ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในห้วงยามที่ “บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA” กำลังเผชิญกับวิบากกรรมครั้งใหญ่หลัง “สมโภชน์ อาหุนัย” ผู้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)และคณะ ถูกสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กรณีทุจริตทำให้ EA และบริษัทย่อยเสียหาย แถมส่งเรื่องให้ ปปง.ตรวจสอบเรื่องฟอกเงินอีกด้วย แวดวงยานยนต์ก็จับตามองธุรกิจของเขาว่าจะดำเนินไปอย่างไร นับตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งบริษัทย่อย โดยใช้ชื่อว่า “บริษัท ไมน์ โมบิลิตี รีเสิร์ช (MINE Mobility Research Co., Ltd.)” เพื่อพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า จนสามารถทำคลอด MINE MT30 ออกมาจำหน่ายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าของ EA ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ ปี 2561 ซึ่งในวันนั้น “สมโภชน์” ประกาศเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบสัญชาติไทยอย่างยิ่งใหญ่ถึง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น City EV Concept, Sport EV Concept และ MPV EV-Concept โดยนายใหญ่แห่ง EA ยืนยันว่ารถต้นแบบทั้ง 3 รุ่นนี้สามารถตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย และเป็น Full EV ด้วย
ขณะที่ “ธนพัชร์ สุขสุธรรมวงศ์” ซีอีโอบริษัท MINE Mobility Research กล่าวว่า นอกจากความโดดเด่นในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยแล้ว MINE Mobility ยังมีจุดเด่นสำคัญอีกหนึ่งข้อนั่นคือการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ในราคาไม่ถึงหกแสนบาทที่คนไทยทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ด้วยความที่สามารถผลิตแบตเตอร์รี่ได้เอง ส่วนการออกแบบนั้นทาง MINE Mobility ตั้งใจให้มองออกได้ง่ายว่ารถยนต์ของ MINE นั้นไม่ใช่รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป ซึ่งดีไซน์ล้ำสมัยนี้ยังถูกสื่อสารผ่านโลกโก้ของแบรนด์ด้วยเช่นกัน โดยคาดหวังว่าจะได้เห็นรถยนต์ที่ผลิตและออกแบบโดยคนไทยวิ่งตามท้องถนน หรือไปสู่ตลาดโลก
ต่อมาในปี 2562 สมโภชน์ก็เปิดตัวรถไฟฟ้า 100% อย่าง “MINE SPA1” รถ MPV ขนาด 5 ที่นั่งภายในงานมหกรรมยานยนต์ “บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 40” แต่รถยนต์รุ่นดังกล่าวกลับหายเงียบไปอย่างไร้วี่แวว หลังจากที่ได้เคยมีการนำออกมาอวดโฉมได้เพียงไม่นาน ท่ามกลางการเฝ้ารอคอยของผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงและหันมาใช้พลังงานที่สะอาด จนมาถึงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 43 จึงได้รับทราบว่าทาง EA ได้ชะลอการผลิตรุ่นดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อย
“ก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนการที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลภายใต้โมเดลที่ชื่อว่า MINE Mobility โดยได้เปิดตัวรุ่น SPA1 ซึ่งเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัว 5 ที่นั่งในปี 2562 แต่ยังไม่ได้ส่งมอบรถให้กับลูกค้าแต่อย่างใด เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลให้ยอดสั่งจองรถยนต์จำนวน 3,500 คันจากกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ในนามของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิถูกยกเลิก จากสาเหตุที่รายได้ของพนักงานขับรถแท็กซี่ลดลง รถประจำทางและรถบรรทุกจะกลายเป็นตลาดหลักของเรา และเรายังไม่ได้ล้มเลิกแผนผลิตรถยนต์เสียทีเดียว แต่กำลังประเมินศักยภาพของตลาด”อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ เปิดเผย
จากนั้น EA ได้ประกาศปรับแผนหันมาเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือปิกอัพไฟฟ้าขนาด 1 ตัน โดยจะใช้ชื่อยี่ห้อ “ไมน์” พร้อมลงทุนเพิ่มเติมมูลค่า 400-500 ล้านบาท นำแพลตฟอร์มของ MINE SPA1 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้มาพัฒนา โดยจะพยายามทำราคาให้ได้ประมาณ 1 ล้านบาท และเน้นเจาะตลาดคอมเมอร์เชียล ภาคการขนส่ง โดยทาง EV โฆษณาว่า มีจุดแข็งที่ระยะเวลาในการชาร์จไฟฟ้า จาก 0-80% ของแบตเตอรี่ใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น ขณะที่ 0-100% จะใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 200-270 กม. ใช้แบตเตอรี่ขนาด 30 kWh
และในท้ายที่สุดแล้ว EA ก็สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายได้จริงๆ ซึ่งก็เป็นรุ่นที่สร้างชื่อและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางก็คือ มินิทรัคอย่าง “MINE MT30” ซึ่งเป็นรถที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยมากับคอนเซ็ปต์ Respect Environment และที่สำคัญรถรุ่นนี้ยังได้จดทะเบียนเป็นรถกระบะไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของไทย พร้อมทั้งได้รับรางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2023 ในสาขาผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์ ประเภทรถกระบะไฟฟ้า ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับสุดยอดสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมแห่งปี 2566 อันเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จในด้านนวัตกรรมสินค้าและบริการ โดยมอบให้แก่องค์กรที่คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด จัดโดยนิตยสาร Business+ ในเครือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
อมร ทรัพย์ทวีกุล ให้ข้อมูลในวันเปิดตัวว่า กำลังการผลิตรถกระบะไฟฟ้ารุ่น EV Mini Truck MT30 มีสูงถึง 5,000-6,000 คันต่อปีและพร้อมขยายไลน์การผลิตหากได้รับการตอบรับดี โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ‘ผู้ประกอบการ’ ที่สนใจการใช้งานรถไฟฟ้า ที่คำนึงถึงการลดต้นทุนค่าขนส่งและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพราะต้นทุนด้านพลังงานจะลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับการใช้งานเครื่องยนต์สันดาป รวมถึงระบบชาร์จเร็วใน 15 นาทีช่วยกลบจุดอ่อนของยานยนต์ไฟฟ้าได้ด้วย
หลังจากนั้น EA ยังได้เข้าไปถือหุ้นใหญ่ในบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน สัญชาติไต้หวัน อมิตา เทคโนโลยี อิงก์ โดยจะเริ่มผลิตในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ อมิตา เทคโนโลยี ประเทศไทย และเตรียมขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการ หลังจากมีการลงทุนเฟสแรกปี 2564 ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 7,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตที่ 1 kWh หรือประมาณ 6 ล้านเซลล์ ซึ่งก็เป็นที่จับตาค่อนข้างมาก เนื่องเพราะต้นทุนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าคือ “แบตเตอรี่” ที่ยังคงมีราคาสูง
จากจุดเริ่มต้นที่รถยนต์ส่วนบุคคลปรับเปลี่ยนไปเป็นรถมินิทรัคอย่าง MT30 ทาง EA ยังได้ขยายตลาดไปสู่ รถโดยสารไฟฟ้า 100% ภายใต้ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ใช้เงินลงทุนอีกราว ๆ 2,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 80 ไร่ ที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ในช่วงเริ่มต้นมีกำลังการผลิต 1-2 คันต่อวัน และเพิ่มกำลังผลิตเป็น 10 คันต่อวัน และในอนาคตจะเพิ่มเป็น 80 คันต่อวัน เพื่อเตรียมรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการอีกกว่า 3,000 คัน
ไม่เพียงแต่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้สัญจรทางบกเท่านั้น ในโปรเจ็กต์ของยานยนต์พลังงานสะอาดของ EA ยังรุกไปที่ “เรือไฟฟ้า” อีกด้วย นั่นก็คือ “MINE Smart Ferry”
สมโภชน์บอกว่า MINE Smart Ferry เป็นเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุด ออกแบบและผลิตโดยคนไทย 100% และได้รับการจดทะเบียนเป็นเรือพลังงานไฟฟ้าเป็นลำแรกของประเทศเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเตรียมการที่จะผลิตรถบัสไฟฟ้า โดยนำเทคโนโลยี DC Fast Charge ที่ทันสมัยที่สุดของ EA Anywhere มาออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานด้วยเวลาการชาร์จที่สั้นที่สุด และประหยัดพลังงาน
“EA ได้นำเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตโดยบริษัทในกลุ่มของ EA มาใช้ออกแบบและผลิตเพื่อขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบโจทย์ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์”สมโภชน์กล่าว
แน่นอนว่า ณ วันนี้ แม้ “สมโภชน์” พร้อมผู้บริหารอีก 2 คนจะถูกดำเนินคดี แต่เชื่อว่า พื้นฐานของ EA ทางด้านยานยนต์ไฟฟ้ายังคงมีอนาคตบนเส้นทางสายนี้ด้วยวางรากฐานในการผลิต การพัฒนาและใช้เม็ดเงินลงทุนไปพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นและทั้งหลายทั้งปวงก็ขึ้นอยู่กับว่า สุดท้ายแล้วคดีความจะลงเอยอย่างไร และจะกระทบกับภาพรวมของบริษัทมากไปกว่าที่เกิดขึ้น ณ ห้วงเวลานี้หรือไม่ อย่างไร
ดังนั้น โปรดติตตามอนาคตและชะตากรรมของยานยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทยจะดำเนินไปอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนดาหน้าเข้ามาถล่มตลาดประเทศไทยอย่างหนักหน่วงในเวลานี้