xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใต้เงาจีน ภาค 2 (7) อยู่อี้ว์ซีแต่คิดถึงเบตง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เบตง

ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล


พวกเราอยู่ที่อี้ว์ซีแบบชมบ้านเมืองไปเรื่อยๆ เหมือนฆ่าเวลาจนถึงบ่ายแก่ๆ ระหว่างนั้นได้เดินผ่านโรงหนังแห่งหนึ่ง สภาพเหมือนโรงหนังแบบเก่าในต่างจังหวัดบ้านเรา คือที่หน้าโรงหนังมีภาพวาดขนาดใหญ่ของดาราแสดงนำของหนังที่ฉายในช่วงนั้นตั้งอยู่ และภาพที่ให้เห็นในวันนั้นคือ ภาพอดีตผู้นำจีนเหมาเจ๋อตง 

ภาพเหมานี้อยู่ในท่ายืนสวมเสื้อผ้าชุดยาวแบบที่ชายจีนสมัยก่อนใส่กัน คือเป็นเสื้อคอปิดแขนยาวและคลุมตัวลงมาจนเหนือตาตุ่มไม่มาก เสื้อแบบนี้มีอยู่ไม่กี่สี คือสีเทา สีน้ำเงิน หรือสีดำ โดยเสื้อในภาพที่เห็นนี้เป็นสีน้ำเงินอมเทาที่ไหล่ข้างหนึ่งจะสะพายห่อผ้า มืออีกข้างหนึ่งถือร่ม ซึ่งเป็นภาพวัยหนุ่มของเหมา และเป็นภาพที่คุ้นตาอย่างยิ่งสำหรับคนที่สนใจเรื่องจีนคอมมิวนิสต์

ตอนนั้นผมยังไม่ประสีประสาในรายละเอียดประวัติชีวิตของเหมามากนัก คือรู้เพียงว่าเหมาเป็นนักปฏิวัติตั้งแต่วัยหนุ่ม และต่อสู้เพื่อการปฏิวัติมาอย่างโชกโชนจนก้าวขึ้นเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน (พคจ.) ในที่สุด แต่ที่จะให้รู้ว่าแต่ละช่วงแต่ละปีเหมาไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรก็ไม่ถึงขนาดนั้น

แต่เพียงแค่เห็นภาพนี้อยู่หน้าโรงหนัง ผมก็รู้ว่าตอนนี้โรงหนังกำลังฉายหนังเกี่ยวกับชีวิตในช่วงวัยหนุ่มของเหมาอยู่ ซึ่งทำให้ผมตื่นเต้นอย่างมาก ที่ตื่นเต้นนี้เป็นไปด้วยเหตุผลสามข้อ

ข้อแรก เพราะผมชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ

ข้อสอง เพราะเคยรู้เรื่องการปฏิวัติของ พคจ.มาบ้าง

และข้อสาม ซึ่งเป็นข้อที่สำคัญมากคือ ตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่นั้น มีอยู่วันหนึ่งผมเห็นนิตยสารเกี่ยวกับสารคดีจีนเล่มหนึ่งของเพื่อนบ้าน นิตยสารเล่มนี้ก็คล้ายๆ กับนิตยสาร อสท. ของไทยที่นำเสนอสถานที่ต่างๆ กึ่งให้ความรู้กึ่งแนะนำแหล่งท่องเที่ยว

นิตยสารฉบับนี้เข้ามาในไทยหลังจากที่ไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแล้ว เป็นนิตยสารที่เน้นเสนอภาพเป็นหลัก และภาพก็จัดพิมพ์ได้งดงามมาก คือถ้าเป็นภาพขาวดำก็จะเป็นขาวดำที่ผมเรียกของผมเองว่า เป็นภาพทรายๆ ที่แต่ละภาพจะมีจุดดำๆ ละเอียดๆ เหมือนถูกโรยด้วยผงดำจนดูเหมือนภาพในฝัน ซึ่งเขาจะใช้เทคนิคการพิมพ์อย่างไรนั้นผมไม่มีความรู้ที่จะอธิบายได้ รู้แต่ว่าเป็นภาพที่สวยไปอีกแบบ

ที่นี้มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเห็นนิตยสารฉบับนี้มีภาพสีสี่พิมพ์แทรกอยู่ด้วย เป็นภาพของผู้นำจีนรุ่นที่หนึ่งที่ประกอบไปด้วย  เหมาเจ๋อตง โจวเอินไหล (อดีตนายกรัฐมนตรีจีน) และจูเต๋อ (อดีตประธานรัฐสภาจีน) ตอนที่ผมเห็นภาพนี้ก็ให้นึกแปลกใจว่า ทำไมภาพจึงคมชัดด้วยท่วงท่าที่สง่างามและดูสะอาดสะอ้านทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ทุกอย่างดูราวกับจัดวางมาอย่างดี

แต่พออ่านคำบรรยายจึงรู้ว่า ภาพนั้นคือภาพการแสดงละครเวทีที่ว่าด้วยเรื่องราวการปฏิวัติของจีน ซึ่งผู้นำที่ผมเอ่ยชื่อมามีบทบาทสำคัญในขณะนั้น พอรู้เช่นนั้นผมก็ตื่นเต้น เพราะภาพที่เห็นนั้นคือดาราละครที่หน้าคล้ายผู้นำจีน และเขานำมาแต่งหน้าเล็กน้อยก็เหมือนตัวจริงแทบไม่ผิดเพี้ยน เห็นแล้วก็อดยิ้มแบบขำๆ ไม่ได้ว่า เขาช่างสรรหาคนมาแสดงจริงๆ

แต่จากภาพที่ว่านี้เองที่ทำให้ผมนึกอยากดูหนังเรื่องที่ว่า โดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรในชีวิตของเหมา ขอเพียงได้ทึ่งกับการหาคนมาแสดงได้เหมือนตัวจริงก็สุขใจแล้ว จึงบอกเจ้าหน้าที่ กต.ไปว่าพวกเราอยากจะดูหนังเรื่องนี้ เธอก็ตอบว่า ได้เลย จากนั้นเธอก็ไปดูเวลาฉายแล้วกลับมาบอกว่า หนังฉายสองทุ่ม

พวกเราได้ยินดังนั้นก็ถามว่า ทำไมฉายค่ำจัง เธอก็ตอบว่า นี่เป็นเวลาฉายตอนค่ำของจีน พวกเราจึงมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่เหมือนๆ กันว่า มันดึกเกินไปสำหรับพวกเราคนไทย

สรุปว่า คืนนั้นเราไม่ได้ดูหนัง ต่างคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อน เพื่อที่วันรุ่งขึ้นนี้จะเดินทางกลับคุนหมิง แต่ที่ผมเล่าเรื่องหนังโดยไม่ได้ดูหนังนี้ก็เพื่อที่จะบอกต่อไปว่า หลังจากวันนั้นแล้วผมก็สังเกตได้ว่า โรงหนังในเมืองจีนช่วงนั้นฉายแต่หนังเกี่ยวกับประธานเหมา ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากจะดู

แต่อารมณ์ที่อยากจะดูหนังยังไม่เท่ากับอารมณ์ที่สงสัย ว่าทำไมจึงมีแต่หนังของเหมา

กลับมาที่นิตยสารฉบับดังกล่าวอีกครั้ง ที่บอกว่าเป็นของเพื่อนบ้านนั้นจริงๆ แล้วคือเพื่อนของพี่ชายผม เขาจึงเป็นรุ่นพี่ผม รุ่นพี่คนนี้เป็นคนอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่รู้ภาษาจีนดีมาก ที่สำคัญ รุ่นพี่ยังสะสมแสตมป์เหมือนผมอีกด้วย

ผมซึ่งชอบสะสมแสตมป์มาตั้งแต่วัยเด็กจึงคุยถูกคอกับรุ่นพี่คนนี้ ยิ่งเราสองคนสื่อสารภาษาจีนกันได้ด้วยแล้วก็ยิ่งสนิทมากขึ้น แต่ที่ผมทึ่งมากก็คือ พี่แกมีแสตมป์จากเมืองจีนสะสมด้วยมากมาย ซึ่งเวลานั้นไม่ใช่ใครคิดจะมีก็มีได้ง่ายๆ เพราะตอนนั้นแม้ไทยจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนก็จริง แต่ก็ยังคงต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ขืนใครมีสะสมเอาไว้อาจจะถูกกล่าวหาว่าฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์เอาได้ง่ายๆ

คำถามที่จึงมีว่า แล้วรุ่นพี่คนนี้ได้แสตมป์เหล่านี้มาได้อย่างไร?

 คำตอบคือ เพราะพี่แกเป็นคนเบตงโดยกำเนิด ตอนนั้นเบตงในความรู้สึกนึกคิดของคนที่อยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างเห็นกันว่าเบตงเป็นดินแดนที่ลึกลับ ถ้าใครบอกว่ามาจากเบตง ทุกคนจะรู้สึกว่าคนนั้นมาจากเมืองลับแลอย่างไรอย่างนั้น หรือถ้าใครบอกว่าจะไปเบตง คนฟังก็จะบอกด้วยความเป็นห่วงว่า ระวังตัวด้วยนะ ไม่กลัวหรือ ฯลฯ  

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเวลานั้นเบตงเป็นเมืองที่ดูเหมือนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สาเหตุมาจากที่ตั้งของเบตงที่อยู่ในหุบเขา การเดินทางไปเบตงจึงต้องขึ้นเขาลงห้วยด้วยความยากลำบาก รถที่วิ่งจึงวิ่งได้ไม่เร็ว กว่าจะไปถึงก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ทั้งๆ ที่ระยะทางก็ไม่ไกลมาก ซ้ำร้ายยังว่ากันว่ามีโจรชุกชุมที่คอยปล้นคอยทำร้ายอีกด้วย

 แต่ก็คงด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ทางการไทยต้องออกทะเบียนรถให้เบตงเป็นกรณีพิเศษ คือแทนที่จะใช้ชื่อจังหวัดยะลาในทะเบียนรถเหมือนกับที่ใช้กับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ก็กลับใช้คำว่า เบตง ที่เป็นชื่ออำเภอแทน 

เรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงกัลยาณมิตรรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่ภูมิใจกับทะเบียนรถของท่าน คือท่านได้รับโอนทะเบียนรถเบตงมาจากเพื่อนของท่านอีกที ทะเบียนนี้จึงระบุว่า เบตง แต่ท่านใช้ขับอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งท่านรู้สึกว่ามันเท่ดี

อย่างไรก็ตาม ในยุคสงครามเย็นนั้นเบตงขึ้นชื่อในเรื่องการเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) หรือที่มักเรียกกันว่า  โจรจีนคอมมิวนิสต์ ขึ้นชื่อว่าโจรแล้วใครๆ ก็กลัว ยิ่งรัฐปั่นหัวให้เห็นถึงความเลวร้ายของลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วยแล้วความกลัวก็ยิ่งขึ้นสมอง

แต่ด้วยเหตุที่เป็นดินแดนที่ไกลปืนเที่ยงและมี พคม.เคลื่อนไหวอยู่ด้วย คนที่เบตงจึงนอกจากจะได้รับสินค้าต่างๆ ที่มาจากเมืองจีนเหมือนคนชายแดนปักษ์ใต้แล้ว ที่พิเศษแตกต่างไปจากคนปักษ์ใต้ถิ่นอื่นก็คือ การได้รับอะไรๆ ที่เป็นคอมมิวนิสต์จีนมาด้วย และแสตมป์จีนก็เป็นหนึ่งในอะไรๆ ที่ว่านั้น

ตอนที่เห็นแสตมป์จีนของรุ่นพี่นั้นผมตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะแสตมป์ชุดสีสี่ที่จัดพิมพ์ขึ้นในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ที่ปัจจุบันนี้ถือเป็นแสตมป์ที่หายากและมีราคาสูง แต่ก็จากแสตมป์นี้เองที่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นว่า คนจีนที่เบตงนั้นใกล้ชิดกับจีนคอมมิวนิสต์มาก แต่ก็ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์เหมือนกับพวก พคม. เป็นแต่ใกล้ชิดในฐานะที่จีนแผ่นดินใหญ่เป็นภูมิลำเนาเดิมเสียมากกว่า

และดูจะใกล้ชิดมากกว่าคนไทยเชื้อสายจีนในที่อื่นๆ ของไทยเสียอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น