xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“คดีแตงโม” เวรกรรมกำลังทำงาน “หลักฐานใหม่” กำลังมัดตัว “ตัวละครลับ” กำลังปรากฏ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คดีการเสียชีวิตปริศนาของ “แตงโม - น.ส.ภัทรธิดา“หรือ “นิดา พัชรวีระพงษ์“กำลังจะกระจ่างมากขึ้นเป็นลำดับหลังเงียบหายไปท่ามกลางความค้างคาใจของสังคมด้วยไม่เชื่อว่า เป็นเพราะ “อุบัติเหตุ”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือ “ดีเอสไอ” อนุมัติให้ทำการสืบสวนด้วยตระหนักว่า มีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยและมีเงื่อนงำแห่งคดีที่น่าสนใจหลายประการ

ยกตัวอย่างเช่น
1. บาดแผลขาขวาด้านใน
2. การหายไปของแตงโม หายเวลาไหนกันแน่?
3. ถ้าเพื่อนตกน้ำ ทำไมหลังจากออกหาแล้วกลับอู่เรือ แล้วไปที่อื่นเป็นชั่วโมง ไม่หาเพื่อน
4. การอ้างว่าแตงโมฉี่ท้ายเรือ ผิดธรรมชาติ
5. ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่แตงโมตายไป ทนายโจทก์และจำเลย ต่างพูดออกสื่อ ให้สัมภาษณ์นักข่าวแบบเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

ทว่า ณ บัดนี้ “เวรกรรมกำลังทำงาน” เนื่องเพราะปรากฏ “หลักฐานใหม่” ออกมาให้เห็นเป็นลำดับ โดยเฉพาะบรรดา “ตัวละครลับ” ที่ก่อนหน้านี้หล่นหายไปจากคดีด้วยอะไรบางอย่างที่เข้ามามีอิทธิพล รวมถึงบรรดา “วิญญูชนจอมปลอม” ที่กำลังถูกตั้งคำถามว่า มีส่วนทำให้คดีบิดเบี้ยว หรือไม่ อย่างไร

ทั้งนี้ ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอดำเนินไป “ทีมงานภาคประชาชน” ก็ช่วยเสาะแสวงหาเบาะแสแห่งคดีกันอย่างไม่ลดละ กระทั่งพบ “ความจริงหลายประการ” ที่อาจถือเป็น “ข่าวร้ายสำหรับ 5 คนที่อยู่บนเรือ” ตลอดรวมถึง “ตำรวจที่ทำคดี” ได้เลยทีเดียว

ความจริงแรกเกิดขึ้น ณ “เวลา 20.40 นาฬิกา”

กล่าวคือ คดีแตงโมนั้น มีคนเข้าใจผิดมา 3 ปีเต็มๆ ว่า มีคนอยู่บนเรือ 6 คนขณะเกิดเหตุ และแตงโมตกน้ำหลังจากไปปัสสาวะที่ท้ายเรือเวลา 22.34 น. โดยเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากคนทั้ง 5 ที่อยู่บนเรือ ก็คือ “ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร และกระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” รวมถึงตำรวจที่ทำคดีด้วย

ทว่า ความจริงก็คือ เมื่อมีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมในวันเกิดเหตุคือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 “กระติก” ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม ได้โทรศัพท์หาแตงโมในเวลา 20.40 น.

คำถามมีอยู่ว่า ถ้า 5 คนที่อยู่บนเรือให้การร รวมทั้งตำรวจพร้อมใจกันยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุบนเรือมี 6 คนจริง แล้วทำไม “กระติก” ถึงต้องโทรศัพท์หาแตงโม

นั่นหมายความว่า ในช่วงเวลานั้น แตงโมไม่ได้อยู่บนเรือแล้ว แต่จะยังคงมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตแล้ว ไม่อาจทราบได้
“งานนี้ทั้งตำรวจและคนบนเรือ เรือหายแน่”นั่นคือคำกล่าวของ “สนธิ ลิ้มทองกุล”หลังได้รับข้อมูลชุดนี้จาก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยมหิดล

และขณะนี้ “พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์”ได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมที่อยู่ในความครอบครองของ “บังแจ๊ค” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมที่จะส่งมอบโทรศัพท์เครื่องนี้ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคดีพร้อมกับยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

“อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์”ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยืนยันว่า ในโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวมีหลักฐานสำคัญที่สามารถกู้มาได้ เป็นภาพของแตงโมในช่วงก่อนเกิดเหตุ และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ที่มีใครบ้าง ที่โทรศัพท์หาก่อนเกิดเหตุ โดยในนั้นมี น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก อดีตผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทรศัพท์ไปหาแตงโมในวันเกิดเหตุเวลา 20.40 น. ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่แตงโมจะเสียชีวิตตามรายงานในสำนวนของตำรวจ จึงทำให้สงสัยว่าช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ด้วยกันแท้ๆ ทำไมจึงต้องโทรศัพท์หากัน


นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองดังเคยแชตไปขอภาพลับของแตงโมด้วย แต่นักการเมืองคนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนั้นได้มีการสำรองข้อมูลไว้ 2 ชุดแล้ว เพื่อป้องกันหากมีการแทรกแซงของเจ้าหน้าที่
ปมประเด็นถัดมาซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ การที่นายอัจฉริยะและอาจารย์ปานเทพออกมาให้ข้อมูลว่า ได้มีการพิสูจน์ทราบว่าภาพที่แตงโมถ่ายคู่กับกระติกใกล้สะพานพระราม 8 ในวันเกิดเหตุมีความผิดปกติและสงสัยว่าเป็นภาพตัดต่อ โดยมีการใช้ขาของ “แซน วิศาพัช” แทนขาของแตงโม และใช้เบาะที่นั่งเป็นขาอีกข้างของแตงโม

ส่วนกระบวนการตรวจสอบภาพดังกล่าว เป็นภาพตัดต่อหรือไม่นั้น ทีมงานของนายอัจฉริยะได้นำคำให้การของแซน วิศาพัช ในรายการทีวีช่องต่างๆ ที่เคยบอกไว้ว่าถ่ายภาพของแตงโมเพียงภาพเดียว แต่นายอัจฉริยะได้รับภาพมาจากทนายความท่านหนึ่ง ที่ส่งภาพมาให้กับทั้งหมด 3 ภาพ ทำให้เห็นได้ว่าสิ่งที่แซน วิศาพัช ให้ข้อมูลมานั้นเป็นเรื่องที่โกหก

โดยในแต่ละภาพปรากฏว่าในส่วนล่าง ช่วงคอลงไปไม่มีการขยับแต่ในส่วนหัวมีการขยับ ทำให้รู้ได้ว่ามีการตัดต่อภาพดังกล่าว และทุกภาพได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว รวมทั้งทราบด้วยว่าใครเป็นคนตัดต่อภาพดังกล่าว พร้อมกับแจ้งให้ดีเอสไอได้รับทราบแล้ว และจะนำผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบที่ขึ้นทะเบียนโดยหน่วยงานรัฐเข้ามาพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดด้วยเช่นกัน เพื่อให้สมบูรณ์และมีหน่วยงานรับรองว่าเป็นภาพตัดต่อจริง

และหากภาพดังกล่าวเป็นภาพตัดต่อจริง ก็จะสามารถตอกย้ำได้ว่าการที่ตำรวจนำภาพนี้มาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 65 ที่ยืนยันว่าเป็นภาพจริง ก็ถือว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และหากภาพนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นภาพตัดต่อจริงก็จะสามารถยืนยันได้อีกว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่พบแตงโมบนเรือ ทำให้สามารถพลิกคดีนี้ได้เลย

อย่างไรก็ดี ในประเด็นนี้ ทาง “แซน-วิศาพัช” ได้มีการโพสต์ข้อความลง ไอจี สตอรี่ ระบุว่า “ได้มือถือมาแล้ว หวังว่าจะรีบหาข้อเท็จจริงให้กับรูปต้องสงสัยระดับ Photohunt นะคะ อยากเห็น reaction คนตีฟูประเด็นนี้ ตอนเห็นผลพิสูจน์เป็นที่ประจักษ์ว่า ไม่ได้ตัดต่อ #รอชี้แจงผลรูป17ล้านวิวนะคะ #คณะชวนประชาชนอุปาทานหมู่”

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเปิดเผย “ตัวละครไม่ลับ” ที่ไม่ใช่ “ตัวละครใหม่” ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกตัดออกไป ทว่า พฤติกรรมและความเชื่อมโยงบางอย่างทำให้สังคมต้องย้อนกลับมาลงในรายละเอียดอีกครั้ง

โดยนายอัจฉริยะระบุว่า มีเครือข่ายผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง โดยบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเคยดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำกับคดีนี้ และในอดีตมีอำนาจมากชนิดตำรวจที่ต้องการวิ่งเต้นเพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือโยกย้าย ล้วนต้องผ่านบุคคลนี้จึงจะสำเร็จ

ที่สำคัญคือ มีลูกชายเป็นอดีตนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีแตงโม

นอกจากนี้ คดีนี้ยังเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงกลุ่มที่จัดปาร์ตี้บนเรือ ซึ่งมีพฤติกรรมล่อลวงผู้หญิงเป็นประจำ

นายอัจฉริยะ เผยอีกว่า สาเหตุที่ทำให้แตงโมตกเป็นเหยื่อ อาจเป็นเพราะเธอล่วงรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด ของบุคคลที่มีอำนาจ ซึ่งคงต้องรอกระบวนการสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อหาคำตอบที่แท้จริงต่อไป

รวมถึงมี “นักการเมืองระดับชาติ” ที่ไม่ใช่ “อดีตสว.” เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างมีนัยสำคัญทางคดี เพราะมีการโทรศัพท์หาคนบนเรือถี่มากจนเป็นที่ผิดสังเกต

ประเด็นที่น่าสนใจถัดมาก็คือ ด้วยความที่เรื่องราวเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนและเกี่ยวพันกับบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่ผ่านมาจึงมีความพยายามของขบวนการที่นายอัจฉริยะว่าไว้เพื่อกระทำการ “เบี่ยงเบนประเด็น” โดยใช้บรรดา “IO” เพื่อโยนขี้ไปให้ “ผู้ใหญ่ระดับสูงรายหนึ่ง” ทั้งๆ มิได้เกี่ยวข้องประการใด รวมถึงดิสเครดิตผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความเห็นไปในทิศทางที่ได้กำหนดเอาไว้

นายปานเทพกล่าวถึงประเด็นคลิปวิดีโอใหม่ล่าสุด 2 คลิปว่า เป็นคลิปที่พบในโทรศัพท์ของแตงโมจริง ระบุวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 22.19 น. และ 22.22 น. ซึ่งเป็นคลิปที่ถ่ายขณะอยู่บนบก ในซอยจรัลสนิทวงศ์ 92 แต่คำให้การของคนบนเรือขัดแย้งกับคลิปวิดีโอดังกล่าวซึ่งถ่ายบนบก

ทั้งนี้ เชื่อว่ามีขบวนการพยายามดิสเครดิตของบังแจ๊ค เพื่อไม่ให้เชื่อถือหลักฐานชิ้นนี้ และจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีที่ไม่มีตัวตน เป็นบัญชีปลอม และเมื่อสืบค้นบัญชีเหล่านี้ย้อนหลังพบว่าเป็นขบวนการเครือข่ายเดียวกัน ที่เคยดิสเครดิตบังแจ๊ค เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี ที่ต้องขีดเส้นใต้สองเส้นก็คือ ความเคลื่อนไหวของดีเอสไอที่เตรียมเรียกดีพยานเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมรวมทั้งหมด 5 บุคคล 1 นิติบุคคล ดังนี้คือ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์, กรรมการ ผู้จัดการบริษัท ดีคืนดีวันจำกัด (นิติบุคคล) นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และ พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง

ในบรรดารายชื่อทั้งหมด สังคมรู้จักกันดี แต่ที่อาจจะยังงงๆ ว่า “เขาคือใคร” คงหนีไม่พ้น พ.ต.ต.ปภิณวิช ซึ่งจากการตรวสอบพบว่า พ.ต.ต.ปภิณวิชหรือกอล์ฟนั้น คือลูกชายของอดีตนายตำรวจเก่าและใหญ่ซึ่งแวดวงตำรวจรู้จักกันดี นั่นก็คือ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางอย่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 อดีต สว.ที่ได้รับการแต่งตั้งสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่เป็น “ณัฏฐวัตก์”

พ.ต.ต.ปภิณวิชถูกดีเอสไอเรียกไปเป็นพยานเนื่องด้วยพบความเชื่อมโยงว่าคือ “เจ้าของเรือ” ลำที่แตงโมนั่งไป ไม่ใช่ “ปอ--ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์”

ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ปภิณวิชเคยไปเกี่ยวข้องกับหลายคดี เช่น เคยถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษว่ากระทำผิดในคดีหุ้น MORE ก่อนที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะสั่งไม่ฟ้องในเวลาต่อมา รวมถึงคุ้นเคยกันดีกับ “บอสตาล-บอสต้น” แห่งสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ และสโมสรพิษณุโลกเอฟ

ส่วน พล.ต.ท.จิตตินั้นถือว่าเป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงสีกากี และสมญา “ฉลามตาฟาง” ที่สื่อมวลชนสายตำรวจมอบให้ ก็มิได้มาเพราะโชคช่วย โดยบรรยายเอาไว้ว่า “เนื่องจากว่าพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 2 พื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ติดชายทะเล และตลอดระยะเวลาที่ พล.ต.ท.จิตติ มาดำรงตำแหน่ง ณ พื้นที่แห่งนี้ ได้มีชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องอบายมุขหรือสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ก็ดูเหมือนมักจะไม่ได้รับการแก้ไขหรือขจัดปัดเป่าให้ดีขึ้น แถมยังปล่อยให้ปัญหาอาชญากรรมผุดขึ้นอย่างมากมาย”

ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิตตินั้น เป็นที่รับรู้กันว่า มีความสนิทสนมกับ “บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นอย่างมาก

ส่วนบรรดา “วิญญูชนจอมปลอม” ที่เคยทำทีให้ความสนใจในคดีแตงโมนั้น ก็เห็นได้ชัดว่า ครั้งนี้เงียบเชียบผิดสังเกต ไม่ว่าจะเป็นบรรดา “ทนาย” หรือนักเคลื่อนไหวที่จับผลัดจับผลูเคยเป็น สส. แต่มีข้อมูลว่า มีพฤติกรรมไปแบลคเมล์เรียกตบทรัพย์จากผู้เกี่ยวข้อง

และวันนี้ เวรกรรมกำลังทำงานเพื่อไล่ล่าบรรดาคนเหล่านี้จากข้อมูลที่เปิดเผยออกมาเป็นลำดับ

…เห็นฉากทัศน์ใหม่ที่กำลังเปิดเผยออกมาทีละเปลาะแล้วก็ต้องบอกว่า ความจริงในคดีแตงโมกำลังจะเปิดเผยออกมาในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน แต่คำถามมีอยู่ว่า แล้ว “คุณแม่แตงโม” จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร จะตัดสินใจ “เปลี่ยนข้อหา” ในคดีที่อยู่ระหว่างการสืบสวนพยานและเป็นคดีหลัก ซึ่งสามารถทำได้ เพียงแต่จะทำหรือไม่...ก็เท่านั้น.




กำลังโหลดความคิดเห็น