xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ตู้คีบตุ๊กตา” คัมแบกทั่วประเทศ โดนปราบสั่งปิด แต่กลับมาได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ธุรกิจตู้คีบตุ๊กตากลับมาเปิดอย่างเอิกเกริกทั่วมุมเมือง ไฮไลท์ด้วยสิ่งของน่ารักล่อใจกระแสนิยมภายในตู้คีบ อาทิ ตุ๊กตา พวงกุญแจ แกดเจ็ต ฯลฯ แถมมีคอนเทนต์รีวิวคีบง่ายเผยรู้ทริกคีบได้ไม่ยาก ยิ่งกระตุ้นให้มีคนแห่ไปเล่นตามๆ กัน สุดท้ายเสียเงินหลักร้อยหลักพันแต่ไม่ได้สักตัว 

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องจับตาคือ  “ตู้คีบตุ๊กตา” เข้าข่ายเครื่องเล่นพนัน บัญชี ข. หมายเลข 24 ท้าย พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ซึ่งการจัดให้เล่นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตก่อนจึงจะเล่นได้ และหากฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา 12 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงประเด็นสิ่งของภายในตู้คีบเป็นยังพบปัญหาโดยเฉพาะเรื่อง  “มาตรฐานผลิตภัณฑ์” และ “การละเมิดลิขสิทธิ์”  

โดยลักษณะที่ทำให้ “ตู้คีบตุ๊กตา” เข้าข่ายเครื่องเล่นพนัน เนื่องจากใช้เงินที่หยอดมีมูลค่าน้อยกว่ารางวัลในตู้ มีการแพ้ชนะระหว่างผู้เล่นกับเครื่อง กล่าวคือผู้เล่นจะต้องแลกชิปมูลค่าเหรียญละ 10 บาท จากนั้นนำไปหยอดที่ช่องและจับคันโยกเลื่อนหาตำแหน่งเพื่อคีบตุ๊กตา จากนั้นกดปุ่มเพื่อให้ที่คีบตุ๊กตาปล่อยตุ๊กตาลงช่อง โดยการเล่นในแต่ละครั้งผู้เล่นอาจจะได้หรือไม่ได้ตุ๊กตา ถือเป็นการพนันเพราะมีการแพ้ชนะกันได้ระหว่างผู้เล่นกับเจ้าของเครื่อง ชี้ชัดว่าไม่ได้เล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินแต่ลักษณะเป็นการพนัน

ปัจจุบันธุรกิจตู้คีบตุ๊กตาเปิดกันอย่างเอิกเกริกทั่วทุกมุมเมือง มีอินฟูฯ ทำคอนเทนต์คีบตุ๊กตาสอนเทคนิคต่างๆ มีคนดังรีวิวการเล่นคีบตุ๊กตาคีบได้โดยง่าย กระตุ้นให้ผู้ชมลงสนามเป็นผู้เล่น ไปทดลองคีบตุ๊กตา แต่สุดท้ายเสียเงินกันหลักร้อยหลักพันคีบไม่ได้สักตัว

ต้องเข้าใจว่า “ตู้คีบตุ๊กตา” มีกลไกเซ็ตค่าหน่วงของตัวคีบ สามารถเช็ตให้ขาคีบเข็งแรงหรืออ่อนแรงได้ รวมทั้งมีการตั้งค่ามูลค่าของเหรียญ หากมีการหยอดเหรียญเท่ากับหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยของมูลค่าของในตู้ระบบจะเช็ตให้ขาคีบแข็งขึ้นคีบได้ง่าย ซึ่งกลไกของตู้คีบคำนวณไว้เบ็ดเสร็จ รวมทั้งมีเทคนิคจัดวางท่าตุ๊กตาหรือสิ่งของในตู้ให้คีบได้ยาก ด้วยเหตุนี้คนเล่นจึงต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากกว่าจะคีบได้ หรือเสียเงินเปล่าไม่ได้เลยสักชิ้น

ในเวทีระดมความเห็น  “ตู้เสี่ยงโชค เพื่อนใจดี หรือมีร้ายแฝง” ภายใต้โครงการรณรงค์หยุดพนัน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำโดย “กลุ่มไม้ขีดไฟ”  สะท้อนให้ว่าปัจจุบันตู้เสี่ยงโชคเข้าใกล้ตัวเด็กและเยาวชนมากขึ้นโดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าและแหล่งชุมชน (งานวัด ตลาดนัด หน้าร้านอาหาร) ซึ่งตู้เสี่ยงโชคมีรูปแบบและลักษณะการจูงใจค่อนข้างสูง อาทิ ความสวยงามและมูลค่าของรางวัล (เดิมพันต่ำรางวัลสูง) ความท้าทายและความสนุก รวมทั้งการตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายและไม่มีการจำกัดช่วงอายุ ตามลำดับ

ลักษณะใช้จิตวิทยาในการจูงใจคน ทั้งบรรยากาศ เสียงเพลง สีสัน การ์ตูน ตุ้กตา และความสนุก โดยมีกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้เล่นเสียเงินจำนวนมาก อาทิ บัตร VIP และเหรียญสีสัน เป็นต้น ซึ่งทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกว่ากำลังใช้เงินอยู่ นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นแลกรับสิ่งของต่างๆ เมื่อแลกเหรียญถึงจำนวนที่กำหนด มีตู้ที่ไม่มีการระบุวิธีเล่น และมีการแสดงเอกสารการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อความน่าเชื่อถือ

สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เด็กและเยาวชนมีการจับกลุ่มหลังเลิกเรียนเป็นประจำโดยเฉพาะบริเวณลานเกมในห้างสรรพสินค้า และมีอัตราการเล่นตู้เสี่ยงโชคมากกว่าผู้ใหญ่เพราะเด็กยังขาดทักษะการยับยั้งชั่งใจ สามารถเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบได้ง่าย ดังนั้นตู้เสี่ยงโชคจึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมการลักขโมย ปัญหาครอบครัว และปัญหาสังคมอื่นๆ ได้

ที่ต้องจับตาตู้เสี่ยงโชคยังกลายเป็นวันพักผ่อนของหลายครอบครัวโดยถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา และยังสนับสนุนการแลกเหรียญให้กับเด็กอีกด้วย ทั้งนี้ หากผู้ปกครองยังคงมองว่าการที่เด็กเล่นตู้เสี่ยงโชค คือ เรื่องปกติ ผู้ปกครองอาจกลายเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับตู้เสี่ยงโชคสู่การพนันที่รุนแรงขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญจำเป็นอย่างมากที่ต้องดำเนินการ คือ การให้ความรู้ผู้ปกครองให้รู้เท่าทันพนัน มีทักษะในการจัดการกับพฤติกรรมหรือความต้องการที่ไม่พึงประสงค์ของเด็ก และมีทางเลือกอื่นให้กับเด็กเพื่อสร้างความสุขหรือคลายความเครียดจากการใช้ชีวิตประจำวัน

ย้อนไปเมื่อเดือน ม.ค. 2567 เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตรวจสอบว่าตู้คีบ ดัน ตักตุ๊กตา หรือพวกกุญแจ หรืออื่นๆ รวมทั้งตู้กาชาปอง ตู้จำหน่ายกล่องสุ่ม ตู้เกมสะสมแสตมป์เพื่อแลกสินค้า ตู้เกมเสี่ยงโชคอื่นๆ มีลักษณะเป็นการจัดให้เล่นพนันหรือไม่

โดยทางเครือข่ายเด็กและเยาวชน ได้สำรวจห้างสรรพสินค้า 15 แห่ง พบว่าการติดตั้งมีตู้เกมหลอกเด็ก ที่อาจผิดพระราชบัญญัติการพนัน กว่า 3,000 ตู้ แถมจัดวางในจุดที่เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น บริเวณสวนสนุก ใกล้โรงภาพยนตร์หรือศูนย์อาหาร ใกล้ทางเข้า-ออก หรือบันไดทางขึ้น-ลง หรือใกล้ห้องสุขา และยังดึงดูดความสนใจด้วยแสง สี เสียง และรางวัล แถมมีการแปะป้ายด้วยว่า สินค้าในตู้ ไม่ใช่เครื่องมือการพนัน มีไว้เพื่อการขายสินค้าเท่านั้น ซึ่งเป็นการหลอกลวงทั้งเด็กและผู้ปกครอง ให้เข้าใจผิด

ทั้งนี้  นายธนากร คมกฤส  เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเสนอว่ารัฐควรพิจารณากำหนดพื้นที่ติดตั้งตู้เหล่านี้ให้อยู่สถานที่ที่เหมาะสมพร้อมมีข้อกำหนด ปิดประกาศให้ชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ใช้บริการและที่สำคัญต้องกำหนดให้ ปิดป้ายประกาศกำกับจุดติดตั้งให้ชัดเจนความว่า “ตู้ดังกล่าวเป็นตู้เล่นพนันได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการพนัน” เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ เมื่อย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ จะพบว่า กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้เปิด “ปฏิบัติการปราบปรามตู้คีบตุ๊กตา” ทั่วประเทศ พร้อมทั้งสั่งห้ามอนุมัติหรือออกใบอนุญาตการตั้งตู้คีบตุ๊กตาในศูนย์การค้าต่างๆ ทั้งกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดอย่างเด็ดขาดหลังระบาดหนักเข้าข่ายผิดกฎหมาย และมอมเมาเยาวชน

ต่อมา ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 7 มี.ค. 2566 โดยมีข้อเสนอแนะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งไปยังหน่วยงานในสังกัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักกงานสอบสวนรับทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการกวดขัน จับกุม ผู้กระทำผิดและสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ส่งหนังสือเวียนด่วนที่สุดไปยังหน่วยงานในสังกัด ตร. เพื่อทราบและถือปฏิบัติตามแนวทางข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินอย่างเคร่งครัด

ทว่า ปัจจุบันพบว่าตู้คีบตุ๊กตาที่เข้าข่ายเป็นเครื่องเล่นการพนัน กระจายอยู่ตามห้างสรรสินค้าทั่วประเทศอย่างเอิกเกริก

ในแง่ธุรกิจ “ตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญ”  นับเป็นธุรกิจเสือนอนกิน เพราะทำกำไรให้ผู้ประกอบการได้เป็นจำนวนมาก อ้างอิงข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยมูลค่าเศรษฐกิจตู้คีบตุ๊กตาในประเทศไทย อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นรายย่อยและขนาดย่อม ซึ่งรายได้เฉลี่ยของผู้ประกอบการตู้คีบตุ๊กตาในประเทศไทย อยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อเดือน โดยเงื่อนไขขึ้นอยู่กับ จำนวนตู้ ทำเลที่ตั้ง และสินค้าในตู้

ท้ายที่สุดสิ่งที่ภาคประชาสังคมเรียกร้อง คือการจัดระเบียบเครื่องเล่นที่เข้าข่ายพนันมอมเมาเยาวชน ไม่ใช่พุ่งเป้าทำลายธุรกิจ ตั้งแต่มีการขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่? ควบคุมเพื่อไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภค ตลอดจนสิ่งของในตู้คีบให้เป็นไปตาม “มาตรฐานผลิตภัณฑ์” และ “การละเมิดลิขสิทธิ์”  


กำลังโหลดความคิดเห็น