ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถอดบทเรียนว่าด้วยเรื่องความศรัทธาความเชื่อในโหราศาสตร์ฮวงจุ้ย กรณีผู้เสียหายตบเท้าเข้าแจ้งความคดีฉ้อโกง “หมอฮวงจุ้ยชื่อดัง” มูลค่าเสียหายทะลุกว่า 80 ล้านบาท โดยมีพฤติการณ์ตุ๋นเงินหลอกทำพิธีเสริมมงคล อาทิ โรยพระผง กระดูกผี, ซื้อที่ดินสุสานคนเป็น, ตั้งวัตถุมงคลราคาแพงลิบ ฯลฯ อาศัยศาสตร์ฮวงจุ้ยหากินกับผู้อยู่ในสภาวะไขว้เขว่ต้องการหลักยึดเหนี่ยวในชีวิต
ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์การปรับสภาพความอยู่ของมนุษย์ให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมตามคติของชาวจีน ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแปรเสริมคลื่นพลังงานด้านบวกสถานที่ต่างๆ จึงไม่แปลกที่เกิดศรัทธาความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย โดยผู้อยู่อาศัยหวังใจว่าจะได้รับพลังงานบวก ให้ฮวงจุ้ยดีหนุนนำชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และยิ่งเป็นโหราจารย์ที่ปรากฎในพื้นที่สื่อยิ่งได้รับความสนใจจากผู้ศรัทธาติดต่อให้ปรับฮวงจุ้ย
ล่าสุด เป็นข่าวครึกโครมหลังมีผู้เสียหายแสดงตัวเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีฉ้อโกงกับ “นายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์” หรือ “อ.อ๊อด” หรือ “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ซินแสฮวงจุ้ยชื่อดัง มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ซึ่งมีผู้ติดตามในเพจเฟซบุ๊ก “ตี่ลี่ ฮวงจุ้ย ศาสตร์ที่ช่วยพลิกชีวิตคุณ” 3.9 แสนคน สร้างชื่อจากการนำเสนอศาสตร์ฮวงจุ้ยเข้ากับยุคสมัยผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง YouTube, Facebook ฯลฯ เป็นที่รู้จักในบทบทผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ยผ่านหลายรายการทางโทรทัศน์ จนได้รับการยอมรับในฐานะหมอดูฮวงจุ้ยอันดับต้นๆ ของไทย
โดยเมื่อช่วงเดือน ต.ค. 2567 นางแสงเดือน วงษ์สมบูรณ์ อายุ 77 ปี (แม่) และ น.ส.รัตนาภรณ์ วงษ์สมบูรณ์ อายุ 49 ปี(ลูกสาว) ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ไชยา มณีสุทธิ์ สว. (สอบสวน) สน.บางกอกน้อย เพื่อดำเนินคดี นายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ ผู้อ้างตัวเป็นผู้สืบทอดศาสตร์ตี่ลี่ ฮวงจุ้ย รุ่นที่ 15 ช่วยพลิกชีวิตคน ในข้อหาฉ้อโกง
โดย น.ส.รัตนาภรณ์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ช่วง เดือน ก.พ.67 ติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊กและนัดมาดูฮวงจุ้ย จากนั้น นายธนวันต์ เดินทางมามาตรวจดูฮวงจุ้ยบอก “ฮวงจุ้ยที่บ้านนั้นไม่ดี จะเสริมดวงให้” และบอกว่า “ถ้าไม่ทำจะทำให้แม่ของตนเสียชีวิตและดวงตก” ด้วยความกลัวว่าจะเป็นเรื่องจริงจึงทำให้เชื่อและยอมทำตามที่นายธนวันต์หลอกลวงให้เสริมดวง ทำให้หลงเชื่อและโอนเงินให้นายธนวันต์จำนวน 73 ครั้ง รวมเป็นเงิน 60,395,884 บาท กระทั่งรู้สึกตัวว่าถูกหลอกลวงเกิดความเสียหายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี
ผู้เสียหายยอมรับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นด้วย “ความเชื่อ” และ “ความศรัทธา” ในตัวอาจารย์คนดัง สุดท้ายทำไปแล้ว ไม่มีผลใดๆ กับชีวิตเลย ไม่มีความเปลี่ยนแปลง มีแต่จ่ายเงิน แต่ไม่ได้ของ
โดยเล่าว่า นายธนวันต์ มาดูฮ้วงจุ้ยที่บ้านวันแรก สั่งให้ซื้อ สิงห์ และ กิเลน มาตั้งที่หน้าบ้าน 2 ตัว และที่หน้าศาลพระภูมิสองตัวโดยสั่งมาจากประเทศจีน คู่ละ 1,200,000 บาท ค่าจัดส่งอีก 100,000 บาท รวม 1,300,000 บาทต่อคู่และต้องสั่งทั้งหมด 4 คู่ รวมเป็นเงิน 5,200,000 บาท นอกจากนี้ หมอดูยังให้สั่งเทพเจ้า 4 องค์ มี เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อกวนอู เทพเจ้าไถ่ซินเอี๊ยะ และเทพเจ้าจงขุ่ย รวมเป็นเงินอีก 400,000 กว่าบาท ซึ่งหมดนี้สั่งไปตั้งแต่เดือน เม.ย. จนถึงเดือน พ.ย. ยังรับของตามที่สั่งและเงินก็จ่ายไปหมดแล้ว
จากนั้นมีการทำพิธีโรยพระผงกระดูกผี ซึ่งจะต้องเจาะพื้นเป็นหลุด 4 มุมรอบบ้าน ค่าใช้จ่ายจำนวน 4,400,000 บาท, ทำพิธีขึงแหเพื่อดักจับสิ่งไม่ดีและให้เด้งออกไปจากชีวิต โดยทำ 2 จุดที่หน้าบ้านและหลังบ้านราคา 1 ล้านบาท รวมทั้ง มีการทุบศาลพระภูมิทิ้งและสร้างศาลพระภูมิใหม่ในลักษณะแบบจีน และเสียค่าทำพิธีตั้งศาลตี่จูเอี้ยในบ้าน 20,000, ค่าของไหว้ 30,000, ค่ารูปปั้นและศาล 140,000 บาท รวมเป็นเงินอีก 190,000 บาท
นอกจากนี้ ยังสูญเงินก้อนใหญ่ 44 ล้านบาท สำหรับ พิธีแซกี หรือสุสานคนเป็นที่ จ. ชลบุรี โดยหมอดู บอกว่าพวกเศรษฐีระดับเจ้าสัวเขาก็ทำกัน โดยให้ครอบครัวตนซื้อที่ดินและมีการนำหินจากประเทศจีนนำเข้ามาเพื่อทำพิธีด้วย รายละเอียด ค่าซื้อที่ดินราคา 4,500,000 บาท ,ค่าหินที่นำเข้าจากประเทศจีนราคา 38 ล้านบาท ค่าแกะสลักหินป้ายชื่อ 200,000 บาท เสียค่านำเข้าหินผ่านศุลกากร 200,000 บาท ค่าภาษี 600,000 บาท และมียืมเงินอีก 500,000 บาท (ยังไม่คืน)
หลังจากเรื่องดังกล่าวเป็นข่าวครึกโครม มีผู้เสียหายแสดงตัวเข้าแจ้งความร้องทุกข์รวมแล้วกว่า 25 ราย มูลค่าเสียหายรวมกว่า 80 ล้านบาท
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เปิดเผยถึงกรณีหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังที่มีพฤติกรรมหลอกดูดวงลวงให้ทำพิธีและซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของนั้น โดยพฤติการณ์ในการหลอกลวงนั้นจะเป็นแนวทางเดียวกันทั้งหมด คือ ผู้เสียหายจะเชิญหมอดูรายนี้ไปที่บ้าน โรงงานหรือสถานที่ประกอบการต่างๆ เมื่อไปถึงแล้ว หมอดูรายนี้ก็จะทักท้วงในจุดต่างๆ ของสถานที่ และกล่าวอ้างว่าหากมีจุดจุดนี้อยู่จะเกิดอาเพศต่างๆ มีการแนะให้แก้ไขโดยทำพิธีและซื้อวัตถุมงคลต่างๆ ซึ่งหมอดูรายนี้มีพฤติกรรมดังกล่าวมา 2 - 3 ปี แล้ว
“จากการสอบปากคำผู้เสียหายส่วนใหญ่ให้การไปในทิศทางเดียวกันคือ ถูกหมอดูฮวงจุ้ยทักว่ากำลังจะมีเคราะห์ ต้องบูชาวัตถุมงคล หรือปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย เพื่อแก้เคล็ดทำให้ชีวิตดีขึ้น คล้ายกับการเอาความเชื่อของคนมาเป็นจุดอ่อนในการหลอกลวงเงิน โดยเฉพาะพฤติกรรมการแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้เงินมาจากเหยื่อ รวมไปถึงการหลอกให้ผู้เสียหายสั่งซื้อวัตถุมงคล แต่กลับไม่ได้รับสินค้า พฤติกรรมทั้งหมดเหล่านี้อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง” รอง ผบก.ป. กล่าว
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อหมอดูคนดังกล่าวเป็นเพราะหมอดูคนนี้มีการออกสื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งเบื้องต้นการทำผิดนี้เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง ส่วนจะเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงประชาชนหรือไม่นั้น ต้องดูว่าข้อมูลที่หมอดูรายดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไปในสื่อนั้นมีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชนที่มีภาพรวมเป็นอย่างไร และในส่วนจะเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพ์ด้วยหรือไม่ ก็ต้องพิจารณาตรวจสอบข้อมูลที่หมอดูเผยแพร่ทางโซเชียลว่ามีข้อมูลใดที่เป็นเท็จหรือไม่
ในส่วนของคดีความคงต้องติดตามว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนหรือไม่ และจะมีการดำเนินคดีกับหมอดูคนดังอย่างไร ซึ่งในประเด็นนี้ ทนายแก้ว - ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ชี้ว่าพฤติการณ์ของอาจารย์ ถ้าจะเข้าข่ายความผิดก็คือความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน อาศัยความเบาปัญญาหรือความอ่อนแอแห่งจิตของลูกค้า ในการโน้มน้าวหลอกลวงเขา มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน
“หลอกลวงใคร ก็ต้องรับโทษแต่ละคน แต่ละคน ต้องไปว่ากันในศาล ซึ่งตัวอาจารย์จะชี้แจงอย่างไร อ้างว่าจะคืนเงิน จะเยียวยาก็เป็นสิทธิ์ของอาจารย์ ส่วนหลักฐานที่อ้างว่ามีก็ต้องเอามาแสดงแต่สิ่งที่แน่นอนแล้วก็คือชื่อเสียงที่สะสมมานาน วันนี้มันเสียไปหมดแล้ว เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี” ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายความ ระบุ
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้คนหันเข้าหาโหราศาสตร์ฮวงจุ้ยด้วยความหวังให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี คงต้องยอมรับว่าด้วยสภาพภูมิคุ้มกันทางจิตใจต่ำ จึงทำให้มีเหยื่อหลงเชื่อสูญเงินเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีเรื่องของความศรัทธาความเชื่อต่างๆ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อาจเป็นจุดอ่อนให้คนอื่นเข้ามาโจมตีทำให้ต้องเสียเงินทอง
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวสะท้อนความเปราะบางของจิตใจซึ่งมนุษย์ทุกคนมีพื้นฐานวิธีคิดที่เรียกว่าความเชื่อ
“เวลาที่คนเรามีภาวะที่ขาดความมั่นคงภายใน มีภาวะสิ้นหวัง มันจะมีโอกาสที่เราจะเกิดความเชื่อที่ผิดๆ หรือความงมงายได้ เพราะว่าสิ่งที่เราพยายามจะเชื่อและทำด้วยเหตุผล มันก็ยังไม่ได้ผล มันก็ยังไม่ทำให้เราแก้ปัญหาได้สักที เพราะฉะนั้น ช่วงที่คนเราแย่ๆ ก็ไม่แปลกอะไรที่จะมีความเชื่อผิดๆ หรือความงมงายได้” นายแพทย์ยงยุทธกล่าว
ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความเชื่อเรื่องโชคลาง แสวงหาความเป็นสิริมงคลในชีวิต ซึ่งศาสตร์ฮวงจุ้ยก็เป็นส่วนเสริมตอบโจทย์ดังกล่าว อย่างไรก็ดี กรณีที่เกิดขึ้นนับเป็นบทเรียนของสังคม ให้ตระหนักรู้และเท่าทันภัยในรูปแบบศรัทธาความเชื่อ