ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ได้ฤกษ์รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ออกจากจุดสตาร์ทเริ่มบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นทางการ หลังผ่านพิธีการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาไปเป็นที่เรียบร้อย
แต่แทนที่สปอตไลท์การเมืองจะส่องไปยัง ตึกไทยคู่ฟ้า ฐานบัญชาการของรัฐบาล กลับยังคงมูฟออนจาก “บ้านป่ารอยต่อฯ” ที่มั่นของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปไม่ได้
ตามคิวที่มี “มือดี” ปล่อย “คลิปลับ” ที่เป็นเสียงสนทนาของ “ลุง” กับบุคคลที่น่าจะเป็นลูกน้อง รวมถึงข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชา ออกมารวม 4 คลิปด้วยกัน
แม้ต้นทางที่ปล่อยออกมาจะไม่เอ่ยชื่อเจ้าของเสียงในคลิปตรงๆ แต่ใครได้ฟังต่างก็ปักใจเชื่อว่า เสียงตัวเอกของคลิปไม่พ้น “ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร” แห่งบ้านป่ารอยต่อฯ เป็นแน่แท้
และแน่นอนว่าคลิปลักษณะนี้หลุดออกมา ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความจงใจเล็งเห็นผลเพื่อขยี้ “บิ๊กป้อม” ผู้ยิ่งใหญ่คับประเทศมาตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านให้จมดิน
หวังเล่นเป็นอาฟเตอร์ช็อกกระทืบซ้ำการที่ “ค่ายลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ ถูกอัปเปหิออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยสภาพที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ยังคงอยู่ร่วมหัวจมท้ายในฐานะฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น เพียง 20 จาก 40 เสียงเท่านั้น
ซึ่ง สส.อีกครึ่งหนึ่ง หรืออีก 20 เสียง ซึ่งยังมีสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ห้อยท้าย ที่นำโดย “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก็มีจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หากแต่ติดข้อกฎหมาย จึงทำให้แค่สนับสนุน “ตัวตายตัวแทน” ไปกินโควต้า 3 รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แทน
สำหรับเนื้อหาใน 4 คลิปเสียงที่กำลังเป็นประเด็น ก็ประกอบด้วย “คลิปแรก” เป็นคลิปจากการตั้งวงสนทนาของผู้ชายอย่างน้อย 4 คน พูดคุยกัน
โดยชายคนที่ 1 บอกกับทุกคนว่า “ผมเป็นรอง และทำงานให้กับท่านนายกฯ มานาน และทำความสำเร็จหลายเรื่อง ต่อไปนี้ผมอยากจะขอให้ประชาชน ได้ให้ผมลองนั่งเป็น เบอร์ 1 ดูบ้างนะ”
ขณะที่ชายคนที่ 2 บอกว่า “ก็ให้สื่อออกไปบ้างเลย”
ส่วนชายคนที่ 3 เสริมว่า “เบอร์ 1 ก็บิ๊กป้อม ที่ผมตั้งใจมาวันนี้ก็เพราะอย่างนี้นี่แหละ”
“คลิปที่ 2” เป็นคลิปเสียงขณะการพูดคุยของชาย 2 คนผ่านโทรศัพท์ลักษณะเปิดสปีกเกอร์โฟน โดยเปิดคลิปมาก็เป็นชายคนที่ 1 ตะคอกใส่ปลายสายว่า “ไอ้โอ๋ จะให้กูลาออกจากหัวหน้าพรรคเหรอ”
ก่อนที่ชายคนที่ 2 จะแก้ตัวด้วยน้ำเสียงลนลานว่า “ผมไม่ได้พูดนี่ครับ ผมไม่ได้พูดครับนาย” ทำให้ ชายคนที่ 1 จะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “กูไม่มีออกเลยนะ จำไว้” จนชายคนที่ 2 ต้องย้ำอีกครั้งว่า “ผมไม่ได้พูดครับนาย ผมไม่ได้พูด”
จากนั้นชายคนที่ 1 ก็เปลี่ยนประเด็นไปเป็นการ “ทวงของ” ว่า “แล้วแบ่งเงินแบ่งทองกันยังไงวะ” และเหมือนว่าชายคนที่ 2 จะตั้งรับไม่ทันตอบกลับไปว่า “ผมไม่ทราบครับนาย”
ทำให้ชายคนที่ 1 ต้องย้ำอีกครั้งว่า “อ้าว แล้วมึงไปรับเงินมาแล้วไม่จ่ายหรือไง” จนชายคนที่ 2 ต้องตอบแบบเสียไม่ได้ว่า “ครับ” ชายคนที่ 1 จึงได้รุกถามต่อว่า “แล้วเงินจ่ายไหน บอกว่าเอามาให้กูจ่ายไง หะ แล้วไง”
ชายคนที่ 2 จึงพยายามตัดบทว่า “เดี๋ยววันจันทร์ ผมเข้าไปอธิบายให้ฟังครับ” ทำให้ชายคนแรกตอบกลับว่า “โอเค”
ส่วน “คลิปที่ 3” เป็นคลิปการสนทนาของผู้ชาย 2 คนคุยกัน ในลักษณะ ชายคนที่ 2 ไปรายงาน ชายคนที่ 1 หรือ “ลุง” เรื่องการเสนอแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงแห่งหนึ่ง และมีการพูดถึงชื่อของบุคคลที่เสนอแต่งตั้ง รวมทั้งพาดพิงถึงนักการเมืองหลายคน
และ “คลิปที่ 4” เป็นเสียงของชายคนหนึ่งในลักษณะโอ้อวดสรรพคุณ ของตัวเองให้ “ลุง” ฟังว่า มีส่วนสำคัญเกี่ยวกับกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งจะใช้เป็นโมเดลมาจัดการกับ “รัฐบาลเพื่อไทย” ที่ต้องยื่นร้องเรียนเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และสถาบันเบื้องสูง
แม้ทั้ง 4 คลิปจะดูเป็นคนละเรื่องกัน แต่ก็อ่านไม่ยากว่า “เจตนา” ของ “คนปล่อย” ที่บรรจงคัดสรรคลิปที่เชื่อว่ามีมากกว่านี้และเนื้อหายาวกว่านี้ โดยตัดเฉพาะช่วงที่ต้องการ “ฟ้องโลก” ออกมา เพื่อ “แฉ” ถึงพฤติกรรม และความปรารถนาของ “ลุง” ให้เป็นคนละเรื่องเดียวกัน
ให้เกิดภาพว่า “ลุง” ยังคง “อยาก” ที่จะชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และยึดติดไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตามที่มีคนเสนอแนะ ตลอดจนยังมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินทองที่ในคลิปต้องการสื่อให้เข้าใยว่า เป็นเงินที่มาอย่างไม่ถูกต้อง รวมถึงการพูดคุยที่เข้าข่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงด้วย
บวกกับคลิปที่ 4 คลิปสุดท้าย ก็เป็นการดักทางแผนการของ “ก๊วนบ้านป่า” ที่มีกระแสข่าวว่า หลังจากต้องตกมาเป็น “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” ก็จะพยายามหาเหลี่ยมมุมในการโค่น “รัฐบาลแพทองธาร” โดยเน้นว่า ประเด็นเกี่ยวกับ “สถาบันเบื้องสูง” จะได้ผลมากกว่าเรื่องจริยธรรมทั่วไปที่ได้แค่สีสันทางการเมือง
อย่างที่ว่าไว้ว่า คลิปทั้ฃหมดพุ่งเป้าไปที่ “ลุงป้อม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสำเนียง-น้ำเสียง รวมถึงประเด็นต่างๆ ก็ตรงลักษณะของ “นายใหญ่ป่ารอยต่อ” แบบเป็นใครไปไม่ได้
ทว่า ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเช่นกันว่า เมื่อถอดรหัส แต่ละคลิปแล้วส่วนใหญ่เป็นคลิปเก่าเก็บ โดยเฉพาะคลิปแรก ที่น่าจะเป็นการหารือภายในพรรคถึงแคมเปญการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 แต่ก็มี “มือดี” ที่ย่อมเป็นระดับใกล้ชิดข้างกายถึงสามารถอัดเสียงได้ในระยะประชิด แล้วสะสมไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดเพื่อรอจังหวะงัดขึ้นมา “แบล็กเมล์” ในยามที่มีการฟาดฟันเอาคืนกันทางการเมืองเช่นนี้
ที่น่าตลกกลับเป็นการรับมือแก้ไขสถานการณ์ของ “ทีมบ้านป่า” ทั้ง “บิ๊กต๊ะ” พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ “เสี่ยจ๊อบ” สามารถ เจนชัยจิตวณิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่พูดไปในทำนองเดียสกันว่า ได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยัง พล.อ.ประวิตร และชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ที่บังเอิญมีชื่อเล่นว่า “โอ๋” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่เสียงการพูดคุยของตัวเอง เพราะไม่ได้เคยพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวตามที่คลิปเผยแพร่ออกมา
“ทีมบ้านป่า” ยังโบ้ยไปอีกว่า เป็นคลิป “เสียงเอไอ” ที่ปลอมขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปัจจุบันสามารถทำลอกเลียนแบบได้เสมือนจริง โดยเป็นฝีมือของ “นักการเมืองไร้จริยธรรม” ที่สร้างเรื่องมาเพื่อดิสเครดิตทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ
แต่ก็ต้องชอตฟีลไม่น้อย เพราะอีกตัวละครในท้องเรื่องอย่าง ”ปลัดเก่ง“ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมายอมรับหน้าชื่นว่า 1 ในคลิปเสียบที่ถูกปล่อยออกมา (คลิปที่ 3) เป็นเสียงของตัวเอง โดยเป็นการรายงานเกี่ยวกับการเสนอแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยต่อ พล.อ.ประวิตร สมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลฝ่ายความมั่นคงและดูแลกระทรวงมหาดไทย ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเสนอชื่อแต่งตั้ง ขจร ชวโนทัย เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และ อรรถษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
คำชี้แจงของ “ปลัดเก่ง” แม้จะไม่ได้เคลียร์คัทในบางประเด็น หรือบางถ้อยคำในคลิป แต่ก็ถือว่าตัดจบไปได้พอสมควรว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่
ทว่า “ทีมบ้านป่า” หรือตัว “ลุงป้อม” เองกลับไม่ใช้หลักเดียวกันในการแก้สถานการณ์ ทั้งที่เนื้อหาแต่ละคลิปก็ไม่ได้ล่อแหลมขนาดที่อธิบายไม่ได้ อีกทั้งก็ไม่มีจุดไหนที่น่าห่วงจะถูกยื่นร้องเรียนเอาผิด และปัจจุบัน “บิ๊กป้อม” เองก็มีเพียงตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ และอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตการเมือง ไม่มีความน่ากังวลเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองแต่อย่างใด
แล้วก็น่าแปลกใจว่า ทีมกฎหมายพรรค ที่นำโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค ไม่ได้แนะนำเรื่องคลิปเสียง หรือคลิปวิดีโอ ที่ได้มาจากการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐาน
ในคดีอาญา ห้ามไม่ให้รับฟังคลิปเสียง หรือคลิปวิดีโอ เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลได้หรืออย่างไร
ที่สำคัญแนวคิดในการโค่นล้มรัฐบาลก็ย่อมเป็นเป้าหมายของ พรรคพลังประชารัฐ ในซีก ”ลุงป้อม“ ที่วันนี้เป็นฝ่ายค้านเต็มตัวไปแล้ว การวางแผนตรวจสอบ หรือพูดให้ร้ายรัฐบาล ก็ไม่ต้องไปแคร์ว่า รัฐบาล ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกันแล้วจะคิดอ่านอย่างไร
แต่กลับแก้ตัวข้างๆคูๆว่าเป็น ”เสียงเอไอ“ ทั้งที่วิญญูชนต่างฟังออกว่า เสียงไหนปลอม-จริงไม่ยาก เมื่อเลือกจะไม่ยอมรับ ก็ห้ามไม่ให้คนอื่นคิดว่า มีลับลมคมในต่อไปไม่ได้
การรับมือเรื่องนี้ของ ”ทีมบ้านป่า“ สะท้อนถึงฝีไม้-ฝีมือ ”ลิ่วล้อ“ ทีมงานรอบตัวที่ ”มือไม่ถึง“ ไม่แปลกที่ที่ผ่านมา “ลุงป้อม“ จะเดินหมากผิดพลาดหลายครั้ง จนฝันค้างไม่สามารถคว้าครุฑตัวที่ 2 ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ ไม่เท่านั้นยังหลุดจากวงจรอำนาจแบบทำอะไรไม่ได้อีกด้วย
ท่ามกลางกระแสข่าวว่าวันนี้ “บิ๊กป้อม” หมดราคา-หมดบารมี บรรดามืองานชั้นเซียนที่เคยอุ้มชูมาต่างทยอยตีจากออกไป ตั้งแต่ก๊วนผู้กอง-ร.อ.ธรรนัส พรหมเผ่า, บ้านรัตนเศรษฐ-วิรัช รัตนเศรษฐ คนโตเมืองโคราช ที่ทยอยลาออกจากพรรคไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียง “วิรัช” ที่ยังแปะป้ทยสมาชิกพรรคอยู่เพียงคนเดียว
หรือก่อนหน้าก็บรรดาตัวเก๋าที่ผละกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย อย่างก๊วน 2 ส. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน หรือก๊วนบ้านริมน้ำ-สุชาติ ตันเจริญ
สะท้อนผ่านการจัดทัพ ”พลังประชารัฐ“ เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ที่นัดประชุมใหญ่เพื่อ “ล้างไพ่-ยกเครื่อง” เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ อันเป็นผลจากการถูกอัปเปหิออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และเกิดปัญหาความขัดแย้งภายใน โดยที่ “พล.อ.ประวิตร” ยังคงรั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ในกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จำนวน 24 คน มี รองหัวหน้าพรรค 8 คน ได้แก่ สันติ พร้อมพัฒน์ - ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ - ตรีนุช เทียนทอง - อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ - ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ - ชัยมงคล ไชยรบ - อภิชัย เตชะอุบล
กรรมการบริหารพรรค 12 คน ได้แก่ อนันต์ ผลอำนวย - ทวี สุระบาล - สุธรรม จริตงาม - กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ - กาญจนา จังหวะ - คอซีย์ มามุ - อัครวัฒน์ อัศวเหม - ยงยุทธ สุวรรณบุตร - พล.ต.ท.ปิยะ ตะวิชัย - ชาญกฤช เดชวิทักษ์ - ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี - วัน อยู่บำรุง
โดยเลือก ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นเลขาธิการพรรค - พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นกรรมการและเหรัญญิกพรรค และ สมโภชน์ แพงแก้ว เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค
โดยจำนวน 24 คนของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ ถือว่าเป็นจำนวนที่มากพอสมควร หากเทียบกับสมัยนิยมที่การแต่งตั้งกรรมการบริหารของหลายพรรคการเมือง เลือกแต่งตั้งเท่าที่จำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงหากพลาดพลั้งถูกยุบพรรค แล้วกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปด้วย
ซึ่งจำนวนกรรมการบริหารพรรคที่มากกว่าหลายพรรคนั้น ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าเน้น “ปริมาณ” มากกว่า “คุณภาพ”
เพราะแม้ในรายชื่อ 24 ขุนพลบ้านป่ารอยต่อชุดใหม่นี้ แม้หลายคนจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นชื่อ เคยมีตำแหน่งใหญ่โตมาก่อน แต่ก็ยังห่างไกลระดับ “เซียนการเมือง” เพราะแทบไม่มีกลุ่ม-ก๊วนไหนที่ดูมีอนาคตปั้น สส.ได้เป็นกอบเป็นกำเลย
โดยขุนพลยุดใหม่ของ “ลุงป้อม” ตั้งแต่ “ไพบูลย์” เลขาธิการพรรค ตลอดจน “อุตตม-สนธิรัตน์” ที่เป็นอดีตหัวหน้า-เลขาธิการพรรค แถมเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่มาก่อน ก็เป็นนักการเมืองที่ไม่ได้มีพื้นที่ฐานเสียงของตัวเอง อีกหลายคนก็เป็น “สส.นกแล” ผู้แทนฯ สมัยแรก แทบไม่มีประเภทการันตีจะได้กลับมาเที่ยวหน้าเลย
ที่พอฝากผีฝากไข้ได้หน่อย เห็นจะเป็น ”สันติ“ บ้านใหญ่เพชรบูรณ์, ”ตรีนุช“ บ้านใหญ่สระแก้ว, ”ชัยวุฒิ“ บ้านใหญ่สิงห์บุรี, “อนันต์” ตัวแทนกลุ่มกำแพงเพชรก๊วนของ วราเทพ รัตนากร ซึ่งก็ดูท่าว่าแต่ละกลุ่มก็แทงหวยว่า “ลุงป้อม” น่าจะวางมือในอีกไม่ช้า จึงกำลังหาทางขยับขยายย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อลงสู้ศึกเลือกตั้งรอบหน้า โดยพร้อมจะตีจากไปได้ทุกเมื่อ หากมีดีลงามๆ เสนอเข้ามา
จนน่าห่วงไม่น้อย “ลุงป้อม” ที่นับอยู่ในช่วงนับถอยหลังทางการเมือง จะกลายเป็นแค่ “บ่อเงินบ่อทอง” ที่ใกล้ปลดระวาง และถูกรุมทึ้งในช่วงบั้นปลายเส้นทางการเมืองมากกว่าที่จะช่วยให้ไปถึงฝั่งฝันเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ดี เมื่อมีขบวนการ “ชกใต้เข็มขัด” ปล่อยคลิปเสียงหวังทำร้าย-ทำลาย “ลุงป้อม” ในทางการเมืองเช่นนี้ และเชื่อว่าป่านนี้ “บิ๊กบอสบ้านป่า” คงรู้แล้วว่า เป็นฝีมือใคร เพราะเรื่องนี้จับมือใครดมกันไม่ยาก
ก็น่าติดตามต่อเหมือนกันว่า เมื่อโดนเล่นก่อนแบบนี้ “ทีมบ้านป่า” จะงัดไม้ไหนมาเอาคืน “ไอ้โม่ง” อย่างสาสม รวมทั้งพ่วงหาทางโค่นรัฐบาล เผื่อส้มหล่นได้โอกาสชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ตามกระแสข่าวที่ว่า “ลุงป้อม” ก็มีคลิปลับระดับสุดยอด วงหารือของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่ เศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ถ้าคลิปที่ว่าทีจริงก็ต้องบอกว่า “มันพะย่ะค่ะ” เพราะเหมจะพลิกกลับมาที่ “ลุงป้อม” ที่ถือว่าต้นทุนน้อยกว่าบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล กลับมาถือไพ่เหนือกว่าทันที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หากโค่นรัฐบาลได้แล้ว “บิ๊กป้อม“ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด เพราะปัจจัยแวดล้อมวันนี้ไม่หนุนส่งเหมือนแต่ก่อน
แต่หากไม่มีคลิปเด็ดอย่างข่าวลือ ก็ยังเชื่อว่า “บ้านป่ารอยต่อ” รวมถึงฝ่ายแค้นอื่นๆ ก็จะคอยจ้องจับผิดรัฐบาลไปตลอดราว 3 ปีก่อนหมดเทอมชุดนี้
ทำให้เชื่อว่า การเมืองไทยหลังจากนี้คงฟาดฟันเล่นกันแรงขึ้นเป็นเท่าทวี และคงต้องมีคนจบกันไม่สวย แบบไม่ใครก็ใครต้องพังกันไปข้าง.