xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใต้เงาจีน ภาค 2 (17) เงาเจดีย์ที่หายไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพเงาสะท้อนเจดีย์สามองค์แห่งวัดฉงเซิ่งบนทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ที่ถ่ายเมื่อปี 1991 ที่บัดนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล

เสร็จจากมื้อเที่ยงในวันนั้นแล้ว พวกเราก็ล่ำลากับทางเจ้าหน้าที่ ตม.พร้อมกับขอบคุณในอาหารเที่ยงมื้อนั้น จากนั้นคุณหวังก็พาเราสองคนขึ้นรถและบอกว่า จะพาเราไปเยือน  เจดีย์สามองค์แห่งวัดฉงเซิ่ง (ฉงเซิ่งซันถ่า, 崇圣寺三塔)  ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก

รถใช้เวลาไม่นานก็พามาถึงวัดที่ว่านี้ พอลงจากรถก็เห็นเจดีย์สามองค์ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแล้วก็บอกกับตัวเองว่า ภาพนี้เราเคยเห็นมาก่อนในหนังสารคดีของจีนที่เข้ามาฉายในไทย หลังจากไทยเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเมื่อปี 1975 (2518) หรือในสื่อสิ่งพิมพ์ของจีน ซึ่งตอนนั้นผมยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น

ตอนที่ดูก็ได้แต่จำภาพเจดีย์ที่แปลกตา แต่ไม่ได้ใส่ใจว่าอยู่ที่ไหนของจีน ด้วยไม่นึกว่าจะได้มาเห็นของจริงในวันหนึ่งข้างหน้า เช่นเดียวกับป่าหินหรือสือหลิน (石林) ที่ผมเคยเล่าไปแล้วที่ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเคยดูจากสารคดีเรื่องเดียวกันเช่นกัน

และทำให้นึกต่อไปได้ว่า หลังจากที่ไทยกับจีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันแล้วนั้น ได้มีหนังจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาฉายอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่มากเท่าหนังฮ่องกงหรือหนังไต้หวันที่เข้ามาก่อนหน้านั้นนานนับสิบปี หนังจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาฉายในบ้านเราตอนนั้นมักจะถูกเรียกว่า หนังจีนแดง เพื่อสื่อว่าเป็นหนังจีนคอมมิวนิสต์

หนังจีนแดงที่เข้ามาฉายในไทยนี้ต่างจากหนังฮ่องกงและไต้หวันก็ตรงที่ว่า หนังจีนแดงจะมีหนังสารคดีเข้ามาฉายด้วย ซึ่งก็ตรงกับอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยเวลานั้นอยู่อย่างคือ ไทยถูกสหรัฐฯ ล้างสมองมาก่อนหน้านั้นนานแล้วว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์ชั่วร้ายอย่างไรบ้าง จนคนไทย (รวมผมด้วย) เชื่อและรังเกียจคอมมิวนิสต์ไปตามๆ กัน

แต่พอวันหนึ่งเมื่อผลประโยชน์เปลี่ยนไป สหรัฐฯ ก็หันไปฟื้นความสัมพันธ์กับจีนหน้าตาเฉยเมื่อปี 1972 (2515) ไทยก็ได้มองตาปริบๆ จนเมื่อไทยเข้าใจมากขึ้นว่าคอมมิวนิสต์ไม่ได้เลวร้ายจริง และคิดจะเปิดความสัมพันธ์กับจีนบ้าง สหรัฐฯ ก็ทำท่าขวางไม่ให้ไทยไปคบกับจีน ดีที่ไทยไม่เชื่อ ไม่งั้นก็ยังคงงมโข่งมาจนถึงเดี๋ยวนี้

เพราะฉะนั้นแล้ว หนังสารคดีจีนที่เข้ามาฉายในบ้านเราตอนนั้นจึงเผยให้เห็นอีกด้านหนึ่งของจีนว่า จีนไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กล่าวหากัน คนจีนยังคงกินข้าวเหมือนคนไทย มีการทำไร่ไถนาและทำงานในโรงงานเหมือนที่คนไทยทำ และคนจีนก็มีเวลาที่เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนไปยังที่ต่างๆ ในประเทศของตนดังที่คนไทยเองก็มี ฯลฯ

กลับมาที่เจดีย์วัดฉงเซิ่งอีกครั้ง วัดฉงเซิ่งนี้ถือเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจีน เป็นวัดศาสนาพุทธที่สร้างขึ้นในสมัยที่อาณาจักรต้าหลี่ยังรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 9 จัดเป็นวัดหลวงที่มีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นวิหารหรือกุฏิดังที่วัดทั่วไปมี แต่สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ได้ถูกเผาทำลายไปจนสิ้นในสมัยราชวงศ์ชิง (1644-1911)

แต่สิ่งที่มิได้ถูกทำลายไปด้วยก็คือ เจดีย์สามองค์

 ทั้งวัดและเจดีย์นี้มีตำนานเล่ากันว่า ก่อนที่มนุษย์จะมาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ต้าหลี่นั้น ที่แห่งนี้เป็นที่อาศัยของมังกรมาก่อน มังกรเหล่านี้อาศัยอยู่ในหนองน้ำ ครั้นมนุษย์เข้ามาตั้งหลักแหล่งอาศัยอยู่ มนุษย์ก็มีฐานะเป็นผู้บุกรุกที่ของมังกร และยังความพิโรธให้แก่มังกรจนมีการทำลายล้างกันเกิดขึ้น มนุษย์ผู้บุกรุกจึงต้องสร้างเจดีย์ขึ้นมาเพื่อขัดขวางไม่ให้มังกรเข้ามาทำร้ายตน 

เจดีย์องค์กลางซึ่งเป็นเจดีย์องค์แรกที่ถูกสร้างขึ้นเป็นเจดีย์ที่ใหญ่กว่าอีกสององค์ซ้ายขวา เจดีย์องค์นี้มีชื่อเรียกว่า เชียนสวินถ่า (千寻塔) สร้างขึ้นในระหว่างปี 823-840 (พ.ศ.1366-1383) โดยกษัตริย์เชี่ว์ยนเฟิงโย่ว (ครองราชย์ ค.ศ.823-859) แห่งอาณาจักรหนันเจ้า (น่านเจ้า) มีความสูง 69.6 เมตร เป็นหนึ่งในเจดีย์ที่สูงที่สุดของจีน

เจดีย์องค์นี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยม มีความสูง 16 ชั้น นับจากชั้นล่างขึ้นไปจะมีขนาดลดหลั่นลงในแต่ละชั้น และทุกชั้นจะมีพระพุทธรูปที่สลักจากหินอ่อนตั้งอยู่ ตั้งแต่ชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่แปดมีความสูงในแต่ละชั้น 3.3 เมตร ทั้งหมดนี้ถูกสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน

เจดีย์องค์นี้ได้ต้นแบบมาจากเจดีย์ห่านป่าน้อยหรือเสี่ยวเอี้ยนถ่า (小雁塔, Small Wild Goose Pagoda) ในนครฉังอัน (ซีอันในปัจจุบัน) ที่สร้างในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) และในระหว่างบูรณะครั้งใหญ่ในปี 1978 มีการขุดค้นพบพระพุทธรูปราว 700 องค์ที่ทำด้วยทองคำ เงิน ไม้ แก้ว และเอกสารโบราณ

ส่วนเจดีย์อีกสององค์ซ้ายขวาสร้างขึ้นหลังจากนั้นราวร้อยปี โดยตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของเจดีย์องค์กลาง เจดีย์ทั้งสององค์นี้สูง 42.19 เมตร แต่มีรูปทรงแปดเหลี่ยมและมีสิบชั้น และแต่ละชั้นมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ทุกชั้น

 ส่วนที่โดดเด่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ของเจดีย์สามองค์นี้ก็คือ ด้านหลังของเจดีย์คือมุมหนึ่งของทะเลสาบเอ๋อร์ไห่นั้น จะมีเงาของเจดีย์ทั้งสามองค์สะท้อนอยู่ในน้ำของทะเลสาบด้วย โดยที่ทะเลสาบปิด จึงมีหลายช่วงเวลาที่น้ำในทะเลสาบจะนิ่งไม่ไหวติงด้วยไม่มีลมพัดโชยมา เงาสะท้อนในน้ำจึงชัดเหมือนเงาของเราเวลาที่เราส่องกระจก 

เรียกได้ว่า ถ้าถ่ายรูปออกมาแล้วพลิกกลับด้านดูก็จะไม่รู้ว่ากำลังดูรูปที่กลับด้าน

ความโดดเด่นนี้ผมเชื่อว่า ตอนที่ออกแบบเจดีย์ทั้งสามองค์นั้น คนออกแบบคงไม่ได้ตั้งใจให้มีเงาของเจดีย์สะท้อนในทะเลสาบ แต่พอสร้างเสร็จแล้วก็เกิดภาพที่ว่า ภาพนี้จึงเป็นผลพลอยได้ แถมยังเป็นผลพลอยทางการท่องเที่ยวแบบที่เราเรียกในบ้านเราว่า  อะเมซซิ่ง  อีกด้วย

เหตุดังนั้น พอเราดูเจดีย์ทั้งสามองค์แล้ว คุณหวังก็ไม่พลาดที่จะพาเราไปถ่ายรูปตรงจุดที่มีเงาสะท้อนดังกล่าว ซึ่งจะต้องนั่งรถอ้อมไปอีกระยะหนึ่ง พอไปถึงก็เห็นเงาสะท้อนที่ว่าจริงๆ เป็นเงาเจดีย์ที่ชัดราวกับเงาที่ส่องจากกระจกเงาจริงๆ ผมจึงไม่รอช้าที่จะชักรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก

ตอนที่ถ่ายรูปผมไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากนั้นอีกนับสิบปีที่ได้กลับมาต้าหลี่อีกมากกว่าหนึ่งครั้งนั้น ผมได้บอกไกด์จีนทุกครั้งว่า ให้ช่วยพาคณะนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปในจุดที่ว่า แต่ก็ต้องพบด้วยความประหลาดใจว่า ไกด์จีนซึ่งเป็นคนท้องถิ่นบอกว่าไม่รู้เรื่องที่ว่าหรือรู้จักสถานที่ที่ว่าเลย

และได้พาเราไปยังมุมหนึ่งของวัดซึ่งมีสระที่ขุดขึ้นใหม่แล้วถามผมว่า ตรงนี้ใช่ไหม? ผมจึงตอบกลับไปว่า ไม่ใช่ พร้อมกับงุนงงว่า ทำไมไกด์จีนจึงไม่รู้เรื่องนี้ จนหลายปีต่อมาผมจึงรู้ว่า ทางการจีนได้พัฒนาต้าหลี่ครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงวัดฉงเซิ่งด้วย

โดยวัดได้รับการพัฒนาในปี 2005 แต่พัฒนาอีท่าไหนไม่ทราบได้จึงทำให้จุดที่มีเงาสะท้อนจากทะเลสาบหายไป มีแต่เงาสะท้อนในสระที่ขุดใหม่ภายในวัดที่เห็นเจดีย์แค่สององค์ และไม่เป็นธรรมชาติเหมือนของเดิมเอาเลย

ครับ, เช่นเดียวกับน้ำในทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ที่ผมเล่าไปก่อนหน้านี้ ที่ได้กลายเป็นน้ำที่มีพิษจากน้ำเสียที่โรงงานที่ตั้งอยู่รอบทะเลสาบทิ้งลงไป จนผมอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า คนที่วางแผนพัฒนาเอาอะไรมาคิดถึงได้อนุญาตให้ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมรอบทะเลสาบได้

 การหายไปจากทะเลสาบของเงาเจดีย์สามองค์แห่งวัดฉงเซิ่งจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ผมได้แต่หวังว่า บางทีเงานี้อาจจะยังอยู่ เพียงแต่ไกด์ของผมอาจขี้เกียจพาไปหรือไม่รู้เรื่องจริงๆ และถ้ามีใครที่เคยไปต้าหลี่แล้วเห็นว่าเงาที่ผมเล่ามายังคงอยู่ก็ช่วยบอกเอาบุญด้วย ผมจะขอบพระคุณมากๆ  


กำลังโหลดความคิดเห็น