xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เน-หนู”หมอบให้ตาย ก็ไม่พ้น“หอกข้างแคร่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ตัดจบดับควันข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับปีงูเล็ก กับคำประกาศของ  “พ่อนายกฯ” ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าไว้ระหว่างตระเวนช่วยหาเสียงศึกเลือกตั้ง อบจ.ที่บ้านเกิด จ.เชียงใหม่

 “ไม่มีเลย วันนั้นคุยกัน เขาบอกว่าพ่อ อิ๊งค์ยังสบายๆ ถ้าทำงานกับ ครม.ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี” 


อย่างไรก็ดี แม้ไม่มีการปรับ ครม.ในเร็วๆ นี้ แต่ก็ใช่ว่าภายในรัฐบาลจะสมูธราบรื่น เพราะหลายเรื่องที่ขัดแข้งขัดขากันยังไม่ได้เคลียร์ จน “ทักษิณ” ก็เคยกระแอมเสียงดังถึง “อีแอบ” มาแล้ว

ตามสภาพรัฐบาลที่ดูเหมือนมีเสถียรภาพแค่เพียงเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่เสถียรภาพในแง่ความสมัครสมานสามัคคีภายในบอกได้เลยว่า “เปราะบาง” จากจุดอ่อนที่มาจาก “รัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว”

โดยครั้งนั้นก็ตกผลึกได้ว่า “พ่อนายกฯ” หมายหัวไปที่ 2 พรรคร่วมรัฐบาล คือ  “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย และ “ค่ายพร้อมพัง” พรรครวมใจสร้างชาติ  ที่เสมือนเป็นหัวเชื้อมาถึงข่าวการปรับ “พีระพันธุ์” ออกจาก ครม. เลยเถิดไปถึงการตะเพิดพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกจากรัฐบาลเลยด้วย

แต่การที่ “ทักษิณ” มาการันตี “พีระพันธุ์” ถึงขั้นแย้มๆ ความสัมพันธ์ส่วนตัวว่า มีการพูดคุยกันตลอด และเป็นคนที่พูดรู้เรื่องดี ก็น่าจะทำให้ฝ่าย “บิ๊กเซราะกราว” ขนหัวลุกไม่น้อย

เพราะจำกันได้ หลัง “ทักษิณ” พูดถึง “อีแอบ” ในกระหว่างการสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน ท่าทีของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ดูจะร้อนรนผิดปกติ

แม้ปากจะบอกอย่างมั่นใจว่า ที่ “นายใหญ่” พูดถึงไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยแน่นอน แต่อาการก็ออกจนจับได้ไล่ทันว่า “ร้อนตัว” หลังมีการโชว์ภาพวงสวิง ที่สนามกอล์ฟ Stone Hill Club จ.ปทุมธานี ที่ปรากฎ “ทักษิณ-อนุทิน“ ร่วมเฟรมกัน

 ว่ากันว่าวันนั้น “อนุทิน” ถึงขั้นเป็นคนออกปากขออนุญาตนำภาพถ่าย “ก๊วนวีไอพี” ออกเผยแพร่ด้วยตัวเอง นัยก็เพื่อยืนยันความปึ้กให้กับตัวเองและพรรคภูมิใจไทย 

ในทำนองเดียวกัน เมื่อเห็นข่าวว่า “ทักษิณ“ ออกปากอุ้ม “พีระพันธุ์” ทำให้ “อนุทิน” ก็อยู่ไม่ได้ ให้หลังวันเดียวก็ต้องโร่ขอคิวเข้าไปสวัสดีปีใหม่ “นายใหญ่” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

และตามสูตรที่ต้องเอาเรื่องลับมาไขในที่แจ้ง เป็น “อนุทิน” ที่ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุม ครม.ในวันถัดมาว่า ได้เดินสายกราบอวยพรปีใหม่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ โดยมี “ทักษิณ” เป็นหนึ่งในคนสำคัญด้วย

ที่สำคัญยังหนีบ “ครูใหญ่เซราะกราว” เนวิน ชิดชอบ ก็เข้าไปกราบอวยพร “ทักษิณ” ด้วยกัน แถมยังเล่าอวดด้วยว่า บรรยากาศการรับประทานอาหารกลางวัน “ทักษิณ-เนวิน-อนุทิน” เป็นไปอย่างชื่นมื่นด้วย

ซึ่งเอาเข้าจริง เรื่องแบบนี้บางทีเก็บไว้ปลื้มอกปลื้มใจ ไม่ต้องมาป่าวประกาศให้โลกรู้ก็ได้ แต่ไม่ใช่สำหรับ “อนุทิน” และพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 มี สส. ถึง 70 คน แต่ก็ดูเหมือนไม่มั่นใจในความมั่นคงในรัฐบาลของตัวเองเลย

จนต้องพยายามมีภาพผูกติดกับ “พ่อนายกฯ” ที่รู้กันดีว่าเป็นคนกดปุ่มทุกอย่าง และเหมือนต้องการส่งสัญญาณให้โลกรู้ว่า  “2 บิ๊กภูมิใจไทย” ยอม “หมอบ” ให้กับ “ทักษิณ”  นั่นเอง

เหตุเพราะแม้ “อนุทิน” จะปลื้มปริ่มกับฉายาที่สื่อมวชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ว่า “ภูมิใจขวาง” แต่ก็รู้ดีกว่าคนที่โดนขวางตลอดซึ่งก็หมายถึงพรรคเพื่อไทยไม่ได้ปลื้มไปด้วย

ไม่ว่าจะเป็นการที่สส.ภูมิใจไทย 59 คน หักมติวิปรัฐบาล โหวตลงมติร่างพระราชบัญญัติออกเสียงประชามติ ฉบับคณะกรรมาธิการร่วม ไปในทิศทางเดียวกับวุฒิสภา สนับสนุนหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น

ถึงขั้นที่พรรคเพื่อไทยต้องออกแคมเปญ 180 วัน รอได้เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน อย่าเชื่อ “อีแอบ” ล็อก 2 ชั้นรัฐบาลต้องลงเรือลำเดียวกัน แต่ “ค่ายเซราะกราว” ก็ไม่อินังขังขอบด้วย

หรือก่อนหน้านั้นที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกลาโหม ที่  “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.เพื่อไทย เคยเป็นตัวตั้งตัวตีในการเสนอ จน “ทักษิณ” ยังสัพยอกว่า  “หล่อช้าๆ หน่อย” 

ซึ่งที่ว่าเป็นแค่ออเดิร์ฟ เพราะหลังจากนี้เชื่อแน่ใจ พรรคเพื่อไทย หรือหมายถึงตัว “นายใหญ่ทักษิณ” จะยังต้องถูกท้าทายอำนาจการตัดสินใจอีกนับไม่ถ้วนจาก พรรคภูมิใจไทย ที่วันนี้ไม่ได้มีแค่ 70 เสียง แต่ยังมี “สว.สีน้ำเงิน” เป็นเครื่องต่อรองอำนาจชั้นดีด้วย

แต่พรรคภูมิใจไทยที่ลับหลังแสดงความมั่นอกมั่นใจว่า ด้วยจำนวน สส. 70 เสียงไม่มีทางถูกปรับออกจากรัฐบาลแน่คงจะชะล่าใจไม่ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า ตามสมการเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ที่วันนี้เสียงของฝ่ายค้านมีไม่ถึง 200 เสียง หากหั่น 70 เสียงของพรรคภูมิใจไทยออกไป รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ยังมีเสียงข้างมากอยู่ แม้จะสุ่มเสี่ยง “ปริ่มน้ำ” ก็ตาม

สำคัญที่หลังจากนี้มีวาระการเมืองที่ผลักให้ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ปะทะกันสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งสนาม อบจ.ที่หลายพื้นที่ 2 พรรคชนกันแบบไม่มีใครยอมใคร ต่อเนื่องไปถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในลำดับรองลงไป ที่ล้วนแล้วแต่ยอมกันไม่ได้ เพราะถือเป็นฐานเสียงสำคัญของการเลือกตั้งใหญ่

หรือหลายๆ วาระที่ “สว.สีน้ำเงิน” จะเข้ามามีส่วน หากเรื่องใดที่ พรรคเพื่อไทย โดนขวางด้วย “สภาสูง” ก็ย่อมต้องหมายตาไปที่ 

“บิ๊กเซราะกราว” ที่รู้กันดีว่าเป็นคนออกใบสั่งให้ “สว.สีน้ำเงิน” ซ้ายหันหรือขวาหัน ครั้นจะอ้างว่า ไม่รู้เห็นด้วย แต่มีหรือที่มังกรการเมืองอย่าง “ทักษิณ” ที่เคยกินรวบมาก่อนจะไม่รู้ทัน

ไม่ต้องอื่นไกลวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” เล่นคนละคีย์มาโดยตลอด

ประเด็นสำคัญอย่างการยึดคืนที่ดิน “เขากระโดง” จ.บุรีรัมย์ คืนให้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ผู้มีส่วนได้เสียมากที่สุดไม่พ้น “เนวิน” ที่มีทั้งที่อยู่ กิจการสนามฟุตบอล-สนามแข่งรถ ในพื้นที่ และรวมไปถึง “อนุทิน” เองก็มีชื่ออาศัยในทะเบียนบ้านในพื้นที่พิพาทเช่นเดียวกัน

ซึ่งเท่าที่ติดตามก็เห็นได้ว่า รฟท.ที่กำกับดูแลโดย “บิ๊กซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ก็ตั้งท่าจะขอคืนพื้นที่ ติดก็แค่ กรมที่ดิน ในอาณัติของ “อนุทิน” ที่ออกประกาศมาขวางไว้

 จนเชื่อแน่ว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล กรณี “เขากระโดง” จะถูกบรรจุเป็นไฮไลท์สำคัญด้วย จนเดาทางไม่ถูกว่าหากมีการอภิปรายเรื่องนี้จริง “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” จะลงมติกันอย่างไร 

หรืออีกหลายเรื่องหลายราวที่พร้อมเป็นเหตุให้

“เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ต้องสู้รบปรบมือกันตลอดทางร่วมรัฐบาล ที่ยังต้องหมั่นไส้กับความหล่อของ “อนุทิน” และชาวคณะ ที่มีเงาทะมึนของ “เนวิน” ทาบทับไว้อยู่

ซึ่ง “ทักษิณ” เองก็คงยังฝังใจที่เมื่อวันคล้ายวันเกิด “เนิวน” ต้นเดือน ต.ค.67 ที่ผ่านมา ซึ่งจัดงานใหญ่ที่ จ.บุรีรัมย์ ในช่วงพิธีผูกข้อมือ “พี่เน” ได้สั่งให้หมอช้างผู้ทำพิธีผูกข้อมือให้ “น้องหนู” พร้อมอวยพรให้ได้เป็นนายกฯ ทั้งที่ตอนนั้น “ลูกอิ๊งค์” เพิ่งจะเถลิงเก้าอี้นายกฯได้ไม่นาน

ๆ อันเป็นที่รู้กันว่าพี่น้องต่างสายเลือด “เนวิน-อนุทิน” ไม่ได้หวังจะเป็น “พระรอง” แค่พรรคร่วมรัฐบาลไปตลอด และการจะแย่งเก้าอี้นายกฯมาครองได้ก็ต้องข้ามศพ “บ้านชินวัตร” ไปก่อนนั่นเอง

 ดังนั้น การที่ “เนวิน-อนุทิน” ไปหมอบกราบกราน “ทักษิณ” นั้นก็ไม่ได้การันตีจะได้ร่วมรัฐบาลไปจนตลอดรอดฝั่ง เพราะ “ทักษิณ” ก็คงรู้ดีว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่มหามิตร แต่เป็น “หอกข้างแคร่” ที่พร้อมทิ่มแทงกันได้ทุกเมื่อ. 


กำลังโหลดความคิดเห็น