xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิด “หลักฐานใหม่” คดีแตงโม หรือจะ “ฆาตกรรมอำพราง”?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คดีการเสียชีวิตของดาราสาว  “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง หลังมีการเปิดเผยข้อมูลที่อาจทำให้ “คดีพลิก” จาก “อุบัติเหตุ”มาเป็น “ฆาตกรรมอำพราง” ได้ เนื่องเพราะพบพิรุธหลายอย่าง สอดคล้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหมิ่นประมาท ระบุการเสียชีวิตว่าแตงโมไม่ได้ตกจากท้ายเรือและบาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ รวมถึงพบว่ามีการเปลี่ยนความเร็ว GPS ของเรือด้วย

นอกจากนี้ ยังมีประจักษ์พยานสำคัญจาก “พันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์” อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ ที่หอบเอกสารสำคัญเป็นพันๆ หน้า ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เกือบร้อยกิกกะไบต์ นำมาเปิดเผยกับ“ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต


“1.จากการที่มีลิ่มเลือดบนผ้าของแผลต้นขาขวาแตงโม คุณหมอธวัชชัยจึงเชื่อว่าแผลนี้เกิดขึ้นบนบกก่อนลงน้ำ 2.รอยบั้งของขาทั้งสองข้างแตงโมไม่ได้มาจากใบพัดเรือ เพราะทิศทางไม่ใช่และระยะสั้นกว่าการหมุนของใบพัดเรือมาก 3.ลักษณะบาดแผลต้นขาขวาเป็นสิ่งมีคมผิวเรียบ(คล้ายมีด) ไม่ใช่ใบพัดเรือ 4.ตายที่อื่นที่ไม่ใช่จุดอ้างว่าพบหรือจุดอ้างว่าตกน้ำ” ปานเทพสรุปสั้นๆ แต่ได้ใจความ

พร้อมเปิดเผยด้วยว่า “สปีดโบ้ทแล่นด้วยความเร็ว 8 นอต เทียบกับความเร็วของรถยนต์ที่ 15-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งไม่มีใครที่จะสามารถไปนั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือได้”

ปานเทพอธิบายขยายความเพิ่มเติมว่า คดีแตงโมงมีความน่าสนใจมาตั้งแต่แรกว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมอำพราง มีการเปลี่ยน “ทนาย” หลายต่อหลายคน ขณะที่ “คุณแม่แตงโม-นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน” เองก็สร้างความสับสนไม่แพ้กัน โดยเฉพาะหลังจากที่ “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์”  ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เตรียมเปลี่ยนข้อหาจากอุบัติเหตุเป็นฆาตกรรมอำพราง แต่ไม่ได้รับความเป็นชอบจาก “คุณแม่แตงโม” ทำให้นายอัจฉริยะตัดสินใจถอนตัวจากคดี และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างรุนแรง

ผลที่ตามมาคือ นายอัจฉริยะถูกตำรวจนนทบุรี 21 คนฟ้องดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท และศาลชั้นต้นเพิ่งมีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” ในคดีดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้คือเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งคำพิพากษานี้ศาลเห็นว่าคดีมีพิรุธและเงื่อนงำ ด้วยมี “แพทย์ 2 คน” เห็นแย้งกับฝั่งตำรวจ

หนึ่งในนั้นก็คือ “พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์” ซึ่งนำข้อมูลและหลักฐานมาเปิดเผยกับอาจารย์ปานเทพดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และหมอธวัชชัยคนนี้ก็คือพยานปากสำคัญที่ทำให้ศาลยกฟ้องคดีตำรวจ 21 คนฟ้องหมิ่นประมาทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ อันถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกจุดหนึ่งของคดีนี้

และที่ต้องขีดเส้นใต้ด้วยความไม่เข้าใจยิ่งก็คือ ทางเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ซึ่งเป็นทนายให้คุณแม่แตงโม มีหนังสือขอยกเลิกพยานศาลถึง “หมอธวัชชัย” ในคดีที่คุณแม่แตงโมเป็นโจทก์ร่วมฟ้อง “ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์” และพวกบนเรือ

แปลไทยเป็นไทยก็คือ ไม่ต้องการให้ “หมอธวัชชัย” เป็นพยานอีกต่อไป
ขณะที่นายอัจฉริยะ เปิดเผยหลังกลับมาเคลื่อนไหวคดีแตงโมอีกครั้งว่า ติดตามการเสียชีวิตของแตงโมมาตลอด 3 ปี เชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า แตงโมถูกฆาตกรรมอำพราง ไม่ได้เกิดจากความประมาทของคนบนเรือ เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่ไม่ตรงกับการทำงานของชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 , กองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีและอัยการจังหวัดนนทบุรี

ทั้งนี้ ศาลมีคำพิพากษาว่าแตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ และบาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ

ดังนั้น จึงยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงานเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เช่น อัยการสูงสุด อธิบดีอัยการภาค 1 และอัยการจังหวัดนนทบุรี กระทรวงยุติธรรม หรือคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น

“ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกประมาณ 2 เดือน จนกว่าศาลจังหวัดนนทบุรีจะมีคำพิพากษา ตามกฎหมาย ซึ่งอัยการสูงสุดมีอำนาจเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรื้อฟื้นคดี และตอนนี้ตนก็มีพยานหลักฐานใหม่ที่เคยยื่นพิสูจน์ความจริงที่ศาลอาญามาแล้ว ซึ่งได้นำมาให้ตัวแทน รมว.ยุติธรรม ได้ดู และวันนี้ก็ได้เปิดหลักฐานให้สื่อมวลชนดู เป็นภาพบาดแผลที่เกิดขึ้นบนตัวแตงโมขณะนำร่างขึ้นมาจากน้ำ เป็นบาดแผลบริเวณต้นขาด้านขวา ซึ่งมีคำพิพากษาศาลออกมาแล้วว่าถูกกรีดเป็นแนวยาว ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ส่วนบาดแผลจุดอื่นบนร่างกายตนเชื่อว่าน่าจะมีการสร้างขึ้นมาภายหลัง”นายอัจฉริยะกล่าว

 แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์
ด้าน “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) ยืนยันว่า ถ้าคดีมีพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงใหม่ ก็สามารถรื้อคดีดังกล่าวได้ แม้อัยการจะสั่งฟ้องคดีไปแล้ว หรือแม้แต่ศาลมีคำตัดสินแล้วก็สามารถรื้อฟื้นคดีได้เช่นกัน

ดังนัน นับจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้วอัยการจะมีคำสั่งรื้อฟื้นคดีใหม่ และบทสรุปของคดีแตงโมจะจบลงเช่นไร เพราะมีถึง 6 ประเด็นที่ถือว่าเป็น “พิรุธแห่งคดี”

นั่นคือ 1. ก่อนที่แตงโมจะเสียชีวิต “คนบนเรือ” ทำอะไรกัน ไม่มีใครรู้แม้แต่ตำรวจ

2. ในช่วงเหตุการณ์ที่แตงโมตกเรือนั้น คนบนเรือหรือตำรวจ จะไม่มีทางทราบเลยว่า แตงโมถูกใบพัดเรือในลักษณะไหน? อย่างไร? เพราะหลักของธรรมชาติ ไม่แน่นอนเสมอไป

3. ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ “แตงโม” จะนั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือ มันพิสดารสำหรับผู้หญิงทั่วไป และเสี่ยงอันตรายเกินไป ไฟสปอตไลท์เรือก็ส่องไปที่ท้ายเรือ แถมแตงโมก็ยังใส่บอดี้สูท ยากที่จะถอดเพื่อปัสสาวะในเรือ และในความเป็นจริง “กลอนห้องน้ำ” บนเรือก็ไม่ได้เสีย ตามที่คนบนเรือให้การ แล้วทำไมตำรวจถึงเชื่อคำให้การขอคนบนเรือ ?

4. ช่วงเวลาตามคำให้การของคนบนเรือ หลังจากแตงโมตกเรือแล้ว ไทม์ไลน์ของคนบนเรือน่าสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะห้วงเวลากว่าคนบนเรือจะไปพบตำรวจ มันเนิ่นนานหลายชั่วโมง จนทำให้คิดได้ว่า มีการ “ตั้งหลัก-แต่งเรื่องราว” ทั้งหมด เพื่อให้การกับตำรวจเป็นไปแนวทางเดียวกัน

 พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ นำข้อมูลหลักฐานมาอธิบายกับปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

 อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ยื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ช่วยประสานอัยการสูงสุด แก้ไขคำฟ้องในการรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม
5. ในห้วงที่ตำรวจเรียกคนบนเรือมาให้การหรือสอบปากคำนั้น ตำรวจอ้างว่าไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การของคนบนเรือ ... แต่ทำไมถึงสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการตามคำให้การของคนบนเรือ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง ประจักษ์พยานต่าง ๆ ก็ไม่เพียงพอ พยานหลักฐานบางอย่าง ก็ไม่ได้สอดคล้องกับคำให้การของคนบนเรือ ซึ่งจะทำให้สรุปสำนวนไปในแนวทางที่ว่า คำให้การของคนบนเรือ กับ พยานหลักฐานสอดคล้องกัน

และ 6. กองพิสูจน์หลักฐาน และชุดสืบสวน ให้ความสำคัญกับถ้อยคำของคนบนเรือมากกว่าที่จะอ้างอิงการพิสูจน์หาพยานหลักฐานต่าง ๆ ด้วยหลักนิติวิทยาศาสตร์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

โดยเฉพาะหลังจากที่ “หมอธวัชชัย” ประกาศชัดเจนในการเดินหน้าเปิดเผยความจริงว่า

“คดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่าง ผมอยากให้ตำรวจคิดใหม่ว่า ต่อไปในการทำสำนวนตามใจชอบ โดยคิดพล็อตเรื่องขึ้นมา แล้วก็เอาหลักฐาน-พยานมาประกอบต่อไปจะทำไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนจะจับตาว่า คุณจะทำอะไรต้องทำตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ หลักวิทยาศาสตร์

“เพราะฉะนั้น ทีนี้สิ่งที่ผมทำ ไม่ได้ทำเพื่อแตงโมแล้วนะครับ ผมทำเพื่อให้ระบบมันถูกต้อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักความเป็นจริง”


กำลังโหลดความคิดเห็น