xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ถอดบทเรียน “ซุ้มยาดองมรณะ” “เหล้าเถื่อน” ราคาถูก เจ้าหน้าที่รับ “ส่วย” “สุราก้าวหน้า” รับจบ หรือเสี่ยงหนักกว่าเก่า!?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - โศกนาฏกรรม “ซุ้มยาดองมรณะ” ซึ่งพบผู้ป่วยเป็นพิษเฉียบพลัน 33 ราย เสียชีวิต 6 ราย จากการดื่ม “สุราเถื่อน” ผสม “เมทานอล” ถือเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างเป็นระบบและอย่างเร่งด่วน เพราะต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ “ซุ้มยาดอง” ผิดกฎหมายผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ โดยมิได้มีมาตรการควบคุมดูแลอย่างที่ควรจะเป็น

คำถามมีอยู่ว่า แล้วจะแก้ไขอย่างไร

การผลักดัน “พ.ร.บ.ก้าวหน้า” อย่างที่ “พรรคประชาชน” กำลังตีปี๊บโหนกระแสอยู่ในเวลานี้ คือแนวทางที่ถูกต้อง หรือจะทำให้ปัญหาขยายวงกว้างออกไปกว่าเดิมอีก

หรือกฎหมายมีอยู่แล้วเพียงแค่ “เจ้าหน้าที่” และ “หน่วยงานที่รับผิดชอบ” มิได้สนใจที่จะดำเนินการอย่างเข้มงวด

 ย้อนเส้นทาง “เมทานอล”
ยาพิษในสุราเถื่อน 


อย่างไรก็ดี ประเด็นแรกที่ต้องหาคำตอบให้ได้ก็คือ “เมทานอล” และบรรดา “สารอันตราย” ที่ตรวจพบไปปะปนอยู่ในยาดองเหล้าได้อย่างไร

 ดร.นิตยา โสรีกุล รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าจากการตรวจวิเคราะห์สุราของกลาง โดยห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของกรมสรรพสามิต พบว่า น้ำสุรามี  เมทานอล (Methanol) และสารไอโซไพรพิล แอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol : IPA)  เจือปน โดยผู้ต้องหาให้การว่าได้ผลิตสุราผิดกฎหมายก่อนนำไปขายต่อให้กับกลุ่มผู้ผลิตสุรายาดอง

กล่าวคือตรวจสอบพบว่า “ยาดองเถื่อน” มีปริมาณ เมทานอล หรือ เมทิลแอลกอฮอล์ เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งเมทิลแอลกอฮอล์นั้นกินไม่ได้เพราะเป็นพิษ อย่างไรก็ตาม ในการผลิตสุราเมทิลแอลกอฮอล์จะเกิดขึ้นในปริมาณน้อยมาก และสลายไปโดยธรรมชาติในกระบวนการหมักบ่ม

 รศ.วีรชัย พุทธวงศ์  ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่าสารเมทานอลจะออกฤทธิ์ใน 1 - 3 ชั่วโมง หลังเข้าสู่ร่างกาย เป็นสารอันตรายใช้ในอุตสาหกรรมฟอกสีและแลกเกอร์ ถ้าโดนผิวหนังจะดูดซึมเข้าผิวหนัง และถ้ารับประทานเข้าไประบบย่อยอาหารจะมีปัญหา เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง และหากเข้าสู่ร่างกายปริมาณที่มากพอสมควร จะยิ่งเกิดอาการตาพร่ามัว มีผลต่อระบบประสาท ถึงขั้นเสียชีวิตได้

ขณะที่  นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าผู้ป่วยจากการดื่มสุราเถื่อนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีประมาณ 50 - 100 ราย แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เนื่องจากเป็นสารเมทานอลที่เกิดจากการกลั่นสุรา แต่ในครั้งนี้พบว่าสารเมทานอลที่พบในสุราเถื่อนเป็นลักษณะที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และมีปริมาณสูงถึง 100,000 ppm ทั้งที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่าปริมาณเมทานอลในสุราทุกประเภทจะต้องไม่มีอยู่เลย

นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตจาก  ศ.ดร.ธีรยุทธ วิไลวัลย์  ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม และคณาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า อาจเกิดจากความไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นเมทานอลราคาถูกกว่า และเรียกว่าแอลกอฮอล์เหมือนกัน นึกว่าตัวเดียวกัน หรืออาจจะเป็นความเชื่อว่าการผสมเมทานอลทำให้ฤทธิ์แรงขึ้น เมาเร็วขึ้น ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง

กล่าวสำหรับความแตกต่าง  “เอทานอล”*  จะนำไปใช้กับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เช่น สุรา, เบียร์, ไวน์, บรั่นดี เป็นต้น รวมทั้ง ใช้สกัดน้ำมันจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำมันกัญชา เป็นต้น ขณะที่  “เมทานอล”  เป็นพิษ ใช้ดื่มไม่ได้ ซึ่งนิยมใช้เป็นตัวทำละลายและใช้เป็นเชื้อเพลิง เช่น สี, ทินเนอร์, สีย้อมผ้า เป็นต้น หรือแปรรูปผสมกับน้ำมันดีเซลทำเป็นไบโอดีเซล เป็นต้น แต่ในการทำเหล้าเถื่อนมีการนำเอาสารนี้ผสมลงไปด้วยเพราะราคาถูก “เมทานอล” อยู่ที่ลิตรละ 10 บาท ส่วน “เอทานอล” มีราคาค่อนข้างสูง ลิตรละ 85 บาท

ทั้งนี้ จากสืบสวนพบว่า “เจ๊ปู” หรือ “น.ส.ภัสส์รศา” อายุ 49 ปี เป็นเจ้าของซุ้มยาดอง โดยให้การณ์ว่าได้รับ “สุราขาว” มาจาก “นายเอส” หรือ “นายสุรศักดิ์” อายุ 46 ปี และ “อาร์ท” หรือ “นายสุรชัย” อายุ 44 ปี และนำมาผลิตเป็นยาดอง โดยต้มผสมกับยาจีน สมุนไพรต่างๆ ส่งขายร้านที่มารับไปอีก 18 แห่ง

ประเด็นที่น่าสนใจ “เจ๊ปู” กล่าวว่าทำยาดองขายมานาน 30 กว่าปีตั้งแต่รุ่นพ่อ ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาใดๆ โดยที่ผ่านมาจะรับเหล้าขาวจากเจ้าประจำที่พ่อสั่งมาตลอดไม่เคยรับเหล้าจากเจ้าอื่น กระทั่งปีที่แล้ว “นายเอส” กับ “นายอาร์ท” ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแฟน มาบอกว่างานน้อยลง อยากหารายได้ และมีสูตรเหล้าขาวที่ไปเรียนทำมาอยากให้ช่วยซื้อ ก็ให้ลองทำมาพบว่าระดับดีกรีได้ รสชาติก็คล้ายกับเจ้าเก่า จึงช่วยซื้อในราคา 25 ลิตร 900 บาท เท่ากันกับเจ้าเก่า

ทั้งนี้ ตลอดปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา ซึ่งทาง เจ๊ปู จะชิมด้วยตัวเองตลอด กระทั่ง พบความผิดปกติช่วงเดือน ส.ค. 2567 ลูกค้าคอมเมนต์ว่า “เหล้าจืด ไม่แรง” และ “รสชาติซ่า” จึงมีการสอบถามไปยัง 2 พี่น้อง ถึงรสชาติที่เปลี่ยนไป สอบถามว่าได้เปลี่ยนวัตถุดิบไหม แต่ไม่ได้ยอมรับเพียงตอบว่าจะปรับปรุงสูตร ซึ่งล๊อตยาดองมรณะ เจ๊ปู บอกว่าชิมเล็กน้อย และมีอาการท้องเสียติดต่อกัน 3 วัน ก่อนมาทราบว่าคนเจ็บป่วยและเสียชีวิตข่าวที่ปรากฎ

“เจ๊ปู เจ้าของซุ้มยาดอง” ยืนยันขั้นตอนและวิธีการผสมยาดองเป็นสูตรดั้งเดิมของครอบครัวไม่มีผิดเพี้ยน ใช้สมุนไพรที่เป็นภูมิปัญญาไทย ยน ขั้นตอนวิธีการทำจะใช้หม้อเบอร์ 32 ใส่น้ำ ต้มยาจีนหม้อละ 2 ห่อ , ก้านพลู 1 ห่อ , ชะเอม 5 - 6 ก้าน ต้มครั้งแรก 40 นาที จากนั้นจะใส่ดอกคำฝอย และ กระชาย อย่างละ 4 ขีด ต้มต่ออีก 40 นาที แล้วใส่มะตูมครึ่งกิโลกรัม ต้มอีก 40 นาที ใส่น้ำตาลทราย 2.5 ก.ก. คนให้ละลาย แล้วผสมเหล้าขาว เทใส่โอ่ง หมักไว้ 1 - 2 คืน แล้วนำมาแบ่งใส่แกลลอน โดย 1 โอ่ง แบ่งได้ 23 - 24 แกลลอน ส่งขายตามซุ้มยาดอง แกลลอนละ 400 บาท ซุ้มละ 10 แกลลอน แถม 1 แกลลอน

อ้างอิงรายงานข่าวจากชุดสืบสวน ระบุว่า นายเอส กับ นายอาร์ท คนผลิตเหล้าขาว ปกติจะไปซื้อเอทานอล มาจากร้านเคมีภัณฑ์ในย่านสมุทรปราการ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าร้านเคมีภัณฑ์ดังกล่าวจำหน่ายเฉพาะเอทานอลให้กับผู้ต้องหาทั้งสองรายเท่านั้น ไม่เคยจำหน่ายเมทานอลเพราะที่ร้านไม่มีเมทานอลจำหน่าย อีกทั้งช่วงหลังผู้ต้องหายังค้างเงินค่าเอทานอลกับทางบริษัท จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาจึงไปหาสั่งซื้อจากแหล่งอื่น เนื่องจาก “เจ๊ปู” ได้สั่งเหล้าขาวล็อตใหม่มาแล้ว จึงต้องจัดหาสารตั้งต้นเพื่อมาทำเหล้าขาว รวมถึงในช่วงหลังๆ ลูกค้าเริ่มท้วงติงเรื่องรสขาดที่อ่อนเกินไปด้วย จึงเชื่อว่าต้องมีการจัดหาสารประกอบมาทำการผสมเหล้าที่แรงกว่า จึงได้จัดหาเมทานอลมาเป็นส่วนผสมในการผลิตเหล้าขาว

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างการขยายผลว่า นายเอส และ นายอาร์ท สั่งซื้อเมทานอลมาจากที่ใด เพราะขณะนี้ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ซื้อเมทานอล แต่จากการตรวจสอบถังที่บรรจุเหล้าที่อยู่ภายในบ้านของผู้ต้องหาทั้งสองรายที่ตรวจยึดมาได้ พบส่วนผสมของเมทานอลชัดเจน


สำหรับการดำเนินคดี “เจ๊ปู” เจ้าของซุ้มยาดอง ถูกแจ้งข้อกล่าวหา 4 ข้อหา คือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต, กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส, ผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตและผู้ต้องหา “เอส” หรือ “นายสุรศักดิ์” อายุ 46 ปี และ “อาร์ท” หรือ “นายสุรชัย” อายุ 44 ปี คนผลิตเหล้าขาว ถูกดำเนินคดีอยู่ระหว่างฝากขัง

ทั้งนี้ ความผิดฐานขายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 155 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ส่วนความผิดฐานเปลี่ยนแปลงน้ำสุรา โดยนำน้ำ ของเหลว หรือวัตถุอื่นใด เจือปนลงในสุราเพื่อการค้า ตามมาตรา 158 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

นอกจากนี้ กรณีครอบครองเครื่องกลั่นสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 153 วรรคหนึ่ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากขายสุราเถื่อนดังกล่าวจะมีโทษปรับ ตามมาตรา 191 มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ขณะเดียวกันผู้ซื้อเองก็มีความผิดด้วย ตามมาตรา 192 มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

จับตานโยบาย “สุราก้าวหน้า”
รับจบปัญหา “สุราเถื่อน” ได้จริงหรือ 

กรณี “ซุ้มยาดองมรณะ” มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการดื่ม “สุราเถื่อน” ผสม “เมทานอล” นำไปสู่ประเด็นคำถามต่อนโยบาย “สุราก้าวหน้า” โดยทาง นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กรุงเทพฯ เขต 24 พรรคประชาชน แสดงทัศนะว่าสุราก้าวหน้าจะช่วยแก้ปัญหาสุราซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

“กฎหมายสุราก้าวหน้าจะไม่ทำให้กรณีดังกล่าวมีความรุนแรงขึ้น เเต่กลับจะให้ผลในทางตรงกันข้ามเพราะ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ที่จะถูกแก้ไขนั้น คือมาตรา 153 ว่าด้วยเรื่องของการผลิตสุรา ให้เงื่อนไขของการออกใบอนุญาต ไม่สามารถถูกจำกัดได้ด้วยกำลังการผลิต กำลังแรงม้า หรือเงื่อนไขใดๆ อันเป็นการตั้งกำเเพง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายย่อยสามารถเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น”

นายเท่าพิภพ เปิดเผยว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ไม่ได้มีการเเก้ไขการควบคุมคุณภาพของสุราเพื่อการค้า โดยยังให้คงเเนวปฏิบัติเดิมตามมาตรา 158 ประกอบกับประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการผลิตสุราและการนำสุราออกจากโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อตรวจวิเคราะห์ในขั้นตอนการผลิตเช่นเดิม กล่าวคือก่อนนำออกจำหน่าย จะต้องมีการนำตัวอย่างของสุราที่ผลิตเสร็จแล้วส่งตรวจกับแล็ปของกรมสรรพสามิตก่อน

โดยสรุปแล้วกฎหมายสุราก้าวหน้าคือการลดเพดานกฎหมายให้ผู้ผลิตที่เดิมลักลอบทำ ต้องเข้ามาอยู่ในการกำกับควบคุมของสรรพสามิต ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้บริโภคของที่ปลอดภัยมากขึ้น โดยหัวใจสำคัญของสุราก้าวหน้าเพื่อเปิดทางให้การผลิตเหล้าเบียร์ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ลดการผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย และสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวตรวจสอบพบว่า “ยาดองเถื่อน” มีปริมาณเมทิลแอลกอฮอล์เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งเมทิลแอลกอฮอล์นั้นกินไม่ได้เพราะเป็นพิษ แต่อย่างไรก็ตามในการผลิตสุราเมทิลแอลกอฮอล์จะเกิดขึ้นในปริมาณน้อยมาก และสลายไปโดยธรรมชาติในกระบวนการหมักบ่ม อีกทั้ง พบว่าไม่ใช่โรงผลิตสุราเเต่อย่างใด แต่เป็นการซื้อแอลกอฮอล์มาเจือจางจาก 95% เป็น 35% ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเอทิลแอลกอฮอลล์ หรือเมทิลแอลกอฮอลล์ ก็ผิดกฎหมายเรื่องการปรับเเต่งสุราทั้งสิ้น

“ผมและพรรคประชาชนยืนยันว่ากฎหมายสุราก้าวหน้าจะไม่เป็นการเติมเชื้อเพลิงไปในกองไฟอย่างเเน่นอน เเต่กลับจะช่วยในการผลิตสุราในอนาคตให้ทุกคนสามารถมีใบอนุญาตได้ ทุกการผลิตสุราจะเข้าสู่ระบบ ได้รับการตรวจสอบตรวจคุณภาพให้ปลอดภัยกับพี่น้องประชาชนเเน่นอน” นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กรุงเทพฯ เขต 24 พรรคประชาชน กล่าว

 นายสมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร  นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย สะท้อนข้อเท็จถึงช่องโหว่ของสุราเถื่อนที่มีจำหน่ายกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นผลมาจากการรับส่วยของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังนานหลายสิบปี และการตั้งซุ้มยาดองนั้นมีความผิดตามกฎหมาย อีกทั้ง “เหล้าขาว” ที่เป็นส่วนผสม “ยาดอง” จำหน่ายตามซุ้มยาดองโดยส่วนใหญ่ก็ใช้เหล้าเถื่อน ไม่มีใครเอาเหล้าถูกกฎหมายมาขายเพราะต้นทุนสูง ก็ต้องหาเหล้าขาวที่ต้นทุนต่ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาเมทิลแอลกอฮอล์มาผสม ส่งผลกระทบต่อสุราชุมชนในแง่ภาพลักษณ์ ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าสุราชุมชนเป็นเหล้าเถื่อน มีอันตราย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ก็อยากให้คนเข้าใจ อยากให้สุราชุมชนสามารถโฆษณาได้ เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง ไม่ใช่รับรู้แค่วงจำกัดในกลุ่มที่ชื่นชอบสุราชุมชนเท่านั้น” นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับ กรณี “ซุ้มยาดอง” ทางกรมสรรพสามิต มีการดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง แต่พบหลายพื้นที่ทั่วประเทศยังมีลักลอบเปิดกันอย่างโจ๋งครึ่ม อ้างอิงตามข้อมูลของระหว่างเดือน ต.ค. 2566 – ก.ค. 2567 มีการ จับกุมดำเนินคดีซุ้มยาดองในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 284 คดี จับน้ำสุราของกลางได้ 1,231.34 ลิตร ปรับเงินกว่า 3.14 ล้านบาท

สุดท้ายยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการผลักดันนโยบาย “สุราก้าวหน้า” ซึ่งดำเนินไปท่ามกลางความเห็นต่าง ได้คุ้มเสียหรือไม่? ทั้งข้อกังวลเรื่องกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพะกลุ่มเยาวชนซึ่งอยู่ในวัยอยากรู้อยากลอง ผลกระทบเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะอุบัติเหตุดื่มแล้วขับมีอัตราสูง ยังไม่รวมเรื่องผลกระทบในเชิงสุขภาพก่อเกิดโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง.


กำลังโหลดความคิดเห็น