ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ณ เวลานี้ สังคมไทยต้องจารจารึกไว้ว่า “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” กับ “พ่อนายกฯ” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือกลุ่มบุคคลสำคัญผู้ให้กำเนิด “กาสิโน” ถูกกฎหมายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยไม่สะทกสะท้านต่อกระแสต้านรอบทิศ
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2568 คือหมุดหมายสำคัญในการก่อเกิดกาสิโนภายในสถานบันเทิงครบวงจร โดยที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ
ในวันเดียวกันกับที่ ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว “พ่อนายกฯ” ที่ลั่นวาจาในหลายเวทีหลายต่อหลายครั้งว่าถึงเวลาเอาสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมาบนดิน ก็พูดย้ำอีกครั้งในงานดินเนอร์ทอล์ค หัวข้อเสวนา “Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” ว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีการดึงการลงทุนจากบริษัทต่างประเทศ 5 แสนล้าน คาดว่าจะทำสำเร็จในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร หรือภายในเวลาอีก 2 ปี
นับต่อจากนี้ จึงต้องจับตาการเอาการพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน และทำกาสิโนให้ถูกกฎหมาย ว่าจะฝ่ามรสุมที่จะมีมาอีกหลายระลอกสำเร็จหรือไม่ เพราะไม่เพียงคลื่นใต้น้ำจากพรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุนแบบมีเงื่อนไข แต่ที่ผ่านมาสังคมไทยต้านกาสิโนถูกกฎหมายไม่เคยแผ่ว
เบื้องแรกเป็นน่าสังเกตว่า ในวันประชุมครม. ดังกล่าว มีรัฐมนตรีแจ้งลาประชุม 6 คน ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงมหาดไทย, นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงแรงงาน, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม, นายอัครา พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงมหาดไทย
แต่ช่วงสายนายอนุทิน ได้กลับเข้าร่วมประชุม ครม.ตามปกติ ในเวลา 10.30 น. อาจเพราะรู้ดีว่าคงตกเป็นเป้าให้ “พ่อนายกฯ” ตามกระซวกอีกแน่ หากยังขืนอ้างเหตุสารพัดในการไม่เข้าร่วมประชุม ครม.นัดสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทย เคยมีจุดยืนชัดเจนและประกาศชัดแจ้งว่า “ไม่เอากาสิโน” สวนหมัดกับพรรคเพื่อไทย จนกลายเป็นเรื่องมาแล้ว
เมื่อครม. เคาะผ่าน นายอนุทิน ซึ่งเห็นด้วยในหลักการร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ได้แนบความเห็นต่อที่ประชุม ครม. ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ไปปรับปรุง พร้อมหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าหากปรับปรุงร่างกฎหมายเสร็จแล้วต้องนำเสนอ ครม.อีกครั้ง เพราะมีข้อกฎหมายเกี่ยวข้องมากมายและหลายหน่วยงาน เรื่องนี้เรียนให้นายกฯรับทราบแล้ว
เป็นกระบวนการขั้นตอนที่ซ่อนนัยคงหวังจะยื้อเพื่อสดับรับฟังกระแสสังคม ซึ่งถ้าเสียงคัดค้านมาแรงเกินต้าน สถานการณ์อาจพลิกผัน
ขณะที่ทาง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กลับตอบชัดว่า เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจร่างและปรับปรุงแล้ว ไม่ต้องเอากลับเข้า ครม. อีก “ใช่ค่ะ ส่งเข้าสภาฯได้เลย” เราอยากผลักดันให้ได้ภายในปีนี้แต่ต้องรอกระบวนการต่าง ๆ ถ้าเกิดขึ้นเร็วก็ดี
สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีการกำหนดให้มีคณะกรรมการกำหนดนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหารจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเรื่องการอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตลอดจนการแก้ปัญหาพนันผิดกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แม้ว่านายกฯ อยากเร่งให้เร็ว แต่ตามขั้นตอนของการออกกฎหมาย ยังต้องผ่านอีกหลายด่าน เมื่อครม.เห็นชอบแล้ว ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นำความเห็นและข้อสังเกตไปปรับปรุงร่างฯ ก่อนรัฐบาลจะเสนอเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระแรก เพื่อรับหลักการ วาระที่สอง แปรญัตติและตั้งกรรมาธิการพิจารณารายมาตรา และเข้าสู่วาระสามเพื่อลงมติผ่านกฎหมาย และส่งไปยังวุฒิสภาลงมติ
หลังจากนั้น ยังต้องจัดทำกฎหมายรอง 2 ฉบับ คือ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และจำนวนใบอนุญาตสถานบันเทิงครบวงจร
และออกประกาศสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร 3 ฉบับ คือ ร่างประกาศสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เรื่อง หลักเกณฑ์ ประเภท ลักษณะ วิธีการเล่น และรายละเอียด ประเภทกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร, ร่างประกาศฯ เรื่อง ผู้ที่มีลักษณะของบุคคลต้องห้ามเข้าไปในสถานประกอบการกาสิโน และร่างประกาศฯ เรื่อง มาตรฐานเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในสถานประกอบการกาสิโน
รวมทั้งการออกประกาศคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร จำนวน 13 ฉบับ เช่น เรื่องสัดส่วน พื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร, หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต, ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต, เงื่อนไขการต่ออายุใบอนุญาต, หลักเกณฑ์ ประเภท ลักษณะ และรายละเอียดการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร, หลักเกณฑ์กาสิโนของผู้รับใบอนุญาตสถานบันเทิงครบวงจร วิธีการ และเงื่อนไขการให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการ เป็นต้น
ฝันหวานดูดเงินต่างชาติแสนล้าน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชื่อว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะสร้างรายได้ สร้างการจ้างงาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งชุดข้อมูลที่นำเสนอต่อครม. ระบุถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับในแง่การลงทุนจริงเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้าน
และประเมินรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 119,000 - 238,000 ล้านบาท ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่ม 5-10% ต่อปี กระตุ้นการใช้จ่ายช่วงโลว์ซีซั่นส์เพิ่ม 13% เพิ่มการใช้จ่าย 66,043 บาท/คน/ทริป จาก 44,000 บาท/คน/ทริป ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
ก่อให้เกิดการสร้างงานอย่างน้อย 9,000 - 15,300 ตำแหน่ง (เทียบเท่ากับการเพิ่มขึ้นของอัตรา การจ้างงานคนไทย 0.03-0.05%) เพิ่มรายได้ให้กับรัฐ ประมาณ 12,037-39,427 ล้านบาทต่อปี และรายได้ภาษีจากกิจการอื่น ๆ เช่น โรงแรม 5 ดาว สวนสนุก (8,773 - 35,093 ล้านบาทต่อปี)
ส่วนรายได้จากกิจการกาสิโน เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ภาษีการเล่นพนัน ขั้นต่ำ 3,264 ล้านบาทต่อปี และรายได้จากค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโนอีก ขั้นต่ำ 3,700 ล้านบาทต่อปี เป็นต้น
กระทรวงการคลัง ยังยกความสำเร็จของสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศเพื่อนบ้านที่หนุนส่งให้เศรษฐกิจเติบโตชัดเจน เช่น มาเก๊า 1.2 ล้านล้านบาท/ปี, สิงคโปร์ 4.3 แสนล้านบาท/ปี, เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้านบาท/ปี, ฟิลิปปินส์ 2.2 แสนล้านบาท/ปี, เวียดนาม 1.8 แสนล้านบาท/ปี, อินโดนีเซีย 1.4 แสนล้านบาท/ปี ส่วนญี่ปุ่น กำลังจะเปิดปี 2030 รวมถึงกลุ่มประเทศ UAE ที่กำลังเตรียมโครงการ
กฤษฎีกา - สภาพัฒน์ ทักท้วง
ไม่เพียงแต่การเมืองสองพรรคเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ที่ขบเหลี่ยมกันในเรื่องกาสิโน หน่วยงานที่เสนอความเห็นต่อ ครม. ต่างมีข้อทักท้วงเช่นกัน ทั้งในส่วนของคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แม้ว่าตอนหลัง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะออกตัวว่าไม่ได้ “โดดขวาง” อย่างที่พาดหัวกันให้ชวนระทึกถึงอาจหลุดจากเก้าอี้ก็ตาม
ข้อทักท้วงของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยกตัวอย่างเช่น นโยบายของรัฐบาลจะส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) อย่างสถาบันเทิงครบวงจร และอาจจัดให้มีการเล่นกาสิโนด้วยก็ได้ จึงเห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าสถานบันเทิงครบวงจรคือสิ่งใด เป็นโรงแรม สถานบริการ ร้านอาหาร ฯลฯ เพราะแต่ละกิจกรรมมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายในเรื่องนี้อีกเพราะจะซ้ำซ้อน
อีกทั้ง รายงานผลการศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงหรือสันทนาการครบวงจร ของสภาผู้แทนราษฎร มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย แต่สถานบันเทิงครบวงจรในความเข้าใจของประชาชนทั่วไป หมายถึงสถานที่ที่ให้บริการกิจกรรมด้านความบันเทิงหรือสันทนาการแก่ผู้ใช้บริการได้อย่างหลากหลาย มิใช่สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เล่นการพนัน จึงไม่ชัดเจนว่า ร่างกฎหมายที่เสนอซึ่งเป็นหลักการเดียวกับผลการศึกษาดังกล่าว จะแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้อย่างไร
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังชี้แนะว่า หากรัฐบาลประสงค์จะแก้ไขปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมายหรือมีนโยบายที่จะจัดให้มีการเล่นการพนันที่ชอบด้วยกฎหมายในสถานบริการหรือสถานที่อื่นใด สามารถที่จะดำเนินการได้ตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน หรือแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพนันที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 (90 ปีแล้ว) เพื่อให้ทันกับกาลสมัย ซึ่งจะแก้ไขปัญหานี้ให้ตรงจุดมากกว่าไปควบคุม การอนุญาตให้จัดตั้งและการบริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจร
ทั้งนี้ หากจะเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด เพื่อให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบได้อย่างชัดเจนว่าเป็นร่างกฎหมายที่ทำขึ้นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการจะผลักดันนโยบายแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นหลัก หรือจะเป็นไปตามข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎร ที่มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย เพราะมีความแตกต่างกันมากในการออกแบบกลไกตามกฎหมายและโครงสร้าง รวมทั้งสมควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย และปรับปรุงร่างให้ตรงตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
อีกทั้งยังย้ำว่า ปัจจุบันมีการวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายนี้ในวงกว้างอย่างสับสนว่าจะเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด จึงสมควรที่จะสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนเสียก่อนที่จะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาด้วย
“ร่างกฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายยังไม่ชัด อยากให้ถาม ครม.ว่าจะเอาอย่างไรแน่ ... จะเน้น Man -made destination หรือจะเน้นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่อย่างนั้นก็ร่างไม่ถูก เพราะกระบวนการกลไกต่างกัน…” นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าว
เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกา มีข้อสังเกตและทักท้วงดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย จึงมีความเห็นส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำไปปรับปรุงร่าง และเห็นว่าต้องนำกลับเข้ามาเสนอต่อ ครม.อีกครั้ง แต่ฝั่งพรรคเพื่อไทย กลับประกาศลุยต่อส่งร่างไปยังสภาฯ เลย
ไม่เพียงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ทักท้วง ยังมีรายงานด้วยว่า สภาพัฒน์ ให้ความเห็นประกอบร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ ว่ากระทรวงการคลัง ควรศึกษาผลประโยชน์และผลกระทบให้มีความชัดเจน และระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนศึกษาทางเลือกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่อาจมีผลกระทบทางสังคมน้อยกว่า
สภาพัฒน์ มีความเห็นว่า การดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ควรมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสันทนาการสำหรับครอบครัวที่ประชาชนได้ประโยชน์ ส่วนธุรกิจที่สุ่มเสี่ยง อาทิ กาสิโน ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งธุรกิจกาสิโน เป็นธุรกิจที่มีนัยต่อการพัฒนาประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะผลกระทบด้านลบต่อสังคม ที่หลายภาคส่วนยังคงเห็นต่าง
นอกจากนั้น เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น “เงินโอน (Transfer)” จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้นธุรกิจกาสิโนอาจไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่คาดการณ์ไว้
กล่าวง่ายๆ คือ รัฐบาลอย่าสร้างภาพลวงตาเศรษฐกิจโตเกินจริงจากกาสิโนที่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลผลิตแต่อย่างใด
พรรคส้ม หวั่น “ฮับทุนเทา”
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) มองว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีทั้งได้และเสีย มีความท้าทายอยู่ทั้งเรื่องทุนเทา เงินสีเทา สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ รัฐบาลจะรับมือกับการฟอกเงินอย่างไร และจะกลายเป็นปัญหาใหม่ที่ซ้ำเติมปัญหาเก่าที่ยังแก้ไม่จบในเรื่องของทุนสีเทา ก่อนจะทำต้องทำให้ระบบกฎหมายเข้มแข็ง มีความโปร่งใส เนื่องจากอาจจะเป็นไปได้ที่จะมีผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลผ่านการกำหนดพื้นที่และการให้ใบอนุญาต
เช่นเดียวกันกับ นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ที่หวั่นวิตกว่ารัฐบาลปล่อยให้การบังคับใช้กฎหมายหละหลวมและเลือกปฏิบัติ หากมีการเปิดกาสิโนในประเทศไทย จะกลายเป็นฮับระดับโลกในหลายเรื่องทั้งการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ อบายมุข ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ คอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ กาสิโนจะเป็นถังขยะใบโตที่ทิ้งไว้ให้รุ่นลูกหลาน
หากรัฐบาลยังต้องการให้มีกาสิโน สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน มีข้อเสนอว่าร่างกฎหมาย ควรกำหนดเงื่อนไขการประมูลใบอนุญาตกาสิโนอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ กำหนดจังหวัดและเขตที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนอยู่ในนั้นด้วย และควรทำประชามติ ฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่ การกำหนดเงื่อนไขการเข้าเล่นกาสิโนให้ชัดเจน ไม่เพียงอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่ควรกำหนดรายได้ขั้นต่ำ ไม่ติดเครดิตบูโร ไม่มีประวัติอาชญากรรม ฯลฯ
ส่วนรายได้เข้ารัฐให้จัดสรรจากรายได้ก่อนหักภาษีและค่าใช้จ่ายผันแปรในแต่ละปีตลอดอายุใบอนุญาต 30 ปี และ ควรจัดตั้ง “กองทุนป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบจากการประกอบธุรกิจสถานประกอบการครบวงจร” ที่ถูกตัดออกไป กลับมาไว้ในร่าง พ.ร.บ.ตามเดิม
ไม่เอากาสิโน – พนันออนไลน์ หายนะ
ทางฟากฝั่งภาคประชาสังคม นำโดย มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้ออกแคมเปญ “เราไม่เอากาสิโน” ให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม เนื่องจากเห็นว่าการเปิดกาสิโนจะส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม เพราะกฎหมายนี้จะเปิดช่องให้เปิดกาสิโนได้หลายแห่งในหลายพื้นที่ ซึ่งประสบการณ์ของทั่วโลก พบว่ากาสิโนเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมหลายระดับ การกระทำผิดกฎหมาย ฉ้อโกง รับสินบน การเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมายเท่ากับอนุญาตให้เปิดโรงฟอกเงินแก่กลุ่มอาชญกรรม เกิดการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจการเงินการธนาคารของประเทศได้
ไม่เพียงแต่จะทำกาสิโนถูกกฎหมายเท่านั้น คำปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะนำเว็บพนันออนไลน์ที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน เพื่อให้เสียภาษีอย่างถูกต้องเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ มีการเด้งรับจากรัฐบาลเช่นกัน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2568 มีมติเห็นชอบให้กระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานกฤษฎีกา ออกกฎหมายลำดับรองเพื่อทำให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย คาดว่าภายใน 1 เดือน จะสามารถทำรายละเอียดแล้วเสร็จ และเมื่อทำสำเร็จ ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ทันที จะเปิดโอกาสให้จัดระเบียบเว็บไซต์การพนันออนไลน์ที่ปัจจุบันมีการสั่งปิดจำนวนมาก ให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง เป็นการเอาเม็ดเงินใต้ดินกว่า 3 ล้านล้านบาทขึ้นมาบนดิน
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ “ครูหยุย” อดีตสมาชิกวุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องดังกล่าวมีเงื่อนงำแอบแฝง ดูเป็นการลักหลับและซ่อนแอบเอากาสิโนมาหลอกให้คนสนใจ แต่แอบเอาเรื่องพนันออนไลน์แทรกเข้ามาอย่างเร่งรีบ กลายเป็นหายนะเรื่องใหม่ของสังคมไทยเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นกาสิโนถูกกฎหมาย หรือการพนันออนไลน์บนดิน ล้วนแต่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสังคมไทยและลูกหลานในอนาคตเหลือคณานับ