ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การสังหารโหด “ลิม กึมยา” อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาและนักเคลื่อนไหวคนสำคัญ ระหว่างเดินทางมาประเทศไทยกับภรรยาชาวฝรั่งเศส ที่บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่สะท้านสะเทือนไปทั้งโลก
เนื่องเพราะเป็น “คำสั่งฆ่า” และเปิด “ปฏิบัติการข้ามชาติ” อย่างอุกอาจชนิดที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายเลยแม้แต่น้อย
แน่นอน ในส่วนของ “มือปืน” ชัดเจนแล้วว่าเป็นอดีตนาวิกโยธิน ซึ่งปัจจุบันประกอบอาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างในซอยสุขุมวิท 22 ที่ชื่อ “จ่าเอ็ม” หรือ “เอกลักษณ์ แพน้อย”
หลังปฏิบัติการเสร็จ “จ่าเอ็ม” มือปืนหลังสังหารโหดมีรถมารับหลบหนีออกนอกประเทศ ก่อนที่จะจับกุมตัวได้ที่จังหวัดพระตะบอง
ส่วน “คนชี้เป้า” จากหลักฐานกล้องวงจรปิด พบชายคนดังกล่าวเป็นชาวกัมพูชา เดินทางมากับรถบัสท่องเที่ยวข้ามประเทศคันเดียวกับ “ลิม กึมยา” จากด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เดินทางออกนอกประเทศ โดยสายการบินสกายอังกอร์ ปลายทางที่กรุงพนมเปญทันที
คนชี้เป้ารายนี้ ได้รับการเปิดเผยจากทางการไทยว่าคือ “นายคิมริน พิช”
ปฏิบัติการสังหารโหดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขณะที่ “คนสั่งการ” ถือว่า “ไม่ธรรมดา” เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถมีเส้นสายติดต่อ “มือปืนระดับพระกาฬ” ในประเทศไทยให้เป็นผู้ลงมือได้
คำถามมีเพียงประการเดียวคือ ทำไม “ลิม กึมยา” ถึงต้องตาย?
เป็นเรื่อง “ส่วนตัว” หรือเกี่ยวโยงกับ “การเมืองร้อนๆ” ในกัมพูชา ซึ่งดูเหมือนว่า ประเด็นหลังจะแลดูมีน้ำหนักมากกว่า
ลิม กึมยา เป็นนักการเมืองสังกัดพรรคกู้ชาติกัมพูชา(Cambodia National Rescue Party -CNRP) ซึ่งถูกศาลตัดสินยุบพรรคเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 ส่งผลให้เขาและสมาชิกพรรค CNRP ถูกสั่งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
นักการเมืองคนสำคัญของพรรคนี้ที่คนไทยรู้จักกันดีก็คือ “สม รังสี”
มีรายงานว่าก่อนหน้าคำสั่งยุบพรรค CNRP สมเด็จฯฮุน เซน เคยบอกให้สมาชิกพรรค CNRP ไปอยู่ด้วยกัน โดยเขาบอกกับฝูงชนในกรุงพนมเปญ ว่า “เราจะให้บันไดแก่คุณ ถ้าคุณไม่ปีนมัน คุณก็จะต้องไปลงนรก”
ลิม กึมยาถือเป็นศัตรูคนสำคัญของ “รัฐบาลตระกูลฮุน” โดยในระยะหลังเขาเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาลกัมพูชาอย่างหนักในประเด็นเกี่ยวกับ “เกาะกูด” หรือที่กัมพูชาเรียกว่า “เกาะกจ” ด้วยการกล่าวหาว่า รัฐบาลตระกูลฮุนจะยก “เกาะกูด” ซึ่งเป็นของกัมพูชาให้กับไทย เพื่อแลกกับผลประโยชน์ผ่าน “บันทึกความเข้าใจพื้นที่ทับซ้อนของไหล่ทวีป”หรือ “MOU 44” ที่รัฐบาลไทยลงนามร่วมกับกัมพูชาไว้เมื่อปี 2544
พร้อมเคลื่อนไหวกดดันให้รัฐบาลกัมพูชาฟ้องศาลโลกให้เอาเกาะกูดมาเป็นของคนเขมร
ทว่า ในความเป็นจริงก็คือ ไทยครอบครอง “เกาะกูด” มาแต่ยุคก่อนสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 1907 และยังมีการออกโฉนดชัดเจนมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
แถมวันเดียวกับที่ “ลิม กึมยา” ถูกสังหารโหดกลางกรุงเทพฯ ก็ให้บังเอิญอย่างร้ายกาจว่าเป็นจังหวะเดียวกับที่ “สมเด็จฯ ฮุน เซน” เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อตราหน้าผู้ที่พยายามล้มล้าง “รัฐบาลฮุน มาเนต” ผู้เป็นลูกชายของเขาว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” หลังก่อนหน้านี้เคยหัวเสียหนักถึงกับกล่าวหาพรรค CNRP ว่า เป็น “พรรคก่อการร้าย” มาแล้ว
หลังการเสียชีวิตของ “ลิม กึมยา” พรรคกู้ชาติกัมพูชาออกแถลงการณ์ ประณามการลอบสังหารว่า เปรียบเสมือนการละเมิดสิทธิมนุษยธรรมและเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความอิสระทางการเมือง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลไทยจัดการสอบสวนการฆาตกรรมนี้อย่างรวดเร็ว ถี่ถ้วน เป็นกลาง และนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่ “ฟิล โรเบิร์ตสัน (Phil Robertson) ผู้อำนวยการองค์กร Asia Human Rights Labour Advocates ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในสหรัฐฯ ก็ออกแถลงการณ์เช่นกันว่า “นี่เป็นการยิงอย่างเย้ยกฎหมายต่ออดีตส.สพรรค CNRP บนถนนกลางกรุงเทพฯที่ล้วนมีสัญลักษณ์ทั้งหมดบ่งชี้ไปว่าเป็นการลอบสังหารทางการเมือง และมองได้ว่าเป็นการยกระดับอย่างสำคัญในการกดขี่ข้ามชาติ”
ด้าน “สม รังสี” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sam Rainsy เป็นภาษาเขมร, ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ โดยกล่าวหาว่า นายฮุน เซน ซึ่งปัจุบันดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และบิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายลิม กึมยา
“ผมรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก กับการลอบสังหารเพื่อนร่วมงานของผม ลิม กึมยา ตอนกลางวันแสกๆ ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568
ลิม กึมยา ก็เหมือนกับผม คือได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกรัฐสภาในปี 2556 ภายใต้การนำของพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งผมเป็นประธานพรรค
ลิม กึมยา ก็เหมือนกับผม คือไม่ยอมแพ้ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อยุติระบอบการปกครองที่ล้าสมัยของฮุนเซน ซึ่งได้สถาปนาระบอบเผด็จการสืบเชื้อสายในกัมพูชา และกดขี่ประเทศของเราให้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์
ลิม กึมยา ก็เหมือนกับผม คืออาศัยอยู่ในฝรั่งเศสมาหลายปี และถือสัญชาติฝรั่งเศส-กัมพูชา 2 สัญชาติ
ลิม กึมยา ก็เหมือนกับผม และเหล่านักเคลื่อนไหวที่กระตือรือร้นที่สุดของฝ่ายค้านประชาธิปไตย นั้นมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของฮุน เซน ผู้ซึ่งไม่ลังเลในการลงมือก่ออาชญากรรมใดๆ
ที่ผ่านมา สมาชิกฝ่ายค้านหลายสิบคนถูกลอบสังหารอย่างเลือดเย็น ตัวผมเองก็ตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารหลายครั้ง ซึ่งเร็วๆ นี้สมุนของฮุนเซนสองคนก็จะต้องขึ้นศาลในกรุงปารีส
เห็นได้ชัดว่ามีเงื้อมมือของฮุน เซนซ่อนอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารลิม กึมยา เช่นเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมทางการเมืองอันนับไม่ถ้วนในกัมพูชาที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน และไม่ได้รับการลงโทษ ซึ่งแรงจูงใจก็เป็นเช่นเดียวกัน ส่วนวิธีการดำเนินการก็เหมือนกัน
นับวันเผด็จการทั่วโลกหันมาใช้การปราบปรามข้ามชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ฮุน เซนขู่ว่าจะฆ่าผม หรือลักพาตัวผมบนแผ่นดินฝรั่งเศส หวังว่าทางการไทยจะให้ความร่วมมือกับตำรวจฝรั่งเศส มากกว่าที่ทางการกัมพูชาเคยเป็น ในการฉีกหน้ากากมือไม้ของฮุนเซนที่ก่อการอยู่ในประเทศไทย”สม รังสี ร่ายยาว
ด้าน “กึม ซค” นักวิจารณ์การเมืองชื่อดังชาวกันพูชา มีความเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า การลอบสังหารลิม กึมยา อาจเกี่ยวข้องกับการเมืองกัมพูชา มากกว่าความขัดแย้งส่วนตัว ด้วยที่ผ่านมามักวิพากษ์วิจารณ์ “สมเด็จฯ ฮุน เซน ฮุน มาเนต และฮุน มานี”
“การยิงลิม กึมยาในใจกลางกรุงเทพฯ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าฆาตกรเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ”กึม ซคกล่าว
เช่นเดียวกับ “สุณัย ผาสุก” ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอทช์ เชื่อว่า การเสียชีวิตของนายลิม กึมยา เป็นการลอบสังหารในทางการเมือง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจาก อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีอำนาจทางการเมืองและอยู่ในฐานะประธานวุฒิสภาได้ประกาศให้มีการผลักดันกฎหมายฉบับใหม่ ที่จะถือว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล เป็นการก่อการร้าย มีการลงโทษอย่างหนักทั้งตัวบุคคลและองค์กร หรือพรรคการเมืองที่มีการเคลื่อนไหว
“นานาชาติคงตั้งคำถามต่อรัฐบาลไทยว่า เมื่อเดือนที่แล้วทางการไทยได้ส่งนักเคลื่อนไหวทางการเมือง 6 คนกลับกัมพูชา ที่เผชิญกับข้อหายุยงปลุกปั่น และตามมาด้วยเหตุลอบสังหารนายลิม กึมยานี้ ซึ่งก็ตกเป็นภาระของฝ่ายทางการไทยที่จะต้องดำเนินการให้เห็นว่าสามารถนำตัวคนร้ายที่ก่อเหตุเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้” สุณัยให้ความเห็นผ่านสื่อ
อย่างไรก็ตาม “เพน โบนา (Pen Bona)” โฆษกรัฐบาลฮุน มาเนต ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ชี้ว่า รัฐบาลอาจเกี่ยวข้องการเสียชีวิต
. “กัมพูชารับผิดชอบแค่แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของตัวเอง ไม่ใช่ในสิ่งที่เกิดที่ประเทศอื่น สิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของประเทศไทยนั้นจะตกอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย”
และเสริมต่อว่า บรรดาพวกนักเคลื่อนไหวออกมากล่าวอย่างไร้ความรับผิดชอบและปราศจากหลักฐานและไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานใดๆ
ด้าน “เดอะการ์เดียน” รายงานว่า มีนักการเมืองกัมพูชาและนักเคลื่อนไหวจำนวนมากถูกจับและติดคุกระหว่างที่เขาอยู่ในอำนาจ และมีบางส่วนที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศท่ามกลางเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นในกัมพูชาโดนกดขี่
ที่ผ่านมารัฐบาลพนมเปญมักปฏิเสธว่า การตั้งข้อหาต่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและด้านสิ่งแวดล้อมนั้นมีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง
เดอะการ์เดียนรายงานด้วยว่า สำหรับลิม กึมยาที่ถึงแม้เขาจะถือสัญชาติฝรั่งเศสอันเป็นสัญชาติที่ 2 แต่เขาไม่ได้ร่วมขบวนเพื่อนนักการเมืองหลายสิบคนหลบหนีไปต่างประเทศหลัง “เข็ม โสกา (Kem Sokha)” หัวหน้าพรรคโดนควบคุมตัวขณะที่ผู้ก่อตั้งพรรค “สม รังสี” นั้นลี้ภัยอาศัยในฝรั่งเศส
ลิม กึมยา ได้ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีที่กรุงพนมเปญในเวลานั้นว่า “ผมจะไม่มีวันถอดใจในการเมืองเด็ดขาด” อีกทั้งเล่าเหตุการณ์ที่จำไม่ลืมด้วยว่า เขาและสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ เคยรวมตัวกันประท้วงบริเวณด้านนอกของเรือนจำ ขณะ “เข็ม โสกา” กำลังถูกคุมตัวเอาไว้ตอนนั้น มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งของเรือนจำ เคยตะโกนพูดกับพวกเขาว่า จะยิงหัวพวกเราให้หมด
ทั้งนี้ การสังหารโหด “ลิม กึมยา” อย่างอุกอาจใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้ “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ไม่อาจนิ่งดูดายได้ เพราะนอกจากจะเป็นคดีอุกฉกรรจ์แล้ว ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวพันกับการเมืองในกัมพูชา และคนทั่วโลกรับรู้กันดีว่า รัฐบาลนี้มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลฮุน มาเนตในหลายมิติ
ทั้งระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล และระดับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง “สมเด็จฯ ฮุน เซน” และ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อของเธอ
เป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดในฐานะ “เพื่อนสนิท” ที่ถึงขนาดเคยตั้ง “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษา และในวันที่ “ทักษิณ” ได้รับการพักโทษมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า “สมเด็จฯ ฮุน เซน” ถึงกับนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเยี่ยมถึงบ้านอย่างไม่รอช้าเลยทีเดียว
และถึงตอนนี้จะยังไม่มีบทสรุป อะไรคือมูลเหตุที่ทำให้ “ลิม กึมยา” ต้องตาย แต่จากพฤติการณ์แห่งนี้ ที่มีทั้ง “คนชี้เป้า” และ “มือสังหารระดับพระกาฬ” เป็นผู้ลงมือ ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ไม่มีทางเป็น “เรื่องส่วนตัว” อย่างแน่นอน