ผลประโยชน์การขายไฟ ที่แม้ กฟภ.จะออกมาปฏิเสธว่า รายได้จากการขายไฟเฉพาะในเขตเมียวดี ถือเป็นเปอเซ็นต์ที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมดของกฟภ. แต่โปรดอย่าลืมว่า สิ่งที่ไม่ถูกพูดถึงคือ หากต้องการจะขจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากชายแดนไทยอย่างเด็ดขาดแล้ว การตัดไฟไม่สามารถทำเพียงแค่ชายแดนแม่สอด-เมียวดีเท่านั้น แต่ต้องขยายผลไปตลอดแนวชายแดนที่มีปัญหาอาชญากรรมนี้ ตั้งแต่ท่าขี้เหล็กไปจนถึงพญาตองซู ชายแดนไทย-กัมพูชา แลไทย-ลาว ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ขายไฟของกฟภ.ทั้งสิ้น

หากรัฐมีความจริงใจต่อการแก้ปัญหาความมั่นคงชายแดนที่แท้จริง ด้วยการตัดทางทำมาหากินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดตลอดแนวชายแดนไทยพม่า ซึ่งหมายถึงการตัดไฟตลอดแนวชายแดน ตัวเลขรายได้รวมกันแล้วน่าจะไม่น้อยเลยทีเดียว นายทุนใหญ่ที่ขายไฟให้การไฟฟ้า นายทุนท้องถิ่นที่เป็นนายหน้าติดตั้งระบบไฟในเมืองชายแดนและทำมาหากินกับการขายไฟต่อให้พวกแก๊งอาชญากรรมจีน ตลอดจน กฟภ.เองย่อมได้รับผลกระทบกันเต็ม ๆ

2.ส่วยและความเกรงใจต่อจีนเทา แก๊งสแกมเมอร์จีน ต้องถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่และเป็นลูกค้าชั้นดี ที่จ่ายส่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จ่ายทุกหน่วยงาน และจ่ายรอบวง ไม่ใช่แค่ให้กับกองกำลัง BGF แต่ให้กับหน่วยงานไทยที่ดูแลชายแดนด้วย เป็นหน่วยงานไหนบ้าง กระทรวงมหาดไทย น่าจะมีข้อมูลอยู่แล้ว เพราะถือเป็นส่วยข้ามแดนรายใหญ่ที่มีเดิมพันสูง เนื่องเพราะเกี่ยวพันกับอาชญากรรมค้ามนุษย์ระดับโลก การตัดไฟ ซึ่งจะนำไปสู่การย้ายฐานของแก๊งสแกมเมอร์รายใหญ่นี้ ย่อมหมายถึงการสูญเสียรายได้มหาศาลจากส่วยในพื้นที่ชายแดนแม่สอด-เมียวดี ที่เจ้าหน้าที่รัฐไทย ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ

3.ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ระหว่างหน่วยงานความมั่นคงไทยกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยชายแดน ที่พึ่งพาอาศัยกันและกันในหลาย ๆ เรื่อง การทุบหม้อข้าวของ กองกำลังกะเหรี่ยง BGF ด้วยการตัดไฟแก๊งสแกมเมอร์จีน ย่อมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ที่เคยมีมา

 “ความสัมพันธ์ 3-4 เส้าขนาดนี้ ช่วยตอบคำถามว่าเหตุใดขนาดมหาอำนาจจีน เดินทางมากดดันถึงประเทศ รัฐไทยยังทำตัวน้ำท่วมปาก โยนกลองกันไปมา ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เพราะว่านายกรัฐมนตรีกำลังจะไปจีน และต้องไปตอบคำถามเรื่องพวกนี้กับผู้นำของเขา ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่า คำสั่งให้ตัดไฟจะสามารถออกจากปากของรองนายกรัฐมนตรีได้ในที่สุด....”ศ.ปิ่นแก้ว กล่าว 

นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นำคณะเข้าพบนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะมีคำสั่งเป็นเด็ดขาดให้ตัดไฟ
ผลประโยชน์ที่เกื้อกูลกันดังที่ ศ.ปิ่นแก้ว ตั้งข้อสังเกต มีการตั้งคำถามในทำนองเดียวกันจาก  นายรังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่เคยออกออกมาโพสกำชับให้ “บิ๊กต่าย-พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดูแลลูกน้อยตัวเอง และต่อมามีข่าวว่า พล.ต.ต. “ต.  ออกมายอมรับว่าเคยทำธุรกิจอยู่ฝั่งตรงข้ามคือ ที่เมียวดีคอมเพล็กซ์

ทำให้ “บิ๊กต่าย” สั่งการให้จเรตำรวจตรวจสอบแล้ว หากพบเป็นความจริงเบื้องต้นจะดำเนินการทางปกครองก่อน จากนั้นจะมีความผิดอาญาหรือวินัยก็เป็นเรื่องของพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง

อย่างไรก็ตาม การตัดไฟฟ้า และงดส่งน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวเมียนมาที่หาเช้ากินค่ำ พึ่งพาแสงสว่างจากไฟฟ้าฝั่งไทย และน้ำมันที่นำเข้าจากไทยเป็นหลัก ต่างได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า มีรายงานแจ้งว่า ราคาน้ำมันที่ อ.พญาตองซู เมียนมา ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี ขยับจากลิตละ 35 พุงสูงเป็น 60 บาท และน้ำมันกำลังจะหมด เพราะคนไปแย่งกันเติม

เช่นเดียวกันกับพื้นที่เมืองท่าขี้เหล็ก เมียนมา ที่อยู่ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย สมาคมผู้ประกอบการปิโตรเลียม Tachilek Township รายงานว่า มีชาวบ้านไปรอเติมน้ำมันทั้งในตัวเมืองและนอกเมือง รวมทั้งเริ่มมีข่าวว่าบางปั๊มไม่สามารถหาซื้อได้แล้วอีกด้วย

 ขณะที่อาคารที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองสแกมเมอร์ริมชายแดนเมียนมา ยังคงสว่างไสว ไม่สะเทือนในทันที เพราะเตรียมการไว้ล่วงหน้า ทั้งสำรองน้ำมัน และมีเครื่องปั่นไฟในตัวอาคาร แต่มีการคาดการณ์กันว่าอีกสองสัปดาห์หลังจากนี้ จะเห็นผลกระทบเกิดขึ้น

แต่ต้องไม่ลืมว่าตลอดแนวตะเข็บชายแดนมีช่องทางธรรมชาติที่ใช้ลักลอบขนถ่ายทั้งแรงงาน ยาเสพติด หรือแม้แต่ยุทธภัณฑ์ มาตรการที่ออกมาจะสะเทือนหรือเพียงสะดุดเท่านั้น รอติดตามกันต่อไป 


กำลังโหลดความคิดเห็น