คำขาดที่มาช้าไป

ครบรอบ 2 อาทิตย์ที่อิหร่านส่งขีปนาวุธสุดทันสมัยไร้เทียมทานด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเสียง และสามารถฝ่าแนวสกัด Iron Dome ของอิสราเอลได้ผลถึง 90% (ตรงข้ามกับคำโกหกของโฆษก IDF และนายพลอเมริกันจาก CenCom ที่ออกมาแถลงว่า เรือรบอเมริกันที่ลอยคออยู่ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ร่วมยิงสกัดได้ถึง 90%)

นายกฯ จอมเหี้ยมหรือฮิตเลอร์ที่ 2 ได้ยิงถล่ม (บอกว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน ทั้งๆ ที่อิหร่านถูกโจมตีก่อนและสะสมการโจมตีล้างแค้นมาตั้งแต่นายพลสุไลมานีโดยโดรนพิฆาตยิงถล่มสังหารต้นปี 2020 ปลายสมัยทรัมป์, นายพลอิหร่านสองคนถูกโดรนยิงถล่มตายที่สถานกงสุลอิหร่านที่เมืองดามัสกัสของซีเรีย; ทูตอิหร่านประจำเลบานอนถูกวางระเบิดจากเพจเจอร์พร้อมๆ กับทหารของเฮซบอลเลาะห์ถึง 3,000 กว่าคน จนทำให้ตาบอดและบาดเจ็บพิการจำนวนหลายพันคน; นายทหารของอิหร่านถูกสังหารไปพร้อมๆ กับผู้นำนัสรัลเลาะห์ ของเฮซบอลเลาะห์เมื่อปลายเดือนกันยายน ซึ่งทั้งหมดนี้อิหร่านประกาศว่าถูกโจมตีจากอิสราเอลก่อน และต้องล้างแค้นจึงส่งขีปนาวุธทรงพลังมาเมื่อ 1 ตุลาคม...และได้ประกาศหยุดภารกิจล้างแค้นทันที โดยไม่ต้องการให้มีการขยายยกระดับสงครามในภูมิภาคเกิดขึ้น) โดยยิงขีปนาวุธไปยังตอนใต้ของเลบานอนที่ตั้งของนักรบเฮซบอลเลาะห์

ทำให้ประชาชนถึง 1.2 ล้านคนต้องอพยพขึ้นเหนือเพื่อหนีระเบิด โดยฮิตเลอร์ที่ 2 และนายโยอาฟ กัลแลนต์ รมต.กลาโหมของอิสราเอล ได้ประกาศจะทำให้เลบานอนราบเรียบ (เป็นเหมือนผิวดวงจันทร์) แบบกาซา และข่มขู่ว่า จะใช้อาวุธร้ายแรงถล่มกรุงเบรุต พร้อมประกาศข่มขู่ชาวคริสเตียนและชาวสุหนี่ในเลบานอน ให้ออกมาประณามและแยกตัวออกจากเฮซบอลเลาะห์ ถ้ายังไม่อยากตายอย่างเฮซบอลเลาะห์...ล่าสุด IDF ได้ยิงถล่มไปถึงตอนเหนือของเบรุตแล้ว แม้แต่ใจกลางเบรุตในย่านชอปปิ้งก็โดนถล่ม บ้านเรือนตึกรามพังทลาย ผู้คนบริสุทธิ์ล้มตายมากกว่า 2 พันคนภายในเวลาแค่ 2 อาทิตย์...ช่างเหมือนฮิตเลอร์ที่ 1 ที่บุกตะลุยทำสงครามจากโปแลนด์ไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปและแอฟริกา

เลขาธิการยูเอ็นเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงและขอให้หยุดยิง ก็ถูกทูตอิสราเอลประจำยูเอ็นสั่งให้เลขายูเอ็นเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา; ไม่ให้เข้าประเทศอิสราเอล เพราะกล่าวหาว่าเลขายูเอ็นเข้าข้างเฮซบอลเลาะห์; รวมทั้งปธน.มาครงของฝรั่งเศส ได้ร่วมกับปธน.ไบเดนและอีกหลายๆ ประเทศได้ขอให้มีการหยุดยิง 3 อาทิตย์ที่เลบานอน...ซึ่งอิสราเอลไม่ตกลง... แน่นอนว่าทั้งอิหร่านและเลบานอนก็ต้องการให้หยุดยิง แต่ถ้าอิสราเอลไม่ยอมหยุดยิงแต่ยังเดินหน้ายิงถล่มเลบานอน ทำให้ผู้คนล้มตาย; อิหร่านและเฮซบอลเลาะห์ก็พร้อมตอบโต้อย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น

จนถึงขณะนี้ อิสราเอลยังไม่ได้ถล่มบ่อน้ำมันและฐานทดลองนิวเคลียร์ของอิหร่านดังที่ได้ประกาศไว้ แต่อยู่ในช่วงที่กำลังหารือกับสหรัฐฯ ที่ได้ส่งนายพลจาก CenCom มาพร้อมเหนี่ยวรั้งไม่ให้อิสราเอลเดินหน้าดังได้ประกาศ พร้อมๆ กับปธน.ไบเดนก็ได้ออกมาพูดผ่านสื่อว่า ไม่เห็นด้วยกับเป้าทั้งสองที่อิสราเอลประกาศจะเข้าทำลาย เพราะสหรัฐฯ ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งขึ้น และการขยายยกระดับสงครามในภูมิภาคขณะใกล้เลือกตั้งที่สหรัฐฯ เต็มที

เมื่อเช้าวันพุธที่ 16 ตุลาคมนั่นเอง ก็มีรายงานทั้งในบีบีซีและซีเอ็นบีซีว่า มีจดหมาย (ลับ) จากรมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ (บลิงเคน) และรมต.กลาโหม (ออสติน) เขียนไปถึงรมต.กลาโหมอิสราเอล กัลแลนต์-และรมต.กิจการยุทธศาสตร์ (Strategic Affairs) ชื่อ Ron Dermer ว่า

ขณะนี้ สหรัฐฯ ต้องประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา โดยยกเอากฎหมายของสหรัฐฯ มาพิจารณาว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (อาหาร, ยา, น้ำ, เต็นท์, ผ้าห่ม เป็นต้น ที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต) ที่สหรัฐฯ อยู่ในระหว่างการจัดส่งไปให้ประชาชนชาวกาซา (โดยเฉพาะทางตอนเหนือ) ได้มีการขัดขวาง จะโดยทางตรงหรือทางอ้อมจากทางการอิสราเอล; ถ้าเป็นเช่นนั้น สหรัฐฯ ขอเตือนทางการอิสราเอลว่า : สหรัฐฯ อาจหยุดส่งความช่วยเหลือทางการทหารไปยังอิสราเอลได้ โดยให้เวลา 30 วันที่อิสราเอลต้องแก้ไข

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นายแมทธิว มิลเลอร์ จำใจต้องออกมายอมรับกับนักข่าว (หลังถูกคะยั้นคะยอกดดัน) ว่า มีจดหมายทั้งสองฉบับจริงๆ ได้เขียนไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคมนี้เอง...แต่นายแมทธิวไม่สามารถตอบนักข่าวได้ว่า ผลลัพธ์ที่อิสราเอลจะถูกตอบโต้จากสหรัฐฯ จะถูกลดการส่งอาวุธประเภทใดบ้าง?

นี่นับเป็น “คำขาด” ที่เป็นลายลักษณ์อักษรอันแรกที่โลกได้รับรู้ว่า รัฐบาลปัจจุบันของสหรัฐฯ เพิ่งตื่นขึ้นมารับรู้ถึงความโหดเหี้ยมของรัฐบาลนายเนทันยาฮูหรือฮิตเลอร์ที่ 2 ที่ได้จงใจฆ่าคนปาเลสไตน์อย่างต่ำเกือบ 2 แสนคน เป็นตัวเลขที่ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ แซคส์...ซึ่งเป็นคนยิวด้วย...แห่งม.โคลัมเบีย ได้ประเมินล่าสุด... อ้างตัวเลขประเมินของวารสารการแพทย์เก่าแก่ที่สุดในโลก (แลนซิต) ที่ทำไว้ตั้งแต่กรกฎาคมปีนี้ว่า น่ามีคนถูกฆ่าหมู่จากการกราดยิงด้วยขีปนาวุธ, ระเบิด และรถถังของ IDF อย่างต่ำ 186,000 คน รวมทั้งที่อดอาหารตายด้วย และที่บาดเจ็บจะเป็น 2-3 เท่าตัวของจำนวนการที่ถูกยิงตาย ซึ่งทั้งหมดเป็นพลเรือน…ที่ไม่มีอาวุธ...ผิดกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามฆ่าพลเรือนในระหว่างสงคราม

คำขาดที่มาช้ามาก Too Little Too Late สำหรับชาวปาเลสไตน์ที่ถูกฆ่าแบบล้างผลาญล้างเผ่าพันธุ์มาถึง 76 ปี โดยเฉพาะ 12 เดือนสุดท้ายที่ตายยกแสนในเวลาอันสั้น

คำขาดที่ออกไปในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม แต่ในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม สหรัฐฯ ก็ได้ตกลงส่งระบบป้องกันขีปนาวุธ THADD ไปให้กับฮิตเลอร์ที่ 2 พร้อมทหารอเมริกัน 100 นาย ไปช่วยอิสราเอลในการปกป้องคุ้มครองอิสราเอล ด้วยว่า THADD จะป้องกันขีปนาวุธชนิด Ballistic และ Hypersonics ได้ดีกว่า Iron Dome ที่อิสราเอลมีอยู่

คำขาด 13 ตุลาคมนี้ เกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจากกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มของ uncommitted ที่ประกาศจะไม่ลงคะแนนให้กมลา แฮร์ริส เพราะสหรัฐฯ ยังไม่ยอมหยุดส่งอาวุธไปให้อิสราเอลไปฆ่าชาวปาเลสไตน์ และคะแนนนิยมของกมลา จากกลุ่มชาวอาหรับอเมริกันที่มิชิแกน และบริเวณวิสคอนซิน (หรือบริเวณ Rust-Belt) ลดลงอย่างน่าใจหาย…ประกอบกับกลุ่มชาวยิวที่ไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลไบเดนยังส่งอาวุธไปฆ่าชาวปาเลสไตน์เช่น กลุ่ม Ifnotnow หรือ Rabbis for Peace และอีกหลายๆ กลุ่มชาวยิวที่ไม่ต้องการให้อิสราเอลทำลายตัวเองด้วยการทำสงครามกับชาวปาเลสไตน์ และประเทศอาหรับในตะวันออกกลาง ได้ออกมาประกาศกดดันจะไม่ลงคะแนนให้กมลาเช่นกัน... เปิดทางให้ทรัมป์ชนะใน Swing States เหล่านี้ (แม้ว่าถ้าเป็นทรัมป์ชนะจะยิ่งเปิดทางให้ฮิตเลอร์ที่ 2 ถล่มปาเลสไตน์หนักข้อกว่าไบเดนก็ตามที)

จริงๆ แล้ว เมื่อเมษายนที่เพิ่งผ่านไป ปธน.ไบเดนก็ทำลับๆ ล่อๆ ออกมาเตือนอิสราเอลว่า อาจพิจารณาไม่ส่งอาวุธ (เช่น Bunker-Buster หนัก 2,000 ปอนด์ ในล็อตต่อไปให้แก่อิสราเอล) ถ้าไม่หยุดฆ่าประชาชนพลเรือนที่กาซาแบบไม่เลือกหน้า (Collective Punishment) แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นคำขาด

ที่สำคัญคือใกล้หมดอายุของรัฐบาลไบเดน ที่หลังออกจากทำเนียบขาวมาแล้ว จะโดนข้อหาและการตามล่าจากหมายจับของ ICJ และ ICC ในฐานะผู้สมคบให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์... ถึงได้ลุกขึ้นมาเขียนจดหมายเป็นหลักฐานถึงคำเตือนไม่ให้อิสราเอลทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ... ก็เพื่อปกป้องตัวเองก่อนหมดอำนาจก็เป็นได้