xs
xsm
sm
md
lg

นี่หรือ Peace Maker?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


โดนัลด์ ทรัมป์
สุนทรพจน์ในพิธีสถาปนาประธานาธิบดีคนที่ 47 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากด้วยการวาดภาพอเมริกากำลังเข้าสู่ยุคทองภายใต้การบริหารของเขา หลังจากความเสื่อมทรุดมาตลอดช่วงการบริหาร (หลายสมัย) ก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะทำให้อดีตปธน. 4 คนที่ให้เกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยานการเปลี่ยนถ่ายอำนาจครั้งนี้เกิดอาการ “หน้าชา” ไปตามๆ กัน กับคำกล่าวในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มักจะพยายามสร้างความปรองดองในชาติหลังจากการต่อสู้หาเสียงทางการเมืองที่เข้มข้นด้วยคำกล่าวหาที่สาดเข้าใส่กันจนแทบจะไม่สามารถมองหน้ากันได้ต่อไป หรือไม่สามารถจะเป็นมิตรต่อกันได้อีก แต่อดีตปธน.ทั้ง 4 คน ก็บากหน้ามาร่วมพิธี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามรักษาขนบประเพณีที่ต้องมาร่วมพิธี อันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความเป็นประชาธิปไตย ที่ต้องมีการส่งต่ออำนาจบริหารประเทศอย่างสงบสันติและอย่างมีอารยธรรม

มีบางช่วงของสุนทรพจน์ที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า เป็นสุนทรพจน์ที่ DARK คือ ดิบ (และเถื่อน) ที่โจมตีกล่าวบริภาษด้านเดียวต่อคณะบริหารที่ผ่านๆ มา ได้ทำให้อเมริกาตกต่ำเป็นที่ดูแคลนของทั้งโลก รวมทั้งสร้างปัญหาภายในประเทศทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรมมากมาย และอดีตผู้บริหารต้องนั่งทนฟังโดยไม่สามารถวอล์กเอาท์ไปได้

ซึ่งนายทรัมป์จะเป็นผู้ที่พระเจ้าได้ช่วยคุ้มครองจากการถูกลอบสังหาร (โดยฝ่ายตรงข้ามของเขา…เขาคงหมายถึงพรรคตรงข้ามกับเขานั่นแหละ) ถึง 2 ครั้ง ก็เพื่อมากอบกู้ประเทศสหรัฐฯ เพื่อกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ตอนหนึ่งเขาเน้นว่า เขาต้องการเป็น “ผู้สร้างสันติภาพและความสมานฉันท์” (A Peace Maker and a Unifier) ซึ่งทางสื่อ AP เขากลับสรุปเนื้อหาตอนช่วงนี้ของทรัมป์ว่า เขาจะเป็น “ผู้สร้างสันติภาพ” และ “ผู้ปราบชนะศึก” (คือ A Peace Maker and a Conqueror) ซึ่งคำว่า ผู้ปราบชนะ (ศึก) นี้ จักรพรรดิซีซาร์ของกรุงโรมที่เก่งกล้าได้เคยประกาศว่า “ข้าพเจ้าได้มาถึง-ข้าพเจ้าได้มองเห็น-(แล้ว) ข้าพเจ้าก็ปราบได้สำเร็จ” (I came-I saw I conquered)

โดยทรัมป์ได้ให้คำมั่น (เหมือนช่วงหาเสียงมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา) ว่าจะสามารถหยุด(ยิง)การสู้รบในต่างประเทศได้ทั้งหมด ซึ่งเขาก็ได้ทำแล้วที่กาซา...ซึ่งในช่วงของงานเลี้ยงฉลองที่สนามกีฬายักษ์ตอนบ่าย, ปธน.ทรัมป์ได้พูดกับฝูงชน 2 หมื่นคนใน Arena

พร้อมญาติของตัวประกันที่ถูกปล่อยออกมาจากการเจรจาหยุดยิงที่กาซา (ในช่วงวันที่ 19 มกราคม) ซึ่งมีหนึ่งในตัวประกันได้ขึ้นยืนบนเวทีร่วมกับทรัมป์พร้อมญาติตัวประกัน โดยทรัมป์ได้พูดถึงผลงานของเขาที่ทำให้เกิดการปล่อยตัวประกัน และนำสู่การหยุดยิง (ชั่วคราว) ในครั้งนี้ และฝูงชนผู้เป็นสาวกของทรัมป์ได้ยืนปรบมือให้ทรัมป์ในผลงานนี้เป็นเวลานาน

ทั้งๆ ที่กรอบการเจรจาหยุดยิงและการแลกเปลี่ยนตัวประกันเชลยชาวยิวกับนักโทษปาเลสไตน์นี้ เกิดขึ้นมาตลอด 8 เดือน (ตั้งแต่ปลายพฤษภาคม) เป็นข้อเสนอของไบเดน; แต่นายกฯ เนทันยาฮูกลับเป็นตัวดึงถ่วงการเจรจาแลกเปลี่ยนเชลยศึก เพื่อรอทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง เพื่อขวางไม่ให้ไบเดนและกมลา แฮร์ริส ได้คะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้ง

ปธน.ทรัมป์กล่าวในสุนทรพจน์ว่า เขาจะต้องนำคลองปานามากลับคืนมาจากประเทศปานามา โดยกล่าวว่า เป็นความโง่เขลาและเสียเปรียบอย่างยิ่งที่สหรัฐฯ (ภายใต้ปธน.จิมมี คาร์เตอร์) ได้ไปยอม (เสียรู้) ลงนามส่งคืนคลองปานามาให้แก่ประเทศปานามา โดยทำเป็นสัญญาทยอยส่งมอบในเวลา 20 ปี (1979-1999) ซึ่งในช่วง 1977-1999 จะเริ่มแบ่งผลประโยชน์ค่าผ่านคลองให้กับประเทศปานามาด้วย

ปธน.ทรัมป์ผู้ยกตัวเองเป็นผู้สร้างสันติภาพโลกคนนี้ ได้ย้ำมาตลอดว่า การเอาคลองปานามาคืนมานี้จะไม่ยกเว้นวิธีการทุกอย่างที่จะต้องทำ-รวมถึงการใช้กำลังทางทหาร!!...เพราะเขาอธิบายว่า สหรัฐฯ ได้ขุดสร้างคลองนี้ด้วยความยากลำบาก ต้องสูญเสียชีวิตคนในการก่อสร้าง-ทั้งโรคระบาดจากไข้ป่า และจากอุบัติเหตุการก่อสร้าง-เป็นจำนวน 3 หมื่นกว่าคน ซึ่งเมื่อมอบคลองให้ประเทศปานามาแล้วขณะนี้ คลองนี้กลับตกอยู่ใต้อิทธิพลของจีนไปเสียแล้ว...ซึ่งอเมริกาไม่ได้สร้างคลองมาเพื่อให้อยู่ใต้อิทธิพลของปรปักษ์คือจีนอย่างแน่นอน

นั่นเป็นเพราะมีบริษัทบริหารท่าเรือยักษ์ของฮ่องกงคือ Hutchison Whampoa ของเศรษฐีใหญ่ ลีกาชิง ได้รับสัมปทานบริหารท่าเรือ 2 แห่งของคลอง... ในช่วงด้านหน้าที่จะเข้าคลองและด้านปิดท้ายของคลองด้วย

ขณะที่ประเทศปานามาก็ได้ระงับความสัมพันธ์กับไต้หวัน เมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยเปลี่ยนมาเปิดสถานทูตจีนและรับความช่วยเหลือจากจีนเต็มที่

สิ่งที่ปธน.ทรัมป์ละเลยที่จะบอกความจริงอันหนึ่งก็คือ ช่วงที่คาร์เตอร์ตัดสินใจทำสัญญามอบคลองปานามาให้ประเทศปานามา ก็เพราะเกิดการจลาจลทางการเมือง ที่ประชาชนปานามาเรียกร้องกดดันให้สหรัฐฯ คืนคลองให้ชาวปานามา เพราะชาวปานามาไม่ได้รับผลประโยชน์จากค่าผ่านคลองแต่อย่างใด...และสหรัฐฯ ก็ได้มีส่วนสนับสนุนประเทศอียิปต์ที่เรียกร้องคลองสุเอซคืนมาจากเจ้าอาณานิคมอังกฤษ (โดยมีพันธมิตรฝรั่งเศสร่วมกับอังกฤษ โดยฝรั่งเศสเป็นผู้ขุดคลองสุเอซ) ซึ่งสหรัฐฯ ก็ต้องพยายามปฏิบัติตนเยี่ยงประเทศผู้นำโลกที่มีคุณธรรม โดยคืนคลองปานามาให้กับเจ้าของประเทศเช่นเดียวกับอังกฤษคืนคลองสุเอซให้อียิปต์

ไม่เพียงคลองปานามาที่สหรัฐฯ ส่งสัญญาณจะยึดคืนแม้ต้องใช้กำลังทหาร...แต่เกาะกรีนแลนด์ก็ถูกทรัมป์ขู่ว่าจะบังคับซื้อมาจากเดนมาร์ก และไม่ยกเว้นถ้าจะต้องใช้กำลังทหารด้วย

รวมทั้งประเทศแคนาดาก็ต้องการให้มาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ซึ่งไม่ละเว้นถ้าต้องใช้กำลังทางทหารเช่นกัน

บางคนเรียกอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์ว่า เป็นการขยายดินแดนหรือจะเป็นเจ้าอาณานิคมสมัยศตวรรษที่ 21 ทีเดียว

นี่หรือผู้สร้างสันติภาพโลก

หรือผู้สร้างสันติสุขและความสมานฉันท์ในประเทศสหรัฐฯ ที่กระหน่ำใส่หน้าอดีตผู้นำว่า เป็นผู้สร้างปัญหานำความตกต่ำเสื่อมทรุดมาสู่อเมริกาในทุกด้าน


กำลังโหลดความคิดเห็น