xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ซูเปอร์มาเก็ตจีน” เดินเกมรุก “โชห่วยไทย” อ่วม! ร้องรัฐ “ช่วยด้วย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  ตอกย้ำคลื่นทุนจีนบุกไทยทุกแนวรบ จับตาการรุกคืบ “ซูเปอร์มาเก็ตจีน” กำลังกระทบธุรกิจท้องถิ่นโดยเฉพาะร้านโชห่วยไทย ล่าสุด ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการไทยเรียกร้องให้ “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” เข้ามากำกับควบคุมซูเปอร์มาเก็ตสัญชาติจีน ซึ่งนำสินค้าราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพเข้ามาจำหน่าย กระทบโชห่วยไทยทยอยปิดการต่อเนื่อง  


สำหรับการรุกคืบของร้านซูเปอร์มาเก็ตจีน ส่งผลให้เกิดการแข่งขันรุนแรงกับธุรกิจท้องถิ่น กระทบภาพใหญ่ของเศรษฐกิจเงินไหลออกต่างประเทศ ตลอดจนเกิดความกังวลเรื่องคุณภาพของสินค้าและบริการที่นำเข้าจากจีนเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัย

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องจับตาเรื่องการดำเนินธุรกิจของกลุ่มจีนเทาที่อาจไม่โปร่งใส การละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับตามกฎหมายของประเทศไทย เพราะการมาลงทุนของกลุ่มทุนจีนไม่ได้ขาวสะอาดเสมอไป และจำนวนไม่น้อยไม่ได้มาตามช่องทางที่ถูกที่ควร

กล่าวสำหรับสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น  นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์  เครือข่ายปกป้องผู้ประกอบการไทย พร้อมด้วย  นายนรุตม์ชัย บุนนาค คณะทำงาน ร่วมกับแนวร่วมผู้ประกอบการ SMEs ไทย เรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินการตามกฏหมายกับสินค้าต่างชาติที่ทะลักเข้ามาวางขายอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐที่ปล่อยให้สินค้าเถื่อนต่างชาติทะลักเข้ามาในประเทศจนกระจายอยู่ทุกมุมเมือง

“ร้านค้าเหล่านี้ลักลอบขายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย ทำให้ราคาสินค้าต่ำเกินจริง ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs ไทย ซึ่งถูกทุนต่างชาติเข้าครอบครองจนทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หลายแห่งต้องปิดตัวลงเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันได้” นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ เครือข่ายปกป้องผู้ประกอบการไทย ระบุ

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในซูเปอร์มาเก็ตสัญชาติจีน ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายการนำเข้าอย่างถูกต้องตามมาตรฐานของประเทศไทย ไม่มีฉลากภาษาไทย หรือมีการทำฉลากภาษาไทย มีลักษณะทำขึ้นเองไม่ใช่ฉลากที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก อย. จึงไม่ผ่านมาตรฐานและคุณภาพความปลอดภัย สำหรับการวางจำหน่ายในประเทศไทย อันตรายต่อผู้บริโภค ทั้งยังหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าทำให้ราคาสินค้าต่ำเกินจริง

 เกิดคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงปล่อยให้มีการหลบเลี่ยง การนำผลิตภัณฑ์เข้ามาวางขายในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และปล่อยให้หลบเลี่ยงการเสียภาษีและนำสินค้าที่ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานของประเทศไทย มาวางจำหน่ายในทุกมุมเมืองได้อย่างเสรีเช่นนี้ 

เริ่มตั้งแต่  กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลสินค้า เหตุใดจึงปล่อยให้นอมินี ซึ่งใช้ตัวแทนคนไทยถือหุ้น เข้ามาครอบงำธุรกิจในประเทศได้อย่างไร้การควบคุม,  กรมศุลกากร  เหตุใดจึงปล่อยให้การนำเข้าสินค้าที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายไทยเข้ามาขายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชำระภาษีนำเข้า หรือการมีใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า

นอกจากนี้  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องตรวจสอบสินค้าที่วางจำหน่ายในท้องตลาดอย่างเข้มงวด เพราะจากการตรวจสอบพบว่าสินค้าจำนวนมากไม่มีฉลากภาษาไทยและไม่ได้รับรองมาตรฐานของ อย. ยังคงวางจำหน่ายได้อย่างเปิดเผย

ตลอดจน  กระทรวงการคลัง และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  ต้องบูรณาการความร่วมมือ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าใช้ช่องทาง USTD ในการทำธุรกรรม ที่ส่อว่าอาจเป็นช่องทางสำคัญในการฟอกเงินและหลบเลี่ยงการชำระภาษีได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

โดยเครือข่ายฯ ได้เรียกร้องรัฐบาลไทยให้จริงจังในการจัดการกับสินค้าที่ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ด้วยความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่ และการเรียกรับสินบน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐต้องออกมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศ เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง และรัฐต้องสนับสนุนแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นและคนตัวเล็ก เพื่อเป็นแต้มต่อสำคัญในการแข่งขันกับทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ภาครัฐนำโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เปิดปฏิบัติการตรวจสอบดำเนินคดีร้านซูเปอร์มาเก็ตขายสินค้าอุปโภคบริโภคจีนผิดกฎหมาย จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ได้มาตรฐาน


ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2567 อย. ร่วมกับ บก.ปคบ. บุกซูเปอร์มาร์เก็ตจีนที่มีชื่อว่า “ตงเฟิง” ตรวจสอบขบวนการลักลอบนำเข้าอาหารผิดกฎหมาย พบอาหารผิดกฎหมาย ไม่มี อย. ไม่แสดงฉลากภาษาไทย จำนวน 75 รายการ รวมทั้งสิ้น 2,081 ชิ้น เช่น เกลือบริโภค น้ำมันและไขมัน อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท อาหารกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ปรุงรสจากถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ อาหารพร้อมปรุงและพร้อมบริโภค อาหารสำเร็จรูปที่พร้อมบริโภคทันที อาหารทั่วไป ฝ่าฝืนมาตรา 6 (10) พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท หากพบหลักฐานเชื่อมโยงว่าร้านดังกล่าวเป็นผู้นำเข้าอาหารผิดกฎหมายเข้ามาจำหน่าย จะถือว่าฝ่าฝืนมาตรา 15 พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พร้อมขยายผลสืบหาผู้เกี่ยวข้องในขบวนการลักลอบนำเข้าอาหารผิดกฎหมาย และติดตามตรวจสอบเครือข่ายอื่นๆ ที่อาจมีพฤติการณ์เดียวกัน

“ขอเตือนให้ร้านค้าจำหน่ายสินค้านำเข้า เลือกสินค้าที่ถูกกฎหมายมาขายในร้าน หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของพี่น้องประชาชน ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากภาษาไทยมีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ระบุชื่ออาหาร ชื่อ ที่ตั้งของผู้ผลิต ผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิต หรือหมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน แสดงส่วนประกอบ น้ำหนักสุทธิ และเลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. การรับประทานอาหารที่ไม่มีเลขสารบบอาหาร (ไม่มี อย.) ไม่มีฉลากภาษาไทย อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากไม่ทราบแหล่งผลิตที่แน่ชัด ไม่มีการรับรองว่าสถานที่ผลิตนั้นถูกสุขลักษณะหรือไม่ ใส่สารใดลงไปในอาหารบ้าง” ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าว

สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นทุนจีนมีพฤติกรรมการกระทำผิดซ้ำซาก โดยทางการได้แจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัด ให้ตรวจสอบเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ มีการประชาสัพนธ์หากประชาชนพบการกระทำผิดแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line : @FDAThai, Facebook : FDAThai เป็นต้น





ต้องยอมรับว่าแม้ภาครัฐมีการดำเนินการจัดระเบียบ แต่ยังไม่สามารถควบคุมการขยายกิจการของร้านซูเปอร์มาเก็ตจีนที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วเมืองไทย พร้อมนำสินค้าราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพเข้ามาตีตลาด กำลังกระทบผู้ประกอบการร้านโชห่วยไทยอย่างหนัก เริ่มทยอยปิดกิจการเพราะต่อสู้กับทุนจีนไม่ไหว

 นายสิทธิผล วิบูลย์ธนากุล ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฏร ยอมรับว่าเป็นปัญหาที่กำลังสร้างความเดือดร้อนกระทบเศรษฐกิจไทยทุกภาคส่วน แต่เชื่อว่าหากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกโชห่วยไทย ขายของที่มีคุณภาพ ไม่เอาเปรียบลูกค้าก็สามารถฝ่าวิกฤติปัญหานี้ไปได้ เพราะร้านค้าโชห่วย คือหนึ่งในฟันเฟือนสำคัญของเศรษฐกิจไทย

ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฏร ได้ร่วมประสานงานกับสมาคม ( Ecommerce ) อิเล็กทรอนิก คอมเมิร์ซ อยู่ระหว่างดำเนินการเร่งแก้ไขปัญหากลุ่มผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนราคาถูกไม่มีคุณภาพ

 ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่าประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก โชห่วยขนาดกลาง จำนวน 18,735 ร้านค้า และโชห่วยขนาดเล็กประมาณ 400,000 ร้านค้าทั่วภูมิภาค 

ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาคลื่นทุนจีนที่  “นิวไซน่าทาวน์” หรือ “ไซน่าทาวน์ ห้วยขวาง”  ซึ่งถือย่านการค้าขายที่ถูกจับตามองถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจเทียบเคียง  “ไซน่าทาวน์ เยาวราช”  สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ดึดดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก แม้ปัจจุบันจะซบเซาลงไปมาก โดยเฉพาะธุรกิจอาหารจีนหม้อไฟหมาล่าหม้อไฟที่เคยเป็นกระแสทยอยปิดตัวไปก็ตาม

ทั้งนี้ เนื่องเพราะหลายปีที่ผ่านมา ย่านประชาราษฎร์บำเพ็ญ ห้วยขวาง เป็นหมุดหมายของนักลงทุนชาวจีนรุ่นใหม่ ส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการไทยในพื้นที่ย้ายออก เต็มไปด้วยทุนจีนพรึบพรั่บจนได้รับการขนานนามเป็น  “มณฑลห้วยขวาง” 

อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายปี 2566 หลังจากสำนักงานเขตห้วยขวางได้ลงไปกวดขันและตรวจสอบการประกอบธุรกิจของชาวจีนในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากมีข้อเรื่องร้องเรียนต่างๆ เช่น คนจีนเข้ามาประกอบอาชีพอะไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เป็นต้น โดยหลังจากได้ตรวจสอบใบอนุญาตต่างๆ เช่น การจดทะเบียนธุรกิจ ตลอดจนอาหารที่นำมาขายนั้นได้รับการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่ามีร้านอาหารจีนจำนวนมากที่เปิดโดยไม่มีใบอนุญาต สำนักงานเขตจึงออกคำสั่งให้ทุกร้านมาทำใบอนุญาต บางร้านก็สามารถทำได้และทำไม่ได้ เพราะการทำใบอนุญาตมีหลายเงื่อนไข ทั้งต้องทำบ่อดักไขมัน บันไดหนีไฟ ฯลฯ

ขณะเดียวกันบางร้านมองว่าการทำใบอนุญาตเป็นการผูกมัดและยุ่งยาก หรือที่ไม่สามารถทำได้แพราะเป็นตึกเช่า และโครงสร้างของตึกไม่สามารถเปิดร้านอาหารได้อย่างถูกต้อง จึงปิดกิจการไปแทน

หรือบางร้านแม้จะขออนุญาตถูกต้อง แต่เปิดกิจการไปแล้วมีปัญหา เช่น มีปัญหาเรื่องสุขอนามัย ถูกสั่งให้ปรับปรุง ติดตั้งเครื่องดักไขมัน เครื่องดูดควัน แต่ไม่ยอมแก้ไข เพราะไม่อยากลงทุนเพิ่ม ก็เลือกที่จะปิดกิจการไปเอง ส่วนบางรายต้องแข่งขันสูงกับธุรกิจหม้อไฟหมาล่าด้วยกันเองจนสู้คู่แข่งไม่ไหว ยอดขายลดลง นักท่องเที่ยวจีนก็ไม่มาตามคาดสุดท้ายต้องทยอยปิดกิจการไป

 คงต้องติดตามว่ารัฐบาลไทยจะพลิกเกมอย่างไร หลังการรุกคืบของทุนจีนเข้ามาเปิดธุรกิจต่างๆ ทั้ง ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ฯลฯ กระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจท้องถิ่นของไทย. 




กำลังโหลดความคิดเห็น