“ลุงป้อม” ซวยซ้ำเพราะ “บอสพอล” “ท่าน ส. ทำ “บ้านป่าฯ” เละเป็นโจ๊ก

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ท่ามกลางมรสุมดรามาธุรกิจฉาว “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ที่วันนี้บรรดา “บอส” ต้องคดีความเปลี่ยนสถานะเป็น “ผู้ต้องหา” ไปตามๆ กัน ก็มีคิวแทรกที่พันตูมาถึง “คนการเมือง” กับ “คลิปหลุด-คลิปลับ” ที่เป็นเสียงสนทนาของผู้ชาย 2 คน เนื้อหาเป็นการเจรจาต่อรองผ่านทางโทรศัพท์เกี่ยวกับคดีความบางเรื่อง ที่ไม่ได้ระบุว่า เป็นเรื่องใดชัดเจน

โดยฝ่ายหนึ่ง ก็เป็น “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ยอมรับว่าเป็นเสียงของตัวเอง และโพสต์ถึงคู่สนทนาชื่อย่อ “ท่าน ส.” ที่เป็นนักการเมือง ซึ่งเป็นการพูดคุยกันเมื่อราว 2-3 ปีก่อน

หลังคลิปถูกนำไปเผยแพร่ “บอสพอล” ได้โพสต์ข้อความขีดเส้นตายให้สื่อมวลชนลบคลิปเสียงหลุด โดยอ้างว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น พร้อมยกกฎหมายความผิดฐานดักฟัง และเผยแพร่ขึ้นมาขู่ด้วย

ในโพสต์เดียวกัน “บอสพอล” ยืนยันว่า ไม่เคยให้เงิน “นักการเมือง ส.” แม้แต่บาทเดียวแต่เป็นแนวคิดที่จะให้ค่าตอบแทนรายเดือนในฐานะที่ปรึกษาบริษัทเท่านั้น ทว่า ด้วยเวลาที่ไม่ตรงกัน จึงไม่ได้เชิญมาเป็นที่ปรึกษาแต่อย่างใด

“ผมเองมานอนคิด แล้วรู้สึกว่าทำให้ ท่าน ส. นั้นเสียหายอย่างมาก จึงควรต้องออกมาชี้แจง ผมขอกราบเท้าขอโทษ ท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้ท่านเสียหาย”บอสพอลระบุหลังเคยให้สัมภาษณ์ดักคอเสร็จสรรพว่า ไม่ใช่ “เสียงเอไอ” แน่นอน
ก่อนที่ในเวลาไม่นาน “บอสพอล” จะได้ลบข้อความดังกล่าวออกจากเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยไม่ทราบเหตุผล ส่วนคลิปก็ยังแชร์กันว่อนในสังคมออนไลน์ต่อไป โดยที่ทนายความ “บอสพอล” ก็ยืนยันว่า ไม่ได้มีการฟ้องร้องสื่ออย่างที่ลูกความขู่ไว้

ต้องบอกว่าการกระทำของ “บอสพอล” ดูเหมือนจะพยายามปกป้อง “ท่าน ส.” นั้นก็เป็นหนึ่งใน “การละคร” ของบอสใหญ่อาณาจักรดิ ไอคอน กรุ๊ป แต่ความเป็นจริงแล้วต้องการเบี่ยงกระแส และลากบรรดา “ตัวละครลับ” ให้ตกพุ่มซวยไปด้วยเท่านั้น
หลังคลิปหลุดออกมาไม่นาน ก็เป็น “เสี่ยจ๊อบ” สามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่จู่ๆ ก็ออกมาปฏิเสธเป็นพัลวันว่า ไม่ใช่เสียงของตนเอง และหากใครมาพาดพิง หรือกล่าวหา ก็จะดำเนินการทางกฎหมายทันที

และหากจำกันได้ ช่วงที่ทำหน้าที่องครักษ์ “ลุงป้อม” อยู่ ตัว “เสี่ยจ๊อบ” ก็ออกหน้าพยายามเคลียร์กรณี “คลิปหลุด” ให้กับ “ลุงป้อม” ที่ถูกปล่อยบทสนทนากับลูกน้อง-ข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชา ออกมาหลายคลิป เนื้อหาทำนองมักใหญ่ใฝ่สูงถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ผลประโยชน์เงินทอง และการแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง
ซึ่ง “เสี่ยจ๊อบ” ไม่พูดพร่ำทำเพลงทุบเปรี้ยงเลยว่า เป็นคลิปทำขึ้นด้วย “เสียงเอไอ” เพื่อต้องการดิสเครดิต “ลุงป้อม” ทั้งที่ใครได้ยินได้ฟังก็ล้วนปักใจเชื่อว่า ทั้งสำเนียง-น้ำเสียง รวมถึงประเด็นต่างๆ ก็ตรงลักษณะของ “บิ๊กบอสบ้านป่ารอยต่อ” แบบเป็นใครไปไม่ได้
อย่างไรก็ดี กรณีของ “ลุงป้อม” อาจมองได้ว่าเป็น “เหยื่อ” ที่เผลอไผลพูดในบางเรื่องแบบไม่อ้อมค้อมจนถูก “คนใกล้ชิด” แอบอัดเสียงไว้เพื่อรอจังหวะงัดขึ้นมา “แบล็กเมล์”

ลือเลื่องว่า วันนี้ใครไปใครมาในบ้านป่ารอยต่อ ถ้าเกิดรูปร่างลักษณะ และดีกรีด้านการศึกษาเป็น “ดร.ผู้หญิง” เหมือน “มือดี” ที่แอบอัดเสียง “ลุงป้อม” มีอันต้องถูกตะเพิดออกจากบ้านทุกรายไป

กระนั้นก็ดี คงต้องบอกว่า เป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ที่ “ลุงป้อม” ต้องเผชิญกับ “คลิปลับ-คลิปหลุด” ในระยะเวลาที่ไม่ห่างกันเท่าใดนัก แถมเที่ยวนี้ทุกเสียงทุกสายก็พุ่งเป้ามาที่ “พรรคพลังประชารัฐ” จนทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเสียหายอย่างหนัก ชนิดที่ทำให้ “นายใหญ่คนเสื้อแดง” หัวร่อง่อหายอย่างมีความสุขแบบสุดๆ

ส่วนในยามที่ยังไม่สามารถฟันธงเปรี้ยงแบบเปิดเผยว่า “ท่าน ส.” คือใครคงต้องยกให้ “สิระ เจนจาคะ” อดีต สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และอดีตหัวหมู่ทะลวงฟันบ้านป่ารอยต่อ ที่ออกมา “ลากไส้” ผู้มีสมญาว่า “ท่าน ส.” เจ้าของเสียงในคลิปสนทนากับ “บอสพอล” ได้อย่างถึงเครื่องกว่าใคร
โดย “สิระ” เรียก “ท่าน ส.” เต็มปากเต็มคำแบบไม่สนดรามาบูลลี่ว่า “ไอ้เตี้ย” พร้อมแฉพฤติกรรมว่า คนๆ นี้เคยได้ตำแหน่งในกระทรวงๆ หนึ่งและไปหาผลประโยชน์ภายในกระทรวงจนโดนให้ออกจากตำแหน่ง และเคยตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแชร์ลูกโซ่-ขายตรง เอาข้อมูล “เหยื่อ” เพื่อจะได้รู้เป้าหมายไปรีดไถ “เหยื่อ” ซ้ำอีก โดยอ้างว่า เป็นค่าดำเนินการ
ส่วนเรื่องที่คุยเขื่องว่าล็อบบี้สั่งการคณะกรรมาธิการในสภาฯ หรือบงการผู้บริหารระดับสูงของ สคบ.ได้นั้น ก็แค่ “ขี้โม้” อาศัยแค่ได้อยู่ข้าง “ลุง” รวมทั้งไปเดินกร่างและแถลงข่าวในห้องแถลงข่าวที่สภาฯ ทั้งที่ไม่เคยเป็น สส.
“สิระ” ซึ่งเคยปวารณาตัวเป็นลูกศิษย์ “หลวงพ่อป้อม” และเคยออกมาแสดงความห่วงใย “ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร” ช่วงที่ถูกปรับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และมีคลิปหลุด ก็ยังฝากไปถึง “ลุงป้อม” ด้วยความปรารถนาดีว่า ให้เขี่ย “ไอ้เตี้ย” ให้พ้นตัว หากยังเอาไว้ “ลุงป้อม” จะไม่เหลือใครเลย

สอดรับกับคิว “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ที่หลังๆ “เสียหลัก” ไปพอสมควร ก็โดดมาเกาะกระแส บุกไปยื่นหนังสือถึง “พล.อ.ประวิตร” ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อขอให้พรรคมีมติขับ “ท่าน ส.” ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จากกรณีที่มีข้อสังเกตว่า อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจฉาว “ดิ ไอคอน กรุ๊ป”
และจริงๆ แล้ว “ทนายตั้ม” ก็เปิดชื่อเสียงเรียงนามออกมาแบบโจ่งแจ้งเป็นที่เรียบร้อย

โดย “ทนายตั้ม” อ้างว่าจากการสอบถาม “สิระ” รวมไปถึง “เฮียหนุ่ม” วัน อยู่บำรุง อดีต สส.กทม. ที่วันนี้มาเป็น กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ต่างยืนยันว่า เสียงที่ปรากฎในคลิปสนทนากับ “บอสพอล” นั้นคือ “ใคร” ถือว่าทำให้พรรคพลังประชารัฐเสื่อมเสีย

พร้อมตอกย้ำถึงพฤติกรรม “บางคน” ที่เบื้องหน้าทำทีต่อสู้เรื่องของแชร์ลูกโซ่ แต่เบื้องหลังไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย เส้นเรื่องเดียวกับที่ “สิระ” พูดถึง “ไอ้เตี้ย” ด้วย
ตามสมการที่ว่าไปทั้งหมดก็พอสรุปได้ว่า “ท่าน ส.” กับ “ไอ้เตี้ย” คือคนๆ เดียวกัน ส่วนจะถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ คงต้องถามใจ “ลุงป้อม” เช่นเดียวกับการดำเนินคดีซึ่งเป็นเรื่องที่กระบวนการยุติธรรมต้องทำหน้าที่ต่อไป

แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้แบบต้องฉุกคิดไม่แพ้กันก็คือ การ “ทนายตั้ม” ถึงเปิดศึกกับพรรคพลังประชารัฐแบบเปิดเผยนั้น สะท้อนให้เห็นภาพในอีกมิติหนึ่งว่า “ลูกพี่โจ๊ก” ที่เคยเป็นอดีตลูกรักนั้น แตกหักกับลุงเป็นที่เรียบร้อย

ห่วงก็แต่ “ลุงป้อม” ที่ยังเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เชื่อลมปากจนพรรคแทบพัง เสียทั้งเงิน เสียทั้งอำนาจบารมีที่สั่งสมไว้ กอดไว้ได้แค่ตำแหน่ง สส. รอแค่วันอัศดงทางการเมือง ผิดกับ “ท่าน ส.” อู้ฟู่อมแก้มตุ่ย แล้วยังหาเรื่องหาเหตุให้ “ลุง” ไม่เว้นแต่ละวัน

ปล่อยให้ “นักตบทรัพย์” ที่ไร้โปรไฟล์การเมือง มาเป็นคนโปรดข้างกาย “ลุงผู้ยิ่งใหญ่” ก็ไม่แปลกที่พรรคพลังประชารัฐที่มี สส.ไม่ใช่น้อยจะตกต่ำถึงเพียงนี้ และจะยิ่งตกต่ำไปจนหาทางกลับมาไม่ได้ ไร้ที่ยืนทางการเมือง