xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใต้เงาจีน ภาค 2 (16) ดื่มชามองโกลกินหมูดิบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชามองโกล(ภาพ : วิกิพีเดีย)
 
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล

เรือล่องทะเลสาบนานนับชั่วโมงพอให้ได้เพลินก็ใกล้เวลาเที่ยง การล่องเรือชมทะเลสาบก็จบลงพอดีเวลาอาหารเที่ยง เมื่อเรือพาเราขึ้นฝั่งก็พบกับเจ้าหน้าที่ ตม.ของต้าหลี่ที่มารอรับเราอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งก็คงมารับเราไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน

รถพาเราไปถึงร้านอาหารในเวลาไม่นาน บรรยากาศในร้านอาหารคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี แต่โต๊ะของเราถูกจองไว้ล่วงหน้าแล้วจึงไม่ลำบากในการรอคิว และคงเป็นเพราะที่ร้านรู้ด้วยว่าถูกจองในนามของ ตม.ต้าหลี่ ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการ ทางร้านจึงดูแลเราเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งก็เพราะทาง ตม.ที่ต้าหลี่ถือเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ด้วย

จากเหตุนี้ ตอนที่ไปถึงนั้นเราจึงเห็นทางเจ้าของร้านพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ตม.อย่างเป็นกันเอง นั่งได้สักพักอาหารก็ถูกนำมาวางไว้เต็มโต๊ะ อาหารเหล่านี้ถูกสั่งไว้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว

ก็เหมือนกับที่ผมเคยเล่าไว้แล้วว่า อาหารจีนนั้นหลากหลายเอาการ อย่าว่าแต่อำเภอเลย เอาแค่จากตำบลหนึ่งไปยังอีกตำบลหนึ่งรายการอาหารก็เปลี่ยนไปแล้ว

คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ ที่ตอนมาจีนครั้งแรกๆ ก็เคยคิดจดหรือจำรายการอาหารเอาไว้ในใจเหมือนกัน แต่ทำไปทำมาก็เลิกล้มความตั้งใจ เพราะพอเจอเข้าจริงๆ แล้วรายการช่างมากมายเกินกว่าที่จะจำได้หมด เสียดายที่ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่งั้นคงถ่ายภาพเก็บไว้ไปนานแล้ว

พูดถึงตรงนี้ก็มีประเด็นจะบอกกล่าวเล็กน้อยว่า โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบการถ่ายภาพอาหารในขณะที่แขกบนโต๊ะกำลังรอรับประทานเอาเลย และผมก็ไม่เคยทำเช่นนั้น แต่ถ้าทำก็จะบอกให้ทุกคนทานไปได้เลย เพราะผมถ่ายเพื่อเอาไปลองทำบ้างในภายหลัง และถ่ายเฉพาะรายการที่ผมสนใจเป็นการส่วนตัวเท่านั้น

แต่ในขณะเดียวกันก็ปรับตัวให้คุ้นชินกับพฤติกรรมดังกล่าวแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะดูไปแล้วก็คงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้เสียแล้วไม่ว่าจะที่ไหนหรือกับใคร จนเดี๋ยวนี้ชินไปเสียแล้ว คือพออาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะ ผมซึ่งต่อให้หิวจนท้องกิ่วแค่ไหนก็จะไม่แตะอาหารก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีใครถ่ายภาพอาหารแล้วนั่นแหละจึงได้ลงมือตักอาหาร คิดถึงตอนนั้นที่ยังไม่มีมือถือแล้วก็รู้สึกมีความสุขดีเหมือนกัน แต่ตอนนี้ได้แต่ปลง

ด้วยความที่อาหารมีมากมายหลายรายการ ผมจึงจำไม่ไหว จะจำได้ก็แต่รายการอาหารที่พิสดารเท่านั้น และมื้อนี้ก็เหมือนกันที่ผมจำได้รายการเดียวคือ  หมูดิบทรงเครื่อง  ชื่อนี้ผมเรียกเอาเองเพราะเป็นรายการที่นำเอาหมูดิบๆ มาหั่นเป็นชิ้นพอคำแล้วก็ปรุงรสด้วยวัตถุดิบต่างๆ ที่คลุกเคล้าจนทั่วจึงนำมาเสิร์ฟ

ตอนที่เห็นนั้นผมแทบจะเบือนหน้าหนี เพราะในชีวิตที่โตมาจนอายุสามสิบกว่าแล้วยังไม่เคยพบเห็นที่ไหนที่ทานหมูดิบแบบนี้ มีก็แต่เนื้อดิบเท่านั้นที่เห็นบ่อย ซึ่งในบ้านเราก็มีรายการอาหารที่เป็นเนื้อดิบ โดยเฉพาะอาหารอีสานและเหนือ ส่วนผมจะรับหรือไม่รับรายการเนื้อดิบนั้นจะดูเป็นร้านๆ ไป

แต่ที่ผมจำได้และชอบมากก็คือ เนื้อดิบที่มาแบบทรงเครื่องของเกาหลี เนื้อดิบรายการนี้ปรุงรสมาก่อนเหมือนกัน แต่เสน่ห์อยู่ตรงไข่ไก่ดิบหนึ่งฟองที่ตอกลงบนชามมาให้เห็นกันชัดๆ ก่อนทานจะคลุกไข่ดิบนั้นให้เป็นเนื้อเดียวกับเนื้อดิบในชามก่อน เมื่อคลุกเคล้าเข้ากันดีแล้วจึงลงมือทาน

ส่วนหมูดิบนั้นเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น แต่พอเบือนหน้าหนีสักพักแล้ววิญญาณนักบริโภคก็เข้าสิง ผมใช้ตะเกียบคีบใส่ปากตัวเองไปหนึ่งคำก็ยอมรับว่าเขาปรุงได้รสชาติดี หมูนั้นสดมากไร้กินคาว แต่ด้วยความที่ไม่คุ้นกับหมูดิบ ผมจึงทานแต่พอประมาณ ถึงแม้เจ้าภาพจะบอกว่าเป็นรายการอาหารที่หากินได้ยาก จะมีก็แต่ที่ต้าหลี่ก็ตาม

เสร็จจากมื้อเที่ยงแล้วทางเจ้าภาพก็พาเราไปดื่มชา โดยบอกว่าสถานที่จะไปดื่มชาคือประตูเมืองที่มีชื่อว่า อู่ฮว๋าโหลว (五华楼)  ตอนแรกที่ได้ยินผมได้แต่เพียงรับทราบ และในระหว่างทางที่ไปยังประตูเมืองนี้ผมก็ได้แต่มองดูบ้านเมืองสองข้างทาง จนเมื่อรถมาถึงและลงจากรถแล้วผมก็ต้องตะลึงกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า เพราะนั่นคือ ประตูเมืองอู่ฮว๋าโหลว

ที่ตะลึงก็เพราะความงดงามของประตูเมืองนี้ ซึ่งแน่นอนว่าได้ผ่านการบูรณะมาเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ผมไม่แน่ใจก็คือ การขึ้นไปชั้นบนของประตูเมืองเขาเปิดทั่วไปหรือเฉพาะแขกพิเศษ และถ้าเปิดทั่วไปก็น่าจะเก็บค่าเยี่ยมชมแพงเอาการ เพราะตอนที่ขึ้นไปถึงชั้นบนนั้นผมเห็นมีคนอยู่ไม่กี่คน ซึ่งดูทรงแล้วไม่น่าจะเป็นนักท่องเที่ยว

อีกอย่างคือ พอเราขึ้นไปถึงชั้นบนของประตูเมืองนี้นั้น ก็มีคนมาต้อนรับขับสู้เหมือนเราเป็นแขกวีไอพีประมาณนั้น พนักงานจัดให้เรานั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกชุดหนึ่งได้ครบคน ซึ่งทำให้รู้ว่าทาง ตม.ที่นี้ได้จองที่นั่งมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน ครั้นนั่งกันเรียบร้อยทางเจ้าหน้าที่ ตม.ก็บอกว่า ที่พามาประตูเมืองนี้ก็เพื่อให้เราได้ลิ้มลอง  ชามองโกล ผมฟังแล้วได้แต่สงสัยว่าชามองโกลมีอะไรพิเศษ เหมือนหรือต่างกับชาจีนที่เราดื่มกันหรือไม่ อย่างไร

จนเมื่อชาถูกนำมาวางแล้วผมก็พบว่า ใบชาเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของชาเท่านั้น ด้วยว่าส่วนที่เหลืออื่นๆ ที่ประกอบกันเป็นชาชุดนี้ยังมีสมุนไพรจีนจำนวนหนึ่ง เช่น เก๋ากี้ เป็นต้น แต่ที่ผมรู้สึกแปลกในความพิสดารของชานี้ก็คือ  ชีส 

ตอนที่เห็นครั้งแรกนั้นผมไม่รู้ว่าคืออะไร จนเจ้าภาพแนะนำจึงได้รู้ว่านั่นคือชีส ท่านว่าชีสนี้ทำมาจากนมแพะ โดยเมื่อเวลาชงนั้นคนปรุงชาจะไสชีสให้เป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ ลงในถ้วยชาด้วย เวลาดื่มก็ให้เคี้ยวชีสไปด้วยจะได้รสชาติไปอีกแบบหนึ่ง

ตอนที่ผมยกถ้วยชาที่มีขนาดใหญ่กว่าถ้วยกาแฟเล็กน้อยขึ้นดื่มนั้น ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นสมุนไพรจีนมากกว่าที่จะเป็นกลิ่นจากใบชา หรือกล่าวอีกอย่างคือ กลิ่นใบชาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลิ่นทั้งหมดที่อยู่ในถ้วยนั้น แต่ที่ไม่ได้กลิ่นเลยก็คือ ชีส

เมื่อดื่มไปแล้ว สมุนไพรที่มีชิ้นเล็กอย่างเก๋ากี้นั้นจะเข้าไปในปากด้วย ซึ่งก็รวมถึงชีสด้วย ตอนนี้เองที่ความแปลกใหม่ในรสชาติได้บังเกิดขึ้น เมื่อชีสที่เข้าไปในปากนั้นทำให้เราต้องขบเคี้ยวไปด้วย ทำให้ได้รสชาติมันๆ ของชีส

ปกติผมเป็นคนที่ชอบกินชีสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้มาลิ้มลองชาแบบนี้ก็เลยรู้สึกเป็นรสชาติที่แปลกไปอีกแบบหนึ่ง แต่ด้วยเหตุที่สหายไทยของผมที่มาด้วยกันไปเพ่งที่คำว่า “ชา” เป็นหลัก พอเจอชาแบบนี้เขาจึงรู้สึกว่าไม่ใช่ชา เขาจึงดื่มแต่พอเป็นพิธีด้วยความไม่คุ้น ส่วนผมถือเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่จนถึงทุกวันนี้ผมก็ไม่เคยได้ดื่มชาแบบนี้อีกเลย

 ทางฝ่าย ตม.เล่าว่า ตอนที่มองโกลยึดต้าหลี่แล้วปกครองนั้นได้นำชานี้เข้ามาด้วย และเมื่อมองโกลสิ้นอำนาจในจีนไปแล้ว ชานี้ก็ยังคงตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน เหมือนกับจะบอกว่า ครั้งหนึ่งชาวมองโกลเดินทางมาได้ไกลถึงเพียงนี้ เมื่อจากไปก็ทิ้งชานี้ไว้ที่ต้าหลี่ที่ตั้งอยู่ไกลแสนไกลจากมองโกเลีย โดยที่ท้องถิ่นอื่นจะไม่มีชานี้ให้ดื่มกัน 

ส่วนประตูเมืองอู่ฮว๋าโหลวนั้นเป็นประตูที่สร้างเมื่อปี ค.ศ.856 คือสร้างในสมัยที่อาณาจักรน่านเจ้ายังรุ่งเรือง ครั้นถูกมองโกลยกทัพเข้าตีจนแตกก็สิ้นอำนาจไป แต่ก็ทิ้งประตูเมืองนี้เอาไว้ ประตูเมืองอู่ฮว๋าโหลวนี้ได้รับการบูรณะครั้งล่าสุดในปี 1998

เป็นประตูที่อาณาจักรน่านเจ้าทิ้งเอาไว้ให้ ไม่ต่างกับที่มองโกลทิ้งชามองโกลเอาไว้ให้


กำลังโหลดความคิดเห็น