ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปี 2567 เป็นปีที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ตลอดรวมถึงภัยพิบัติและภัยธรรมชาติต่างๆ อันนำมาซึ่งความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้
ขณะที่เมื่อประเทศเคลื่อนจากนักษัตร “ปีมะโรง” หรือ “ปีงูใหญ่” เข้าสู่นักษัตร “ปีมะเส็ง” หรือ “ปีงูเล็ก” ในปี 2568 ก็เป็นที่หวั่นวิตกกันอยู่ไม่น้อยว่า จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในประเทศไทยบ้าง ซึ่งในทาง “โหราศาสตร์” แล้ว บรรดาโหราพยากรณ์มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นปีที่ประชาชนคนไทยจะต้องเผชิญกับความร้อนแรงแห่ง “ธาตุไฟ” ของปีมะเส็ง
โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองที่จำต้องจับตาและติดตามอย่างใกล้ชิด ด้วยมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิด “สิ่งที่ไม่คาดฝัน” ขึ้นได้ เช่นเดียวกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทย
ประเทศไทยในปี 2568 จะเป็นอย่างไร ไปตรวจเกณฑ์ชะตา “ดวงเมือง” ตามคำทำนายทายทักของ “6 โหราพยากรณ์” ที่ประกอบไปด้วย “ฟองสมาน จามรจันทร์-ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล-โสรัจจะ นวลอยู่-บุศรินทร์ ปัทมาคม-วันชัย สอนศิริและกิจจา ทวีกุลกิจ”
ดวงชะตาผู้นำ-นายกรัฐมนตรีอ่อนแอ
จับตาปรากฏการณ์หมูท้าราชสีห์
“ฟองสนาน จามรจันทร์” โหราจารย์ชื่อดัง เผยคำทำนายภาพรวมเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า สถานการณ์ทางการเมืองเข้มข้นพลิกผันซับซ้อนเปลี่ยนแปลงเขม็งเกลียวขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้นำและรัฐบาลเริ่มเจอแรงกดดันทางคดีความหรือศัตรูคอยบั่นทอน ดังนั้น จึงต้องจับตาคดีความใหญ่ การต่อสู้ทางกฎหมายและอื่นๆ ซึ่งจะเข้มขึ้นอีกระดับ
ทั้งนี้ ดวงชะตาผู้นำหรือนายกรัฐมนตรีกำลังอ่อนแอ จะเกิดปรากฏการณ์อึดอัดถูกจำกัดเสรีภาพอับแสงพลิกผัน อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระยะต่อไป ซึ่งช่วงของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใหญ่รอบแรกจะอยู่ช่วง ระหว่างเดือนพฤษภาคมมีเกณฑ์นายกรัฐมนตรีลาออกหรือต้องคำพิพากษาศาลหรือยุบสภา หรืออาจจะล้ำเส้นไปมากกว่านั้นคือปฏิวัติรัฐประหาร
ขณะที่กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเก่าจะหาทางกลับมาจับมือกันหลวมๆ อีกครั้ง รวมทั้งให้จับตาสถานการณ์ที่นำไปสู่การเกิด “ปรากฎการณ์หมูท้าราชสีห์” ดังที่ปูมโหรบันทึกไว้ในอดีต เช่น การลักไก่ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง เมื่อ 1 พ.ค. 2556 ที่นำไปสู่การเกิด “กปปส.” ออกมาท้ารบกับรัฐบาล หรือเหตุการณ์เมษาวาย นายทหาร จปร.7 ก่อเหตุท้าทายพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นต้น
ส่วนรอบนี้ หมูตัวใด จะท้า ราชสีห์ตัวใดรบ ก็ต้องคอยดู
ที่สำคัญคือเกิดปรากฏการณ์เสียของรักของเมืองที่เฝ้าระวังอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลสำคัญทุกวงการที่ถึงวาระหรือชะตาตก ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมืองวงการบันเทิง สตรีโดดเด่นหรือสูงศักดิ์ ดารานักร้องนักแสดง ระดับชาติทั้งหญิงชาย ศิลปินแห่งชาติ นักธุรกิจสำคัญ ที่มีโอกาสจากไปเป็นใบไม้ร่วง
นอกจากนี้ ปี 2568 จะเกิด “ปรากฏการณ์ฝนตกขี้หมูไหล” ให้เห็นเป็นระยะๆ พร้อมกับการโกหกหลอกลวงแหกตาจากคนชั่วที่ตามหลอกหลอนล้วงบัญชีจนถึงบ้าน ขบวนการขี้โกงขนาดใหญ่ยังจะเกิดให้เป็นที่ฮือฮา ชนิดคนดีๆ เดินตัวลีบกลัวถูกแหกตาหลอกลวง เช่นปรากฎการณ์ทนายหรือโจร หรือปรากฎการณ์ธุรกิจออนไลน์ หรือแชร์ลูกโซ่ดาราหลอกลวง นักการเมืองตบทรัพย์
สำหรับทางด้านเศรษฐกิจยังพอถูไถในลักษณะที่ใช้คำว่า “ลูบหน้าปะจมูก” แต่ดวงเมืองจะเริ่มเข้าเคราะห์ทางเศรษฐกิจหลังวันเกิดเมืองเป็นต้นไปที่จะมีครบทั้ง “เผาหลอกและซ้อมเผาจริงในปีเดียว”
กล่าวคือ ตลอดทั้งปี 2568 ดวงเมืองยังอยู่ในระหว่างเจ็ดปีของการปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจ หากทำได้ดีมีโอกาสที่หลุดจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปสูง แต่หากทำได้ไม่ดีก็จะติดกับดักรายได้ปานกลางต่อไป ซึ่งประชาชนจะต้อง “ตีฝ่าอย่างหนัก”
ทั้งนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจสำคัญของประเทศยังดำเนินไปในแนว “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เหมือนปี 2567 นั่นคือ การแจกเงินหมื่น โดยหลังวันที่ 21 เมษายน 2568 สถานการณ์จะเริ่มเข้าเคราะห์ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเนื้อในเน่าที่สะสมมานาน โดยค่อยๆ โผล่หรือปรากฏให้เห็น อีกทั้งมีโอกาสซ้ำเติมให้ได้รับความเดือดร้อนจากปัจจัยภายนอกประเทศด้วย
ที่ต้องขีดเส้นใต้คือ สถาบันทางเศรษฐกิจสำคัญทางเศรษฐกิจของชาติบางแห่งอาจถึงทรุดหรือล้ม และเมื่อเกิดแล้วจะกระทบความเชื่อมั่นไปทั้งระบบ โดยเหตุร้ายทางเศรษฐกิจจะอุบัติให้เห็นเต็มรูปแบบซ้ำเข้ามาหนักให้ซ้อมรับมือกันช่วงสั้นๆ เพื่อไปเผชิญหน้าทุกข์เต็มที่ปี 2569
อย่างไรก็ตาม ประเทศมีโอกาสซ้อมรับโชคจากทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะเรื่องก๊าซธรรมชาติกับเพื่อนบ้านคือกัมพูชาที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ โดยจะเริ่มปรากฏให้เห็นในราวกลาวเดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน จะได้เริ่มเห็น “วาระซ่อนเร้น” ของการเจรจาแบ่งผลประโยชน์
สำหรับธุรกิจที่มีแนวโน้มดีสวนสภาวะเศรษฐกิจคือ “การท่องเที่ยวและเดินทาง ที่จะโดดเด่นมาก โดยเฉพาะการเดินทางทางอากาศหรือธุรกิจการบิน การศึกษาระดับก่อนถึงมหาวิทยาลัย การศึกษาที่ใช้สองภาษา การแพทย์สุขภาพอนามัยและการสาธารณสุขที่จะมีความก้าวหน้าโดดเด่นระดับได้รับการยอมรับระดับโลก การติดต่อสื่อสาร โลจิสติกส์ ข้อมูลหรือดาต้า นายหน้า บัญชี นักการเมือง นักเขียน กิจกรรมประโลมโลก รวมทั้งละครหรือหนังฟอร์มใหญ่ หรือหมอดู (ไม่ใช่โหร) ฯลฯ
ส่วนธุรกิจที่มีแนวโน้มลบ ประกอบด้วย สถาบันการเงิน ธุรกิจความงามเครื่องสำอาง ธุรกิจบันเทิง (บางส่วน) เพชรหรือเครื่องประดับ สปา อาหารสัตว์ ฯลฯ ที่แข่งขันกันชนิดเลือดสาด
ขณะที่สถานการณ์ ภัยพิบัติ ปี 2568 จะอุดมไปด้วยพายุทั้งระดับพายุฤดูร้อนหรือลมหัวกุดหรือลมหัวด้วน ไปจนถึงพายุหมุนเขตร้อนระดับดีเปรสชันขึ้นไปที่มีโอกาสเข้าเมือง ต่อด้วยต้นตุลาคม ฝนเริ่มตกกระจายทำให้เกิดน้ำท่วมในวงกว้าง โดยจะเริ่มแรงตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป เหมือนดังเช่น “ฝนพันปี” ที่เคยถล่ม กทม.และปริมณฑลในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2537
หรือไม่ก็อาจเกิด “ปรากฏการณ์แปลกประหลาดทางอุตุนิยมวิทยา” ให้ลุ้นเป็น “ครั้งที่สอง” เพราะมีโอกาสที่ดีเปรสชัน หรือพายุหมุนเขตร้อนจะเข้าเมืองใน ช่วงเดือนเมษายน 2568
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวเให้รู้สึกได้ รวมทั้งเกิดเหตุเภทภัย 4 รอบและแรงตลอดปี ทั้งภัยประเภท “ดิน น้ำ ลม ไฟ หรืออาวุธ และระเบิด”
“ระวังประชาชนลุกฮือต่อต้านรัฐบาล”
“บุศรินทร์ ปัทมาคม” นักโหราศาสตร์ชื่อดัง พยากรณ์ว่า สถานการณ์ทางการเมือง อิทธิพลจากดาวราหูไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การยึดอำนาจรัฐประหาร แต่ที่ต้องระมัดระวังคือ ในทุกๆ ปีของดวงเมื่อแบ่งเป็น 3 ช่วง ตามดาวอาทิตย์เข้าในเรือนที่เสีย คือเมื่อดาวอาทิตย์เข้าอริ ดาวอาทิตย์เข้ามรณะ และอาทิตย์เข้าวินาศ ดวงเมืองจะตกในระยะนั้น เป็นเวลา 3 เดือน คือตั้งแต่ 18 กันยายน - 16 ตุลาคม , 17 พฤศจิกายน - 16 ธันวาคม และ 16 มีนาคม - 13 เมษายน
คือเป็นช่วงที่ดาวอาทิตย์ตกอยู่ในดาวชะตาที่เสีย ซึ่งดาวอาทิตย์เป็นดาวพระเคราะห์สำคัญที่หมายถึงประชาชน และแผ่นดิน ส่งผลให้ ประชาชนลุกฮืออาจเกิดการเดินขบวนหรือต่อต้านรัฐบาล เป็นต้น
สำหรับเศรษฐกิจในภาพรวมมีแนวโน้มเชิงบวกจากอิทธิของดาวพฤหัสบดีที่เดินหน้าในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเมื่อดาวพฤหัสบดีเดินหน้าเข้าเรือนกุมภะ ซึ่งหมายถึงเรือนการเงิน ถ้าดูตามหลักโหราศาสตร์ ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวพระเคราะห์ดวงใหญ่ หรือเรียกว่าหัวหน้าฝ่ายศุภเคราะห์ แล้วดาวเสาร์เดินอยู่ในเรือนลาภะ ส่งผลให้เหตุการณ์ดีขึ้นจนถึงกลางปี ก่อนที่ดาวเสาร์จะตกที่เสีย และดาวพฤหัสบดีจะเลื่อนอีกครั้งในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568
ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ - 13 พฤษภาคม โดยรวมแล้วเศรษฐกิจดี
ทว่า เมื่อดาวพฤหัสบดีโคจรเข้าราศีพฤษภที่เป็นธาตุดิน ทำนายว่าจะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในประเทศจนน่าวิตก เช่น อาจจะเกิดแผ่นดินไหว แต่ไม่รุนแรงเหมือนต่างประเทศ ส่วนเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมและน้ำแล้งน่าจะไม่มี เพราะดาวพฤหัสบดีไม่ได้เข้าราศีธาตุไฟ อาจจะมีลมบ้างตอนปลายปี
ทำนายปี 2568 มีแนวโน้มที่จะเกิดแผ่นดินไหว หรือพายุพัดแรงในช่วงปลายปี 2568
แม้ว-อิ๊งค์ ไม่สว่างไสวก็เผาไหม้รุนแรง
“วันชัย สอนศิริ” อดีตสมาชิกวุฒิสภา ผู้ผันตัวมาเป็นโหรราจารย์การเมือง ทำนายทายทักเอาไว้ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกการเมืองเรื่องร้อนข้องเกี่ยวกับดวงผู้นำประเทศไทย เรียกว่า “มะโรงงูใหญ่ก็เร่ง มะเส็งงูเล็กก็กำลังจะมา” และอยู่คู่กับรัฐบาลเพื่อไทยเกือบ 2 ปี
“ทั้งพ่อทั้งลูกคือมังกรเล็ก-มังกรใหญ่ในรัฐบาล และปี 2568 นี้ นักษัตรปีงูเป็นธาตุไฟ ทั้งเร่าร้อน ร้อนแรง ทั้งมีแสงสว่างไสวและพร้อมที่จะลุกไหม้ได้ตลอดเวลา
“ธาตุไฟปีมะเส็งนี้มีทั้งคุณและโทษ ถ้ารัฐบาลบริหารจัดการดีก็สว่างไสวรุ่งโรจน์โชติช่วง ถ้าไม่ดี ไฟก็พร้อมที่จะลุกไหม้เป็นไฟบรรลัยกัลป์ เผาไหม้ทั้งนายกฯ และรัฐบาล จะเกิดการปะทุประท้วง ชุมนุมขับไล่ ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ลุกขึ้นมาปะทะกัน สุมไฟแห่งความขัดแย้ง จะเกิดการเผาไหม้เร่าร้อนรุนแรงอีกครั้ง”
ดวงชะตาฟ้าลิขิต ทั้งดวงดาวของประเทศ แพทองธาร ชินวัตร และทักษิณ ชินวัตร บรรจงลงตัวเดินหน้ามาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงกลางเดือน มิถุนายน 2568 ซึ่งหกเดือนต่อแต่นี้เป็นการชี้ชะตา วัดพลังแห่งธาตุไฟ จะสว่างไสวหรือเผาไหม้ก็อยู่ที่ช่วงนี้
“ผลงานและการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องเศรษฐกิจ การกินดีอยู่ดี เหมือนไฟสุมขอนที่พร้อมจะปะทุให้สว่างไสวรุ่งโรจน์รุ่งเรืองหรือเผาไหม้เป็นไฟบรรลัยกัลป์ก็ได้ ดวงชะตาของประเทศและผู้นำมาถึงกาลนี้แล้วต้องเร่งเครื่องสร้างผลงาน แก้ปัญหาให้สำเร็จให้ได้โดยเร็ว จึงจะทำให้อยู่ได้ไปตลอดรอดฝั่งทั้งประชาชนและรัฐบาล”
แต่ถ้ายังเหมือนเดิม อิหลุกขลุกขลักเหมือนที่ผ่านมา โหรวันชัยมองว่า ความยุ่งเหยิงวุ่นวายโกลาหลก็จะบังเกิด เมื่อถึงตอนนั้น จะงูเล็กงูใหญ่หรือบริวารว่านเครือก็จะแตกกระสานซ่านเซ็นกระจุยกระจายมอดไหม้กันไปหมด
ดังนั้น ปีมะเส็งแห่งธาตุไฟนี้ จะเป็นธาตุไฟแตกหรือธาตุไฟที่รุ่งเรืองสว่างไสว คอยดูกันต่อไป
รัฐบาลมีเกณฑ์เปลี่ยนแปลง
ภัยพิบัติหนักหน่วง มีเกณฑ์เกิดโรคระบาดใหญ่
มาฟังทัศนะในมุมมองโหราศาสตร์จีนกันบ้าง โดย “ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล” เปิดเผยคำพยากรณ์เอาไว้ว่า ปี 2568 เป็นธาตุไม้ คือดูดเงิน เศรษฐกิจมหภาคจะแย่ คนรวยจะรวยเพิ่มขึ้น ขณะที่คนจนจะจนเหมือนเดิม ซึ่งปีงูเป็นปีของการฉกชิงโอกาส แว้งกัด หักหลังกันในกลุ่มนักลงทุน นักการเมือง รัฐบาล ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับ ฮวงจุ้ยยุค 9 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงพลิกผันของโลก เช่น น้ำท่วมโลก หรือการที่นักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนว่ากรุงเทพฯ อาจจะต้องจมใต้บาดาล
ดังนั้น ในปี 2568 จึงต้องจับตาเรื่องการเกิดอุทกภัยใหญ่ และจะทวีความรุนแรงต่อเนื่องไปถึงปี 2569 และปี 2570
ขณะที่เกณฑ์การเมืองมีความเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล ส่วนปฏิวัติจะมาทีหลังสุดแต่ยังไม่ถึงขั้นตรงนั้น ยุบสภามีโอกาส สุกงอมแล้วไม่ได้ดั่งใจ การเมืองไทยปี 2568 เรียกว่าร้อนแรง หากบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงผ่อนคลายลง แต่หากดื้อดึงต่อสู้ฝืนดวงก็อาจจรลี
ขณะที่ “โสรัจจะ นวลอยู่” ทำนายว่า ปี 2568 จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ต้องจับตาจากอิทธิพลจากดวงดาวสำคัญเคลื่อนย้ายครั้งใหญ่ คือดาวเสาร์กับดาวพฤหัสบดีและราหู ซึ่งดาวพฤหัสเป็นดาวดี แต่บังเอิญย้ายจากกลางราศีเมษไปซ้ายมือเข้าราศีถัดไปจากเดิมที่ต้องถอย แต่กลับกลายเป็นการย้ายแบบเดินหน้าทำให้อะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลง เช่น เรื่องธุรกิจมีการเคลื่อนไหว มีอะไรแปลกๆ และที่สำคัญคือ มีอะไรเกี่ยวกับเด็กๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ ความเป็นอยู่ของสังคม เกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย
เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การเคลื่อนไหวทางการเมืองใหญ่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมต้องระวังอาจมีเหตุรุนแรง เนื่องจากการเคลื่อนย้ายดวงดาวปี 2568 ไม่เหมือนที่ผ่านมา ลักษณะที่เกิดขึ้นและรวดเร็วมาก มีการแบ่งกลุ่มใหม่ขึ้นมา กลุ่มเก่าหายไป เป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ อาจจะขยายไปต่างประเทศได้
ทั้งนี้ คนในแวดวงการเมืองออกอาการน่าเป็นห่วง เหมือนคนไม่ค่อยแข็งแรง เดินกระเผลกๆ แต่ค่อยๆ เดิน คนเลยไม่ค่อยเห็น หรือเซไปเซมาระยะหนึ่ง แล้วจะไปทะเลาะกันต้นปีแบบน่าเป็นห่วง อาจจะใช้กำลังคนที่มีอยู่มาสู้กัน ส่วนสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศต้องจับตา ต้องสร้างรากฐานความแข่งแกร่งจากในประเทศ แล้วจะค่อยๆ ฟื้นตัว
อย่างไรก็ดีปี 2568 มีเกณฑ์ที่จะเกิดโรคระบาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ต่อเนื่องจากปลายปี 2567 เป็นโรคเก่าติดต่อจากสัตว์ ดูเหมือนเป็นโรคธรรมดา เหมือนจะไม่ค่อยน่ากลัว แต่ที่จริงมีการพัฒนาจนอันตราย ติดต่อกันมาก เรื่องนี้ต้องระวังเพราะหนัก ต้องไม่ประมาท ต้องช่วยกันดู และสื่อสาร อย่าปิดบังข้อมูล ถึงจะพอช่วยกันได้ เพราะถ้ารู้เราสามารถป้องกันได้ ไม่ใช่บอกแค่ว่าโรคนี้เคยเจอแล้ว
ส่วนคำทำนายของ “หมอนิด - กิจจา ทวีกุลกิจ” เผยปี 2568 เศรษฐกิจทั่วโลกอาการหนัก เศรษฐกิจประเทศยุโรปและประเทศตะวันตกและอีกหลายประเทศเศรษฐกิจฟุบหนัก เศรษฐกิจไทยยังโงหัวไม่ขึ้น เพราะฉะนั้นจึงต้องระวังให้มาก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด โมงยามนี้เศรษฐกิจย่ำแย่ทุกอาชีพ บริษัทและโรงงานต่างๆ จึงจำเป็นต้องปิดกิจการ หรือย้ายไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าแรงถูก หลายๆ บริษัทก็จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย คนน้อยลงแต่งานเพิ่มมากขึ้น ขอให้ทุกคนอดทนทำไป ไม่ตกงานก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว
บทสรุปดวงเมืองปี 2568 มีทั้งดีร้ายปะปนกันไป สถานการณ์ทางการเมืองยังคงดำเนินไปอย่างร้อนแรง สถานการณ์เศรษฐกิจเผชิญความท้าทาย เช่นเดียวกับภัยพิบัติซึ่งอ่านคำพยากรณ์ตามตำราโหราศาสตร์ก็สรุปได้ว่า “เป็นปีที่หนักหน่วง” อยู่ไม่น้อย