ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Paris Motor Show 2024 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mondial de l’Auto ปีนี้ ยังมีสีสันและสิ่งใหม่ๆ ให้เดินดู เพียงแต่ไม่เยอะเท่ากับที่ผ่านมาๆ ด้วยปกติแล้วการจัดงานมอเตอร์โชว์สไตล์ยุโรปจะที่เน้นไปการ Showcase ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะสะท้อนสภาวะ ‘ขาลง’ ของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับในปี 2024 ปารีส มอเตอร์โชว์จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-20 ตุลาคม ที่ Paris Expo Porte de Versailles เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตามปกติแล้ว งานโชว์นี้จะจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปีในปีค.ศ.ที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ เรียกว่าเป็นการจัดงานแบบสลับปีกับแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ (เดิม) และโตเกียว มอเตอร์โชว์ (เดิม)
ทั้งนี้ แม้ว่า รถยนต์พลังไฟฟ้า จะได้รับความสนใจและเป็นเทรนด์ใหม่ แต่งานนี้หลายแบรนด์ก็ยังให้ความสนใจกับรถยนต์ที่ใช้ เครื่องยนต์สันดาป ภายในอยู่ ทั้งในรูปแบบปกติ ไฮบริด และ PHEV
กล่าวสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น ด้วยความที่มีปัญหาในเรื่องมาตรการภาษีกับรถยนต์จากจีน ดังนั้น รถยนต์พลังไฟฟ้าซึ่งร่วมจัดแสดงส่วนใหญ่ในงานนี้จึงเป็นแบรนด์ที่อยู่ในยุโรป โดยเฉพาะซีตรอง เรโนลต์ เปอโยต์ รวมถึง Alpine ที่เป็นแบรนด์รถสปอร์ตของเรโนลต์ที่เป็นเจ้าถิ่น
ที่เด่นๆ และเข้าตาก็เช่น 4E-Tech Electric ซึ่งเป็นรถยนต์ CrossOver แบบไฟฟ้าที่ถูกเรียกว่า voiture à vivre ในภาษาฝรั่งเศส หรือ A Car for living พร้อมกับตัวถังที่มีความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 1,045 ลิตร
ซีตรอง มากับรุ่นปรับโฉมของ Ami รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่อ้างอิงคอนเซ็ปต์มาจากรุ่น 2CV อันโด่งดังในอดีต ตามด้วย รุ่น C5 Air Cross ยังเป็นต้นแบบ แต่ก็ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ส่วน เปอโยต์ มีทั้ง e-3008 และ e-5008 ที่แล่นทำระยะทางได้ 700 และ 667 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามลำดับ ส่วนรุ่นใหม่เลยคือ e-408 ในสไตล์ CrossOver เปิดตัวมากับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 207 แรงม้า และแล่นได้ 452 กิโลเมตร
ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ซึ่งเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าก็มีทั้ง สโกดา กับรุ่น Elroq ซึ่งเป็น BEV รุ่นที่ 3 ของแบรนด์ที่ถูกส่งทำตลาด ตามด้วย มินิ กับงานโมดิฟายของ John Cooper Works กับรุ่น Cooper SE JCW รีดกำลังออกมาได้ 254 แรงม้ากับการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน และ อาวดี้ มากับรุ่น Q6 e-tron Sportback ที่มีกำลังสูงสุด 482 แรงม้า และแล่นทำระยะทางได้ 654 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ส่วนค่ายจีนก็ยังมีบ้าง เช่น BYD กับรุ่น Sealion7 และ Yangwang U8 แต่ก็เป็นแบบ PHEV ไม่ใช่ BEV ขณะที่ Leapmotor แบรนด์จีนที่เข้ามาเปิดตลาดในยุโรป เผยโฉมรุ่น B10 ซึ่งเป็น BEV ที่มีค่าตัวราวๆ 30,000 ปอนด์ และจะเริ่มขายในปีหน้า
ขณะที่ รถเครื่องยนต์สันดาป ก็ต้องใช้คำว่า “ยังคงมีอยู่และไม่ได้หายไปไหน”
เริ่มกับ ซีตรอง เปิดตัวรถยนต์ที่ถูกมองว่าเป็น New Era หรือศักราชใหม่ในการทำตลาดของแบรนด์ในอนาคต โดยจะมีทั้ง C4 และ C4X ที่ได้รับการเพิ่มความสดใหม่ตลอดทั้งคัน รวมทั้ง Dacia ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์โรมาเนียแต่อยู่ในเครือเรโนลต์ เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์รุ่น Bigster ที่มีขนาดใหญ่กว่า Duster และมีราคาอยู่ที่ 30,000 ปอนด์ โดยจะเป็น SUV ที่อยู่ในตลาด C-Segment
โฟล์คสวาเกน เปิดตัวรุ่น Tayron ซึ่งป็น SUV แบบ 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ Tiguan Allspace มีขนาดตัวถัง 4,770 มิลลิเมตร ส่วน อัลฟา โรมิโอ เปิดตัว SUV 2 รุ่นใหม่ คือ Junio ที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 1,200 ซีซี เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า รีดกำลังออกมาได้ 134 แรงม้า และรุ่นปรับโฉมของ Tonale ซึ่งเป็น SUV ขนาดกลาง
อย่างไรก็ดี ในแง่ของภาพรวมงาน ต้องยอมรับว่าถ้าตัดเรื่องของจำนวนแบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วม และรถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวในแบบ ‘ครั้งแรกของโลก’ หรือ World Premier ออกไป ถือว่า Paris Motorshow 2024 ยังมีสีสันและสิ่งใหม่ ๆ ให้เดินดู เพียงแต่ไม่เยอะเท่ากับที่ผ่านมาๆ