xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“สลาก N3” ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น “คอหวย” ไม่ถูกใจ รัฐบาลเพื่อไทยล้มเหลว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  แนวโน้มชัดเจนว่า “สลากN3” ไม่ได้ไปต่อค่อนข้างแน่เสียยิ่งกว่าแช่แป้ง เนื่องเพราะไม่จูงใจคอหวย เท่ากับว่าความพยายามของรัฐเป็นสูญ เพราะออกสลากฯ รูปแบบใหม่ไม่ตอบโจทย์แก้หวยแพง ไม่สามารถแก้ปัญหาหวยใต้ดิน และไม่สามารถนำเงินนอกระบบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ 

ในช่วงเริ่มแรกมีการโหมประโคมข่าว การจำหน่ายสลากตัวเลขสามหลัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สลาก N3” กันอย่างอึกทึกครึกโครมว่า กระแสตอบรับหวย N3 แรงมากและได้รับการตอบรับดีจากบรรดา “คอหวย” จนแม่ค้าสลากใบเตรียมปรับตัวเพื่อความอยู่รอดกันเลยทีเดียว

โดยในงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็น งวดแรก” สามารถจำหน่ายได้ 1,898,869 ใบ สร้างความปิติยินดีให้กับกระทรวงการคลัง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและรัฐบาลเป็นอย่างมาก
 
ทว่า ใน  งวดที่สอง คืองวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 สัญญาณร้ายสำหรับการจำหน่ายสลากตัวเลขสามหลัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สลาก N3” ก็เริ่มปรากฏให้เห็น เพราะยอดการจำหน่ายลดลงไปอย่างถนัดใจ กล่าวคือสามารถจำหน่ายได้ 1,338,335 ฉบับ หรือมีปริมาณที่ลดลงถึง 506,534 ใบเลยทีเดียว

เรียกว่าเพียงแค่ “2 งวด” ก็เห็นชะตากรรมแล้วว่า ล้มเหลว เพราะแทนที่จะขายได้มากขึ้นกลับขายได้ลดลง ซึ่งจากการสำรวจตรวจสอบพบว่า มีปัญหาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ “หวยใต้ดิน” ที่เป็นโจทย์หลักของการออกหวยรูปแบบใหม่ และเมื่อทดลอง “ของใหม่” แล้วก็พบว่า “ไม่ถูกใจ”

ในครั้งนั้น  จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า สลาก N3 ยังไม่จูงใจเมื่อเทียบกับหวยใต้ดินที่มีกลไกที่จูงใจผู้ซื้อที่หลากหลายกว่า เช่น สามารถจ่ายเงินได้แบบงวดชนงวด หรือไปชำระเงินในงวดถัดไปได้ ขณะที่สลาก N3 ไม่มี

“โจทย์ของสลาก N3 ก็เพื่อสู้กับหวยใต้ดิน เราต้องการสร้างแรงจูงใจคนที่ซื้อหวยใต้ดินหันมาซื้อสลากที่ถูกกฎหมาย ซึ่งยอดขายที่ลดลง ก็ได้มอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ไปดู สุดท้ายแล้ว N3 สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้จริงไหม ขอเวลาอีกสัก 2-3 งวด เชื่อว่าจะเห็นภาพชัดมากขึ้น แต่ถ้าแย่งตลาดสลาก L6 ทั้งแบบใบ และแบบสลากดิจิทัล ก็ต้องมาพิจารณาว่า การจะทำสลาก N3 คุ้มค่าหรือไม่ หากพิจารณาแล้วไม่คุ้ม ก็มีโอกาสยกเลิกขายได้”

เรียกว่า ออกตัวว่ามีโอกาสเลิกมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ กันเลยทีเดียว

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด รมช.จุลพันธ์ยอมรับว่า การออกสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (N3) กระแสตอบรับไม่ค่อยดีจริง ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะการออกสลาก N3 ต้องการออกมาเพื่อมาแข่งขันกับกลุ่มที่อยู่นอกระบบ แต่หากทดแทนไม่ได้ และมากินส่วนแบ่งของตลาดปกติ คือของสำนักงานสลากฯ เอง ก็ต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง

ทั้งนี้ สลาก N3 ได้เริ่มจำหน่ายตั้งแต่งวด 1 พฤศจิกายน 2567 ในรูปแบบ Sandbox โดยขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในช่วงทดสอบและประเมินผล ซึ่งกำหนดระยะเวลาเอาไว้จนถึงเดือนเมษายน 2568 ดังนั้น จึงต้องรอให้จบช่วง Sandbox ก่อน

อย่างไรก็ดี หากไม่เป็นไปตามผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ จะต้องยกเลิกสลาก N3 หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า ก็คงต้องเป็นไปตามนั้น หากไม่มีผลในทางบวกตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะในเรื่องของการไปทดแทนสินค้าที่อยู่นอกระบบ จึงต้องมีการทบทวนอีกครั้งว่าเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร

และจากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดพบว่า ยอดการจำหน่ายหวย N3 ลดลงมาเป็นลำดับ

สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาลสามหลัก N3 ดำเนินตามมติประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่เห็นชอบร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศ รวม 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก (N3) พ.ศ. .... 2. ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (L6) และ 3. ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (N3) ตามมติ ครม. ที่เห็นชอบในหลักการการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก และสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก ไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566

การออกสลากรูปแบบใหม่โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา และจูงใจให้คนหันมาซื้อสลากบนดินแทนหวยใต้ดิน นำเงินนอกระบบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสลาก 1 ใบ ประกอบด้วยหมายเลข 3 หลัก ตั้งแต่ 000-999 สามารถเลือกเลขแต่ละหลักซ้ำกันได้ และไม่มีเลขอั้น ทั้งนี้สลาก 1 ใบ มีสิทธิ์ลุ้น 4 รางวัล ทุกงวดวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน อ้างอิงผลรางวัลตามสลากกินแบ่งรัฐบาล

สำหรับการจ่ายเงินรางวัลสลากN3 จะผันแปรตามจำนวนผู้ถูกรางวัลในแต่ละงวด โดยอัตราการจ่ายเงินรางวัลขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อ กรณีหากขายหมด 5 ล้านใบ จะมียอดขาย 100 ล้านบาท ซึ่งจะถูกแบ่งเป็นเงินนำส่งเข้าแผ่นดิน 23% ให้สำนักงานสลากฯ และคนขายสลาก 17% ส่วนค่าเงินรางวัล 60% ของยอดขาย หรือ 60 ล้านบาท

จากนั้นจะนำเงินรางวัล 60 ล้านบาท แยกเป็น 4 กอง ตามเงื่อนไข ได้แก่ รางวัล 3 ตัวตรง ได้รับส่วนแบ่งเงินรางวัล 30% หรือคิดเป็น 18 ล้านบาท ซึ่งเมื่อประกาศผลแล้วจะนำจำนวนผู้ถูกรางวัล ไปหารกับเงินรางวัล 18 ล้านบาท ก็จะได้เงินรางวัลเฉลี่ยแต่ละคน เช่น หากถูก 18 คน จะได้รับคนละ 1 ล้านบาท

ส่วนรางวัล 3 ตัวสลับ ได้รับส่วนแบ่งเงินรางวัล 30% ของเงินรางวัล คิดเป็น 18 ล้านบาท ซึ่งเมื่อประกาศผลแล้ว จะนำจำนวนผู้ถูกรางวัล ไปหารกับเงินรางวัล 18 ล้านบาท เพื่อเฉลี่ยรางวัลแต่ละคน ส่วนรางวัล 2 ตัวตรง ได้รับส่วนแบ่งเงินรางวัล 39% ของเงินรางวัล คิดเป็น 23.4 ล้านบาท และนำจำนวนผู้ถูกรางวัล ไปหารกับเงินรางวัล 23.4 ล้านบาท ก็จะได้เงินรางวัลเฉลี่ยแต่ละคน

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง


ทั้งนี้ หลังทดลองจำหน่ายก็พบว่า หวย N3 ไม่ถูกจริตคนซื้อหวยใต้ดิน เพราะนอกจากหาซื้อยาก เงินรางวัลที่จะได้รับต้องรอลุ้น เพราะนำยอดซื้อมาหารเฉลี่ยตามจำหน่ายผู้ซื้อแล้วจึงจะสรุปได้ว่า คนถูกรางวัลต่อคนจะได้เงินเท่าใด และถึงแม้สำนักงานสลากฯ จะออกมาการันตีว่า ไม่มีเลขอั้น ไม่มีเบี้ยวเงิน แต่ก็ไม่สามารถจูงใจบรรดา “คอหวย” ได้

เช่นเงินรางวัลหวย N3 งวดวันที่ 1 พ.ย. กรณีถูกรางวัลสองตัว ได้เงินใบละ 543 บาท, รางวัลสามตัว หรือท้ายรางวัลที่ 1 ได้เงินรางวัลใบละ 7,044 บาท ส่วนงวดวันที่ 16 พ.ย. ถูกรางวัลเลขสองตัวได้เงินใบละ 551 บาท ส่วนรางวัลเลขสามตัวได้เงินรางวัลใบละ 7,044 บาท

ขณะที่หวยใต้ดินมีทั้งซื้อกับคนขาย และซื้อผ่านออนไลน์ ซื้อก่อนจ่ายเงินที่หลัง หรือจ่ายเงินงวดชนงวด และยังมีส่วนลดจากการซื้ออีกด้วย ยกตัวอย่าง เงินรางวัลเลขสองตัว บาทละ 70 บาท หากซื้อผ่านออนไลน์ บาทละ 100 บาท ส่วนรางวัลเลขสามหลัก บาทละ 500-600 บาท หากซื้อผ่านออนไลน์บาทละ 1,000 บาท ซึ่งถูกจริตพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบซื้อหวยใต้ดิน

และท้ายที่สุด หากพิจารณาตามเหตุผลของกระทรวงคลังที่ย้ำชัดว่าโจทย์ของการออกสลาก N3 ไม่ใช่เรื่องของรายได้ ดังนั้น หากพิจารณาแล้วไม่คุ้มค่า ก็สามารถยกเลิกจำหน่ายได้ ซึ่งเชื่อว่า รัฐบาล กระทรวงการคลังและสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะตัดสินใจชะตากรรมในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น