xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใต้เงาจีน ภาค 2 (10) เหมือนป่ากลายเป็นหิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพ : วิกิพีเดีย)
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล

หลังจากสอบประวัติของหญิงจีนกว่าสิบคนที่ถูกล่อลวงมาค้าประเวณีแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องส่งพวกเธอทั้งหมดกลับไปยังบ้านเกิดที่เมืองจีน และผมยังคงต้องเดินทางไปพร้อมพวกเธอกับ จนท.ของศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กอีกสามคน คราวนี้ จนท. ที่ไปเป็นชายสองหญิงหนึ่ง โดยหญิงที่ไปด้วยเป็นฝรั่ง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไปกันเป็นคณะราว 20 คน

เนื่องจากมีหญิงจีนจำนวนมากและต่างก็ไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน พวกเธอจึงดูดีใจที่จะได้กลับบ้านและตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องบิน เวลาเครื่องบินบินขึ้นและลงพวกเธอจึงร้องด้วยความหวาดเสียวแล้วก็หัวเราะขำตัวเองที่ร้อง

พอไปถึงคุนหมิงก็มี จนท.ตม. มารับเหมือนคราวที่แล้ว แต่คราวนี้คนที่มารับไม่ใช่คนเดิม ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าทางนี้ได้มีการแบ่งงานกันทำใหม่ โดยกำหนดฝ่ายและตัว จนท. ที่รับผิดชอบให้แน่นอนลงไป หมายความว่า แต่นี้ไปเราจะต้องเจอกับ จนท. กลุ่มนี้ไปตลอด ซึ่งรวมถึงการเดินทางที่อาจจะมีมาในคราวต่อๆ ไปด้วย

จากเหตุนี้ พวกเราจึงได้รู้จักมักคุ้นกับ จนท. กลุ่มนี้ไปอีกยาวนาน ส่วนคนที่เจอซ้ำกันหลายครั้งก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา และโดยที่ผมต้องเดินทางมาทุกครั้ง (ในโอกาสต่อๆ ไป) จึงมีผมเพียงคนเดียวที่สนิทกับเพื่อนคนจีนเหล่านี้มากที่สุด ในขณะที่ จนท. ศูนย์ฯ จะเปลี่ยนสลับกันบ้าง จึงไม่มีใครที่สนิทเท่าผม

โดยคนที่ผมควรกล่าวถึงเป็นคนแรกก็คือ  คุณหวัง  ซึ่งเป็น จนท.ของ ตม.ประจำคุนหมิง และเป็นล่ามที่ใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี คุณหวังจบปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัย แล้วสอบเข้ามาเป็นข้าราชการใน ตม. ถือได้ว่ามีความรู้ความสามารถพอสมควรจึงสอบเข้ามาได้ และด้วยวัยที่ไม่ห่างกันมาก เราจึงคุยกันถูกคอจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา

นอกจากคุณหวังแล้วก็ยังมีอีกสองคนคือ คุณต้วนกับคุณมู่ โดยคนแรกเป็นชายและคนหลังเป็นหญิงชนชาติพันธุ์ที่กลายเป็นจีนไปแล้ว คือถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้ว่าเธอคือชนชาติพันธุ์ ทั้งสามคนนี้จะว่าไปแล้วเราต่างก็สนิทพอๆ กัน เพียงแต่ว่าคุณหวังซึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามจึงทำให้ผมได้คุยกับเขามากกว่าใครในสามคนนี้ ผมจึงได้ฟังอะไรจากคุณหวังมากกว่าใคร ก็เลยดูเหมือนว่าสนิทมากกว่าใคร

พวกเราสนิทกันถึงขนาดว่า ปัญหาการล่อลวงหญิงจีนได้สงบลงไปแล้ว และการวิจัยเรื่องนี้ของผมก็เสร็จมาร่วมสามทศวรรษแล้ว ผมก็ยังคงคบหากับเพื่อนคนจีนเหล่านี้มาจนทุกวันนี้ โดยทุกครั้งที่ผมไปคุนหมิงหรือเพื่อนเหล่านี้มาเมืองไทย พวกเราเป็นต้องได้พบเจอกันทุกทีไป จนเมื่อพวกเราทุกคนต่างเกษียณกันไปแล้ว การพบเจอกันจึงน้อยลง จนเมื่อโควิด-19 ระบาดก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าไปยังตัวเมืองคุนหมิงแล้ว พวกผมก็แยกกับหญิงจีนทั้งหมด ด้วยทางจีนให้เราพักกันคนละที่ โดยผมกับ จนท. ศูนย์ฯ พักโรงแรม ส่วนหญิงจีนพักที่สถานพักฟื้นที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักงาน ตม. เพราะพวกเธอจะต้องรอสอบประวัติและให้ปากคำกับทางจีน ก่อนจะส่งตัวกลับไปยังบ้านเกิด

การแยกกันคราวนี้ดีกว่าคราวแรกก็ตรงที่ไม่ได้แยกกันขาดแบบไม่เจอกันอีก เพราะคราวนี้เรายังได้พบเจอและพูดคุยกับพวกเธอเหล่านี้ด้วยการจัดการของฝ่ายจีน พอได้พบกันพวกเธอก็ดีใจด้วยคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีก แต่คราวนี้พวกเธอมีความรู้สึกสองแบบ แบบหนึ่ง รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน อีกแบบหนึ่ง รู้สึกเศร้าใจที่จะไม่ได้เจอ “พี่พี่” จากศูนย์ฯ อีก

แต่ด้วยความมีน้ำใจและจิตใจอันงดงาม พวกเธอต่างก็บอกกับพวกเราว่าจะต้องไปเยี่ยมเธอให้ได้ ซึ่งเราก็รับปากว่าจะพยายามไปให้ได้ ผมยังจำภาพตอนที่พวกเราได้เวลาที่จะต้องกล่าวคำอำลากับพวกเธอนั้น หลายคนต่างพากันร้องห่มร้องไห้

 แน่นอนว่า น้ำตาหยดนั้นไม่ได้ร้องให้กับผม แต่ร้องให้กับพวก “พี่พี่” ที่ดูแลพวกเธอมาอย่างดีจนเหมือน “พี่” จริงๆ นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า การบริหารจัดการดูแลหญิงเหล่านี้ที่บ้านพักของศูนย์ฯ จะต้องดีมากจนเกิดความรักและความผูกพันในระหว่างกัน เห็นแล้วก็รู้สึกปลาบปลื้มใจและชื่นชมการทำงานของศูนย์ฯ นี้อย่างมาก 

หลังจากแยกจากกันแล้ว ตอนนี้ก็เหลือพี่ไทยสามคนกับแหม่มฝรั่งหนึ่งคน พวกเราทั้งสี่คนยังคงต้องคุยธุระปะปังกับทาง ตม. จีนอยู่อีกประมาณหนึ่งในเรื่องของการประสานงานที่จะมีขึ้นในอนาคต ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี แต่หลังจากเสร็จเรื่องงานแล้ว ทางฝ่ายจีนก็พาพวกเราสี่คนไปทัศนศึกษาที่ป่าหินหรือสือหลิน (石林)
 
ป่าหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจีน มีพื้นที่ราว 500 ตารางกิโลเมตร แต่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2007 นั้นครอบคลุมพื้นที่ราว 400 ตารางกิโลเมตร การที่จีนตั้งชื่อว่า ป่าหิน นับว่ามีความเหมาะสมอยู่มาก เพราะสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแท่งหินตั้งตระหง่านด้วยรูปทรงต่างๆ ที่คล้ายต้นไม้ แต่ละแท่งจะมียอดชี้ฟ้าและมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เหมือนกัน โดยที่เมื่อมองแต่ไกลแล้วจะดูคล้ายกับป่าทึบละลานตา ทั้งที่จริงแล้วเป็นหิน 



ว่ากันว่า ป่าหินนี้เป็นหินปูนที่เกิดจากการทับถมของตะกอนในทะเลน้ำตื้นเมื่อราว 270 ล้านปีก่อน พอน้ำทะเลลดลงจนกลายเป็นแผ่นดินดังที่เห็น หินปูนที่ทับถมกันมานานก็แข็งเป็นหินแท่งที่มียอดชี้ฟ้า บางยอดก็แหลม บางยอดก็ไม่ และด้วยความที่ดูเหมือนป่าเหมือนดง ป่าหินจึงมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาก็ตรงนี้

การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกนี้ ทำให้ทางการจีนได้ปรับภูมิทัศน์ให้เป็นระเบียบและปลอดภัย โดยเฉพาะการเดินชมป่าหินตามจุดต่างๆ จะทำเป็นทางเดินที่ค่อนข้างสะดวก แต่ก็ไม่กว้างจนไปทำลายหินปูนจนเกินไป ทางเดินนี้จึงค่อนข้างแคบ เวลาเดินสวนกันทีอาจจะต้องเบียดตัวเล็กน้อยให้ผ่านกันไปได้ในบางจุด

แต่ด้วยเหตุที่มีลักษณะตามที่กล่าวมา เวลาเดินผ่านแต่ละจุดของป่าหินจึงเดินแบบลัดเลาะและขึ้นลง เหมือนกับเวลาเดินขึ้นลงภูเขา จะต่างกันก็ตรงที่ว่า ป่าหินไม่ได้สูงชันแบบภูเขา แต่ก็ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่า

การที่จะเดินยลป่าหินให้ประทับใจนั้น ว่าที่จริงแล้วควรเดินแบบละเลียดไปทีละจุด แล้วหยุดดูถึงรูปทรงที่แปลกตาของแท่งหินตามจุดนั้นๆ ซึ่งต้องยอมรับว่างดงามและชวนแปลกตาจริงๆ เช่น จุดที่เป็นหินก้อนใหญ่ที่สูงประมาณท้องของเรานั้น ดูภายนอกก็เหมือนก้อนหินใหญ่ธรรมดาๆ แต่พอเคาะดูแล้วจะมีเสียงก้องกังวานที่ทำให้รู้ว่าภายในหินก้อนนี้กลวง หรือบางจุดก็เป็นแท่งหินที่ดูคล้ายคนบ้าง สัตว์บ้าง เป็นต้น

ยิ่งใครที่ชื่นชอบธรรมชาติแล้วได้มาเยือนป่าหินแล้ว เชื่อว่าจะต้องชื่นชมในความอัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งนี้

 ปัจจุบันป่าหินได้มีการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น มากกว่าตอนที่ผมไปเยือนเมื่อราว 30 ปีก่อน ซึ่งหมายถึง ห้องน้ำห้องท่าที่สะอาดสะอ้าน ที่จอดรถ ทางเดินขึ้นลงป่าหินที่ดูมีความปลอดภัยมากขึ้น ฯลฯ 
ส่วนผมซึ่งไม่มีความรู้เรื่องธรรมชาติที่ลึกซึ้งนั้น หลังจากการมาเยือนป่าหินในครั้งนั้นแล้วก็ยังคงได้มาอีกหลายครั้ง จนจำไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเบื่อ มีก็แต่เมื่อยเท่านั้น คือเมื่อยแข้งเมื่อยขาจากที่ต้องเดินขึ้นลงป่าหินนานนับชั่วโมง ดีที่ป่าหินอยู่ไกลจากคุนหมิงราว 90 กิโลเมตร การเดินทางไปกลับจึงไม่ทำให้ปวดหลังซ้ำเติมไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น