xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใต้เงาจีน ภาค 2 (21) การเดินทางที่ยาวนานกับเคาหยก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ”เคาหยก” อาหารที่ขึ้นชื่อของชาวจีนฮากกาหรือจีนแคะ
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล


หลังจากที่คณะผู้บริหาร ตม.ของคุนหมิงกลับไปแล้ว การติดต่อประสานงานส่งหญิงจีนกลับไปจีนก็สะดวกขึ้นจริงๆ และทุกครั้งที่มีการส่งหญิงจีนกลับไปแต่ละกลุ่มผมได้ติดตามไปด้วย ซึ่งรวมแล้วก็ราว 4-5 ครั้งเห็นจะได้ ส่วนจำนวนหญิงจีนที่ส่งกลับในแต่ละครั้งจะไม่แน่นอน จำได้ว่ากลุ่มที่ใหญ่ที่สุดมีถึงเกือบ 20 คน

ส่วนเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กที่ไปด้วยในแต่ละครั้งจะมี 2-4 คน โดยทางศูนย์ฯ มีเกณฑ์ที่จะให้ทุกคนได้ไป เพื่อที่จะได้เห็นการทำงานของฝ่ายจีนและสภาพครอบครัวของหญิงจีนด้วย เมื่อเห็นแล้วก็จะได้เข้าใจชีวิตจิตใจของหญิงจีนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลหญิงจีนในไทยไม่น้อย

ส่วนผมซึ่งต้องเดินทางไปด้วยก็ได้สัมผัสการทำงานวิจัยภาคสนามเป็นครั้งแรก นั่นคือ ไม่เพียงจะต้องเดินทางไปหลายครั้งเท่านั้น หากแต่ละครั้งยังเป็นการเดินทางไกลที่แสนจะยาวนานอีกด้วย ครั้นพอไปหลายครั้งเข้าผมก็เริ่มจำเส้นทางในแต่ช่วงได้ ว่าพอถึงช่วงไหนตรงไหนจะมีอะไรอยู่ระหว่างทางไปด้วย

 ยกตัวอย่างเช่น พอรถวิ่งมาถึงช่วงหนึ่งผมก็จะบอกกับน้องๆ เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ซึ่งเปลี่ยนหน้ากันมาจีนในแต่ละครั้งว่า อีกสักเดี๋ยวจะเห็นน้ำตกที่ไหลเป็นสายสีขาวผ่าร่องขุนเขาเขียวขจีมาแต่ไกล แล้วก็จริงตามที่ผมบอก เป็นต้น 

แต่การที่ผมจำได้ขนาดนั้นก็อยากจะบอกว่า ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย เพราะนั่นเหมือนกับการคิดและหาอะไรทำระหว่างการเดินทางเพื่อไม่ให้น่าเบื่อ ถึงตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนนั้นแล้วก็ได้แต่ถามตัวเองว่า ผมทำไปได้อย่างไร? คำตอบคือ ที่ทำได้ก็เพราะตอนนั้นยังหนุ่มแน่น อายุอานามก็แค่สามสิบกลางๆ เท่านั้นเอง ลำบากลำบนแค่นั้นไม่ได้ทำให้เป็นทุกข์อะไรมากนัก

ผมเข้าใจว่า คนที่มีอายุในวัยนั้นคงไม่คิดถึงความยากลำบาก มากไปกว่าความมุ่งมั่นที่จะให้งานของตนสำเร็จลุล่วงด้วยดี และก็ไม่แปลกที่เมื่อเข้าสู่วัยชราในขณะนี้ที่ทำอะไรแบบสมัยหนุ่มๆ ไม่ได้แล้วก็ย่อมจะถามตัวเองว่า ตอนนั้นทำไปได้อย่างไรเป็นธรรมดา

คือประมาณว่า ถ้าให้ทำตอนนี้ก็คงจะคิดหนักว่า จะทำไหวหรือจะทำดีหรือไม่

ส่วนที่ว่าเป็นการเดินทางยาวไกลและยาวนานนั้นก็เพราะว่า เราจะเดินทางไปถึงคุนหมิงเพื่อนำหญิงจีนให้กับทางการจีนสอบประวัติหรือปากคำ (แต่ละครั้งจะมีจำนวนไม่เท่ากัน) ส่วนเราฝ่ายไทย 4-5 คน (ซึ่งแต่ละครั้งจำนวนก็ไม่แน่นอนเช่นกัน แต่จะมีผมอยู่ด้วยทุกครั้ง) ก็จะออกเดินทางไปทางภาคใต้ของอวิ๋นหนันในวันรุ่งขึ้น เพื่อไปเยี่ยมเยียนหญิงจีนที่ถูกส่งกลับมาก่อนหน้านี้

เราเดินทางออกจากคุนหมิงเพื่อไปยังเมืองสิบสองปันนาหรือเมืองซือเหมา อันเป็นบ้านเกิดของหญิงจีนส่วนใหญ่ ในเวลานั้นเส้นทางการเดินทางยังไม่ดีเท่าปัจจุบัน กล่าวคือ เมื่อรถออกพ้นคุนหมิงไปได้ไม่กี่สิบกิโลเมตรแล้ว เส้นทางต่อไปจะต้องขึ้นลงภูเขาใหญ่น้อยจนไม่อาจนับได้ว่ากี่สิบกี่ร้อยลูก

 ที่สำคัญ เส้นทางนี้ก็เป็นถนนสองเลน เมื่อรถวิ่งขึ้นภูเขาแล้วไม่สามารถวิ่งได้เร็ว คือจะวิ่งได้ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น เพราะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวและเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงไปตลอดทาง พอถึงตอนที่มีรถวิ่งสวนมาด้วยแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ต้องชะลอรถของตัวเองให้ช้าลงแล้ววิ่งสวนกันไปอย่างช้าๆ ด้วยระมัดระวัง และส่วนใหญ่แล้วที่สวนกันนั้นมักจะเป็นทางโค้ง 

ปัญหาคือ โค้งที่ว่านี้มีไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโค้ง

จนมีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนที่เดินทางไปด้วยอำพวกเราว่า ให้นับโค้งที่ว่าสิว่ามีกี่โค้ง พวกเราก็พากันคิดว่าคงไม่ต่างกับตอนขึ้นดอยแม่สะลองที่จังหวัดชียงรายก็เลยนับกันใหญ่ นับไปนับมาก็รู้สึกนับได้ไม่รู้จบก็เลยเลิกนับ แล้วต่างก็หัวเราะขึ้นมาเมื่อรู้ว่าถูกคนจีนหลอกให้นับ

แต่การอำแบบนี้ก็ดีอยู่อย่างคือ การได้สร้างความคุ้นเคยให้เรากับเจ้าหน้าที่จีน ซึ่งตอนนั้นพวกเราต่างก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวด้วยกันทั้งนั้น และจากความคุ้นเคยก็กลายมาเป็นเพื่อน โดยเฉพาะตัวผมที่ต้องมาทุกครั้ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ เปลี่ยนหน้ากันมา

จนมีผมเพียงคนเดียวที่ได้คบหาชาวจีนกลุ่มนี้เป็นเพื่อนจนถึงปัจจุบัน เพราะหลังจากที่ผมเสร็จจากการวิจัยเรื่องนี้ไปแล้ว ผมก็ยังมีโครงการอื่นหรือธุระอื่นตามมาอยู่เป็นระยะๆ ที่ทำให้ต้องเดินทางไปคุนหมิงบ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ไปผมมักได้พบกับเพื่อนชาวจีนกลุ่มนี้เสมอ

ประเด็นต่อมาของการเดินทางไกลก็คือว่า เส้นทางที่วิ่งนั้นมีความยาวประมาณ 700 กิโลเมตรหรือประมาณกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ซึ่งของเราจะใช้เวลาราว 10-12 ชั่วโมง แต่เส้นทางของจีนจะต้องใช้เวลาสามวัน คือรถจะวิ่งเฉพาะตอนกลางวัน พอถึงเย็นก็จะแวะพักค้างแรมที่เมืองใดเมืองหนึ่งในโรงแรมของเมืองนั้นๆ พอวันรุ่งขึ้นก็จะเดินทางต่อ จนถึงวันที่สามก็จะมาถึงสิบสองปันนาในเวลาเย็นย่ำ บางทีก็มาถึงตอนค่ำ

ตอนที่แวะพักในแต่ละเมืองนั้นมักจะมีเจ้าหน้าที่ ตม.ท้องถิ่นมาคอยต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วก็จะพาเราไปทานอาหารเย็น ซึ่งแต่ละถิ่นก็จะมีรายการอาหารเฉพาะถิ่นของตนอยู่ด้วย (ดังที่ผมเคยเล่าไปแล้ว) แต่มีอยู่รายการหนึ่งที่มีอยู่ทุกเมืองและทุกมื้อที่เราแวะคือ รายการอาหารที่บ้านเราเรียกว่า เคาหยก

 เคาหยกเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวจีนฮากกาหรือจีนแคะ เคาหยกมาจากภาษาจีนแคะที่ออกเสียงว่า แค้วยุ้ก เสียงที่สะกดนี้จะไม่ตรงนัก โดยเฉพาะพยางค์หลังที่เสียงจริงๆ จะมี จ จานกล้ำอยู่ด้วย  

เคาหยกเป็นอาหารที่ทำจากหมูสามชั้นและผักดองแห้ง โดยก่อนทำเขาจะนำผักดองแห้งมาแช่น้ำร้อนให้อ่อนตัวลง จากนั้นก็จะนำไปผัดน้ำมันพร้อมปรุงรส จากนั้นก็นำมาวางบนหมูสามชั้นที่ผ่านการทอดและหั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้ว โดยจะวางอย่างเป็นระเบียบที่ก้นชาม และนำผักดองแห้งที่ผัดแล้วโปะบนหมูสามชั้น จากนั้นจึงนำไปนึ่ง

การนึ่งจะใช้เวลานานพอสมควร คือนึ่งจนกว่าหมูสามชั้นและผักดองแห้งจะเปื่อยนุ่ม แต่ก็มีบางที่นำไปต้มแทนการนึ่ง แต่ถ้าเป็นการนึ่งนั้น พอแล้วเสร็จจะทำก็จะยกชามออกจากหม้อนึ่งแล้วคว่ำชามนั้นลงบนจานที่เตรียมไว้

พอคว่ำแล้วหมูสามชั้นก็จะอยู่บนผักดองแห้ง ดูแล้วก็จะน่าทานอยู่ไม่น้อย

ที่ว่าเคาหยกเป็นอาหารของจีนแคะก็เพราะเป็นรายการอาหารที่ขึ้นโต๊ะของจีนกลุ่มนี้ จีนอื่นอาจมีแต่พบน้อยมาก อย่างเมื่อกว่า 20 ปีก่อนผมเคยพบเคาหยกที่เชียงใหม่ แต่คนทำไม่ใช่จีนแคะ ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าที่เชียงใหม่มีชาวจีนอวิ๋นหนันมาอาศัยอยู่มาก มาคิดได้ก็ตอนที่เขียนอยู่นี้ ว่าเป็นไปได้ที่คนที่ทำอาจเป็นจีนจากอวิ๋นหนัน เพราะผมพบเคาหยกแทบทุกถิ่นทางภาคใต้ของมณฑลนี้

การที่มีเคาหยกที่ภาคใต้ของอวิ๋นหนันซึ่งไม่ใช่ถิ่นจีนแคะนี้ทำให้เห็นว่า เคาหยกเป็นที่นิยมทำกินกันในหลายท้องถิ่น แต่ต้นกำเนิดจะมาจากจีนแคะหรือไม่นั้นคงต้องอาศัยผู้รู้มาเฉลย ถึงแม้จะรู้แน่ว่า จีนแคะจะเป็นกลุ่มชาวจีนที่ทำเคาหยกกินกันเป็นปกติก็ตาม

อย่างตอนที่ผมได้เยี่ยมครอบครัวฝ่ายพ่อผมที่เมืองเจียวหลิ่งในกว่างตง ที่เป็นถิ่นจีนแคะที่อยู่ไม่ไกลจากเหมยโจวนั้น ผมเห็นทุกบ้านต่างก็ตากผักกาดดองแห้งกันทุกบ้าน ที่ตากนั้นก็ไม่ใช่แค่ต้นสองต้น แต่เป็นหลายสิบต้น สุดแท้บ้านไหนมีพื้นที่ให้ตากมากน้อยแค่ไหน บางบ้านตากบนพื้นถนนก็มี

 คิดไปแล้วก็อดขำไม่ได้ ว่าสู้อุตส่าห์เดินทางไกลเพียงเพื่อจะมาพบกับเคาหยกเท่านั้น 


กำลังโหลดความคิดเห็น