xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดลับที่มา “รัฐมนตรีขิง” “เทพเทือก” ชง “ทักษิณ” จัดให้?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอกนัฏ พร้อมพันธุ์

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในบรรดา “คณะรัฐมนตรีสืบสันดาน” ทั้ง 35 คนนั้น คงต้องนับว่า “ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แห่งพรรครวมไทยสร้างชาติ คือหนึ่งใน “เสนาบดี” ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง




เพราะใครจะไปคิดว่า คนที่เคยเป็นเลขาธิการ กปปส.ไล่รัฐบาล “ปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะกล้ากระโดดนั่งเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลตระกูลชินที่นำโดย “แพทองธาร ชินวัตร” ไม่ต่างอะไรกับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่เคยประกาศต่อต้าน “ระบอบทักษิณ” แต่ก็ยอมสยบแบบไร้ศักดิ์ศรี

ต้องไม่ลืมว่า “ขิง-เอกนัฏ” นั้น มีสถานะเป็น “ลูกเลี้ยง” ของ “ลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุบรรณ” แม่ทัพใหญ่ กปปส.

ต้องไม่ลืมว่า พรรครวมไทยสร้างชาตินั้น มีที่มาจาก “ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้แรงสนับสนุนสำคัญจาก “สุเทพ เทือกสุบรรณ” และเมื่อ “ลุงตู่” วางมือทางการเมืองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นที่รับรู้กันว่า “ลุงกำนัน” คือผู้มีบารมีคนสำคัญของพรรค

คำถามสำคัญมีอยู่ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ “รัฐมนตรีขิง” ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร

“ก็ต้องทำล่ะครับ วันนี้ขอให้คิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก มันก็สามารถทำงานด้วยกันได้ เราไม่ได้ลืม เราไม่ได้ลบ แต่เราเลือก”รัฐมนตรีเอกนัฏตอบราวกับเหตุการณ์ชุมนุมของกปปส.นั้นคือการเดินเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อย่างไรอย่างนั้น

แน่นอน รัฐมนตรีลูกขิงคงไม่ได้ทำโดยพละการ หากแต่ต้องนำไปปรึกษาหารือกับนายสุเทพร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จึงมิอาจตีความไปเป็นอื่นได้ว่า ลุงกำนันเห็นควรด้วยกับการเข้าเป็นรัฐมนตรีในครั้งนี้

“ยังคงพูดคุยกับทุกคนปกติ และเข้าใจดี ที่ผ่านมาไม่อยากพูดมาก แต่ไม่ได้แปลว่าไม่รับฟัง เข้าใจว่าคนที่ตำหนิมามีความปรารถนาดี ก็ต้องรับฟังและปรับปรุงตัว แต่ย้ำว่าตลอดชีวิตการทำงานการเมืองที่ผ่านมาตนมีจุดยืน ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”นายเอกนัฏตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามว่า ได้คุยเรื่องนี้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. หรือไม่

คำถามถัดมาก็คือ แล้ว “นายสุเทพและนายทักษิณ” ไป “คลิ๊ก” กันเมื่อไหร่ถึงได้เปิดไฟเขียวให้ “เอกนัฏ” มาเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีของนายกฯ ลูกอิ๊งได้ เพราะถ้ายังคงรักษาสภาวะ “หยัดตรงดุจปลายทวน” เอาไว้ ก็ไม่ควรที่จะร่วมงานกันได้

เรื่องนี้ย่อมมีที่มา โดยมีสมมติฐานที่สังคมตั้งข้อสงสัยเอาไว้ก็คือ การปรากฏชื่อ “นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ไปเป็นพยานในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นจำเลยในคดีกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งอัยการสั่งฟ้องไปแล้ว

ที่สำคัญคือไปเป็น “พยานฝ่ายจำเลย” คือ “พยานฝ่ายนายทักษิณ” เสียด้วย ทำให้มีการโยงใยไปต่างๆ นานาว่า หรือนี่จะคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้

เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว ตำรวจจะไม่เรียกตัวไปให้ปากคำเองโดยไม่มีการระบุชื่อจากโจทก์หรือจำเลย ดังนั้น นายทักษิณจะต้องระบุชื่อให้เอกนัฏเป็นพยานฝ่ายจำเลยอย่างแน่นอน

“นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อผลประโยชน์หล่นใส่ นักการเมืองก็พร้อมที่จะทรยศประชาชน 
“ผมอ่านข่าว คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปเป็นพยานในคดี 112 ให้คุณทักษิณ ชินวัตร คุณเอกนัฏ คนเดียวกับคนที่เป็นแกนนำ กปปส., คุณเอกนัฏ คนเดียวกับคนที่เป็นเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ, คนเดียวกับคนที่แถลงว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 และไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม ความผิดตาม ม.112 และเป็นคนเดียวกับคนที่จะไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลลูกสาวคุณทักษิณ ชินวัตร” 
“เป็นเวลาเดียวกับข่าวที่ออกมาว่า พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยต่อสู้กับคุณทักษิณ ชินวัตร และถูกกล่าวหามาตลอดว่า เป็นอะไหล่ให้คุณทักษิณ กำลังจะเข้าร่วมรัฐบาลกับลูกสาวคุณทักษิณ ชินวัตร จะทำอะไรได้หรือไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร แต่ผมไม่ทรยศต่อการต่อสู้ของประชาชน ยังอยู่ที่เดิม คือ ไม่เอาระบอบทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว ทำมาหากิน เอาตัวให้รอดกันเถอะ อย่าเป็นทาสนักการเมือง”

ทักษิณ ชินวัตร

 สุเทพ เทือกสุบรรณ
ก่อนหน้านี้ “นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” ออกมาให้ข่าวว่า นายเอกนัฏไปเป็นพยาน ไปให้ปากคำในชั้นการสอบสวนของตำรวจ ตำรวจมีหมายเรียกให้ไปให้ปากคำ ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่ต้นปี จึงไม่เกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรีแต่อย่างใด ทว่า ก็ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากคดีนี้ผ่านจากตำรวจไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุดหลายปีแล้ว แต่ที่ยังไม่สั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องเป็นเพราะตัวนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถมาฟังคำสั่งของอัยการได้

เรื่องนี้ “รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร” อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยตั้งคำถามเอาไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมานายเอกนัฏก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กของ รศ.หริรักษ์เอาไว้ว่า

“ตำรวจออกหมายเรียกโดยอ้างว่าอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ไปสอบเพิ่มเมื่อต้นปีจริงครับ ช่วงเดือนมีนาคม ผมไม่เคยเจรจา ซักซ้อมใดๆ ครับ ในหมายเรียกไม่ได้ระบุว่าเหตุการณ์ช่วงไหน ระบุแต่ผู้ถูกกล่าวหา ข้อหา แต่ไม่ได้บรรยายพฤติกรรมครับ ซึ่งไม่นานมานี้ผมเคยถูกเชิญโดยตำรวจไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีอื่น เราก็ไปตามหนังสือ ส่วนว่าจะต้องไปเป็นพยานในชั้นศาลหรือไม่นั้น ถึงวันนี้ ไม่ทราบเลยครับ ทราบแต่ว่าอัยการได้ส่งฟ้องไปแล้วครับ”

จากนั้นได้มีคนเข้าไปตั้งคำถามว่า นายเอกนัฏควรชี้แจงตั้งแค่ตอนโดนกล่าวหาแล้วนะครับ ด้านนายเอกนัฏ ตอบกลับว่า “ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องครับ ไปให้การเป็นประจำ ทั้งศาลและเจ้าพนักงาน”

และเมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรี ก็มีการสอบถามเรื่องนี้อีกครั้ง โดยนายเอกนัฏตอบอีกครั้งว่า “ความจริงมีหมายเรียกจากตำรวจมา ผมไม่ได้ไปโดยพลการ หากไม่ไปก็จะต้องถูกหมายจับ จึงต้องไปทำหน้าที่ตามกฎหมาย เรื่องนี้หากยังมีข้อสงสัยตนก็จะหาโอกาสที่แจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”

ประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตคือ นายเอกนัฏมิได้ตอบคำถามว่า ไปให้การเพิ่มในฐานะฝ่ายโจทก์หรือจำเลย ทั้งๆ ที่คนระดับนายเอกนัฏที่ผ่านงานการเมืองมานานย่อมจะรู้ว่า หัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ตรงไหน

เพียงแค่ย้ำไปชัดๆ ตรงๆ ว่า “ผมไม่ได้ไปเป็นพยานให้คุณทักษิณ” ก็น่าจะเคลียร์คัทแบบไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป

และที่น่าตั้งข้อสังเกตไม่แพ้กันคือ ทำไมถึงต้องเป็นนายเอกนัฏ ทำไมถึงไม่เป็นนายสุเทพ

เอาเป็นว่า นี่คือสิ่งที่สังคมยังกังขาและมีข้อครหาสำหรับตัวนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์


กำลังโหลดความคิดเห็น