xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เวียงวังหมื่นปี (21) นางในของจักรพรรดิ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


1.The Empress of China ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่เล่าเรื่องชีวิตของ “บูเช็กเทียน” ที่เริ่มต้นจากการเป็นนางสนมก่อนการขึ้นสู่ตำแหน่งสูดสุดของแผ่นดินจีน จนประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่าพระนางคือ สตรีพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีนอันยาวนานกว่า 4,000 ปี ที่ได้เป็นฮ่องเต้
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล

 เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า จักรพรรดิจีนแต่โบราณกาลนานมาหาได้มีมเหสีเพียงผู้เดียวเป็นคู่ชีวิตเท่านั้น หากยังมีหญิงอื่นอยู่อีกมากมายที่เข้ามาในชีวิตของจักรพรรดิ แต่พอเข้ามาแล้วจะเป็น “คู่ชีวิต” ของจักรพรรดิอย่างไรนั้น แต่ละคนย่อมมีที่มาและรายละเอียดที่ต่างกันออกไป


เนื่องจากวังต้องห้ามสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ในที่นี้จะขอเล่าถึงที่มาของนางในที่เข้ามาในวังในยุคนี้ โดยขอเริ่มจากบันทึกฉบับหนึ่งที่เล่าถึงพิธีอภิเษกสมรสของจักรพรรดิเทียนฉี่ (ค.ศ.1605-1627) แห่งราชวงศ์หมิงที่มีความตอนหนึ่งว่า

 “.....ในปีแรกที่ทรงขึ้นครองราชย์นั้น (ค.ศ.1621) ในงานราชพิธีอภิเษกสมรสของจักรพรรดิเทียนฉี่ได้มีการคัดหญิงงามที่มีอายุระหว่าง 13 ถึง 16 ปีเข้ามายังเมืองหลวงปักกิ่ง 5,000 คน เพื่อเข้าร่วมคัดเลือกมาเป็นนางในในวัง.....”

“.....ในการนี้ขันทีในราชสำนักจะทำการคัดเลือกรอบแรกโดยคัดออกไป 1,000 คน หญิงที่ถูกคัดออกนี้จะเป็นหญิงที่มีรูปร่างสูงเกินไป เตี้ยเกินไป อ้วนเกินไป หรือผอมเกินไป การคัดเลือกในรอบที่สองจะมีในวันถัดมา ในรอบนี้หญิงจะถูกพิจารณาใบหู ดวงตา สันจมูก เส้นผม ผิวหนัง รูปคอ สันไหล่ และแผ่นหลัง ผู้ที่มีข้อตำหนิในส่วนใดส่วนหนึ่งจะถูกคัดออก...”

“.....ส่วนหญิงที่ผ่านการคัดเลือกในรอบนี้จะถูกทดสอบด้วยการให้บอกภูมิลำเนาเดิม ชื่อเสียงเรียงนาม และอายุของตน หากหญิงใดที่พูดติดอ่างหรือมีเสียงแหบแห้งก็จะถูกคัดออก ในรอบนี้หญิงที่ถูกคัดออกจะมีราว 2,000 คนแล้วถูกส่งกลับบ้าน.....”

“.....การคัดเลือกในวันที่สาม ขันทีจะพิจารณาหญิงที่เข้ารอบในวันที่สองนี้ด้วยการวัดความยาวของแขนและขา จากนั้นก็จะให้หญิงเหล่านี้เดินให้ดูว่ามีท่วงท่าการเดินสำรวมมากน้อยเพียงไร ทั้งยังพิจารณาข้อมือว่าสั้นหรือยาวไป นิ้วเท้าก็เช่นกัน หรือมีกิริยาที่เหลาะแหละหรือไม่ ในรอบนี้จะมีหญิงที่ไม่ผ่านการคัดเลือกถูกส่งกลับบ้านราว 1,000 คน.....”

“.....การคัดเลือกวันที่สี่ หญิงที่ผ่านเข้ามาในรอบนี้จะถูกนางในที่สูงวัยนำไปยังห้องอันรโหฐาน โดยจะเข้าไปยังห้องนี้ทีละคนและอยู่ในห้องนั้นกับนางในสูงวัยสองต่อสอง ในรอบนี้นางในสูงวัยจะทำการสัมผัสหน้าอก กลิ่นรักแร้ และผิวพรรณของหญิงนั้น ในขั้นตอนนี้จะมีหญิงที่ผ่านเข้ารอบ 300 คน.....”

“.....หญิงที่ผ่านเข้ารอบที่สี่นี้จะได้พำนักอยู่ในวังเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนนี้ยาวนานพอที่จะพิจารณาอุปนิสัยหรือบุคลิกภาพของหญิงเหล่านี้ และในรอบนี้จะมีหญิงที่ผ่านเข้ารอบ 50 คน ต่อไปหญิงเหล่านี้ก็คือ นางสนมของจักรพรรดิ.....” 
จะเห็นได้ว่า ไม่เพียงการคัดหญิงที่จะมาเป็นจักรพรรดินีเท่านั้นที่ซับซ้อน หากแม้แต่การคัดหญิงที่จะมาเป็นนางสนมก็ซับซ้อนไม่แพ้กัน แต่ในขณะเดียวกันเราก็เห็นถึงความต่างของหญิงสองฝ่ายนี้ว่า หญิงที่จะมาเป็นจักรพรรดินีนั้นจะดูชาติกำเนิดด้วย ส่วนหญิงที่จะมาเป็นนางสนมจะมาจากลูกหลานของสามัญชนคนธรรมดา

ประเด็นคำถามที่น่าสนใจของความต่างดังกล่าวคืออะไร?

คำตอบก็คือว่า แม้จะมีที่มาต่างกัน แต่หญิงที่เป็นนางสนมก็มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมามีความสำคัญได้เช่นกันถ้าหากเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ โดยเฉพาะเมื่อให้กำเนิดโอรสแก่จักรพรรดิ ที่ในการปกครองจีนสมัยนั้นให้ความสำคัญยิ่ง ยิ่งจักรพรรดินีมิอาจให้กำเนิดโอรสด้วยแล้ว นางสนมคนนั้นก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะโอรสของพระนางจะได้เป็นรัชทายาทซึ่งจะได้เป็นจักรพรรดิในอนาคต

แต่ถ้าหากว่าจักรพรรดินีให้กำเนิดโอรสได้ ต่อให้นางสนมมีโอรสกับจักรพรรดิเช่นกัน ความสำคัญก็ไม่เท่ากับจักรพรรดินี ยกเว้นเสียแต่ว่าจะเกิดการชิงดีชิงเด่นกัน แย่งชิงอำนาจกัน หรือจักรพรรดิทรงลุ่มหลงนางสนมนั้นเป็นพิเศษ เป็นต้น เรื่องทำนองนี้มักปรากฏขึ้นมาเสมอในประวัติศาสตร์จีน
 อย่างไรก็ตาม การที่จักรพรรดิจีนมีหญิงร่วมเรียงเคียงหมอนมากกว่าหนึ่งคนนั้น มีคติความเชื่อจากหลักคิดเรื่องโอรสแห่งสวรรค์ (เทียนจื่อ, the Son of Heaven) ว่าจักรพรรดิคือบุคคลที่สวรรค์ส่งมาปกครองโลกมนุษย์ ร่องรอยความเชื่อนี้เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคต้นประวัติศาสตร์เมื่อหลายพันปีก่อน แต่มาชัดเจนในสมัยราชวงศ์โจว (ก.ค.ศ.1100-221) ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่สามและราชวงศ์สุดท้ายของยุคนี้ 

ในยุคโจวมีบันทึกระบุว่า โอรสแห่งสวรรค์ของโจวมีมเหสีสามองค์ นางสนมชั้นหนึ่งเก้าองค์ นางสนมชั้นสอง 27 องค์ และนางสนมในชั้นรองลงมา 81 องค์ ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่น (ก.ค.ศ.206-ค.ศ.220) และราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) มีหญิงที่มีจักรพรรดิเป็นเจ้าของอยู่ในวัง 9,000 นาง เฉพาะในยุคของจักรพรรดิเสีว์ยนจง (ค.ศ.685-762) แห่งถังนั้น มีนางในอยู่วังมากถึง 40,000 นาง จนถึงช่วงก่อนที่ราชวงศ์หมิงจะล่มสลายมีนางในอยู่ในวัง 9,000 นาง
ครั้นมาถึงราชวงศ์ชิง จำนวนนางในก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในยุคของจักรพรรดิคังซีได้มีการจัดระบบนางในขึ้นมาใหม่ให้มีทั้งหมดแปดชั้นคือ จักรพรรดินี นางสนมชั้นหนึ่งหนึ่งองค์ นางสนมชั้นสองสี่องค์ นางสนมชั้นสามหกองค์ และนางสนมในชั้นรองๆ ลงมาจะไม่ระบุจำนวนที่แน่นอน
จากการจัดระบบนางในดังกล่าวยังพบว่า ในบรรดาจักรพรรดิสิบองค์ของราชวงศ์ชิงนั้น คังซีซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์นี้มีหญิงที่ร่วมเรียงเคียงหมอน 55 องค์ จักรพรรดิองค์ที่เก้าคือกวางซี่ว์มีจักรพรรดินีหนึ่งองค์และนางสนมสององค์ ซึ่งถือเป็นจักรพรรดิที่มีหญิงร่วมเรียงเคียงหมอนน้อยที่สุด

ผิดกับจักรพรรดิองค์ที่สี่คือ เฉียนหลง ที่เป็นจักรพรรดิที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีนนั้น ทรงมีหญิงในครอบครอง 41 องค์ หญิงเหล่านี้เป็นชาวแมนจู ชาวฮั่น (จีน) ชาวมองโกล ชาวเกาหลี และชาวอุยกูร์ ในเมื่อเป็นหญิงของจักรพรรดิ หญิงเหล่านี้จึงข้าราชบริพารที่คอยรับใช้นับร้อยคน

ขึ้นชื่อว่านางในแล้วหลายคนอาจคิดว่าหญิงเหล่านี้คงมีชีวิตที่สุขสบาย แต่จริงๆ แล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหากนางสนมองค์ใดไม่เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิแล้ว นางสนมนั้นก็จะถูกจับแยกให้ไปอยู่ในห้องอื่นของวังหลวง และจะเป็นที่ประทับของนางสนมนั้นไปจนกว่าจะสิ้นชีพ นางสนมบางองค์ที่โชคร้ายก็จะถูกขันทีปลงพระชนม์

 ดังตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงคือ นางสนมเจ้าของจักรพรรดิไท่ชัง (ค.ศ.1582-1620) ที่ได้ทำให้เว่ยจงเสียน (ค.ศ.1568-1627) ขันทีกังฉินที่มีอิทธิพลสูงในวังโกรธเคือง เว่ยจงเสียนจึงปลอมราชโองการเพื่อลงโทษนางสนมเจ้า โดยให้นางขาดจากสมบัติที่จักรพรรดิทรงพระราชทานให้มาก่อนหน้านี้ จนเป็นเหตุให้นางสนมเจ้าทรงอัตวินิบาตกรรมผูกพระศอสิ้นพระชนม์ เป็นต้น 

การที่นางสนมในวังจะถูกลงโทษด้วยการโบยจนตายนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เสมอ โดยในยุคหมิงนั้นกล่าวกันว่า มีข้าราชบริพารหญิง 9,000 คน และขันที 100,000 คน ที่มีโภชนาการที่ไม่เพียงพอที่จะดำรงชีพ ทำให้หลายคนที่ต้องตายไปเพราะความอดอยาก

ทั้งนี้ ยังมินับนางในที่ร้อยวันพันปีไม่เคยได้พบเจอจักรพรรดิเลย และต้องอยู่ในวังดังนกน้อยในกรงทองไปจนสิ้นชีพ มรณกรรมของนางในเหล่านี้เป็นไปอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย โดยไม่เคยได้ใช้ชีวิตในวัยสาวดังหญิงทั่วไป ครั้นจะมีความรักกับชายอื่นก็ไม่ได้อีก เพราะจะมีโทษถึงประหารชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น