xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

หลุดเพราะ “ใคร” “สมชาย” สอบตก บารมี “ทักษิณ” เสื่อม “ค่ายเซาะกราว” ผงาดคุมเสียง “สภาสูง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เซอร์ไพร์สไม่น้อย เมื่อ “บิ๊กเนม-ขาใหญ่” จากหลายสาขาอาชีพไปไม่ถึงฝั่งฝันบนเส้นทาง “สว. 2024” การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นรอบไฟนอล ที่เลือกกันข้ามวันข้ามคืน ตัดตัวเหลือ 200 ว่าที่ สว. และอีก 100 ว่าที่ตัวสำรอง

โดย สว. ชุดใหม่ 200 คน จะเข้าทำหน้าที่แทน สว.ชุดเฉพาะกาล 250 คน ที่หมดวาระไปแล้วตั้งแต่ 10 พ.ค.67
หลังจากนี้ ผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ จะรายงานผลการเลือกไปยัง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยตามระเบียบต้องรอไว้ไม่น้อยกว่า 5 วัน และเมื่อพ้นกำหนดเวลา หาก กกต.เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้องสุจริต-เที่ยงธรรม ก็จะดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็วต่อไป

ทั้งนี้ คาดว่า แม้จะมีเรื่องร้องเรียนคัดค้านการเลือก สว.ครั้งนี้จำนวนมาก แต่ กกต.น่าจะเร่งประกาศรายชื่อ สว.ชุดใหม่ทันทีหลังครบ 5 วัน คือในวันที่ 2 ก.ค.67 ซึ่งเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เคยระบุก่อนหน้านี้
สำหรับรายชื่อ 200 ว่าที่ สว. และ 100 ว่าที่ตัวสำรองนั้นถือว่า พลิกโผจนอาจเรีนกส่า “ไม่ตรงปก” ไปพอสมควร เพราะเมื่อไล่เรียงรายชื่อจะพบว่า “โนเนม” ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับประเทศเสียส่วนใหญ่
ส่วน “บิ๊กเนม-คนดัง” ที่พอหลุดรอดเข้ามาก็มีอาทิ วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี อดีตผู้ว่าฯ สมุทรสาคร, พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4, ไพบูลย์ ณะบุตรจอม อดีตผู้ว่าฯ พิจิตร, อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.), ชิบ จิตนิยม ผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศชื่อดัง, มงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง, พ.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี อดีต สว.อ่างทอง

กมล รอดคล้าย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.), วุฒิชาติ กัลยาณมิตร อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), แล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ, บุญส่ง น้อยโสภณ อดีต กกต., นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอดีตที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข, นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง ม.เกริก

ปฏิมา จีระแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์, ประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ, ยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีต สส.จันทบุรี, นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต สส.ขอนแก่น, ณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกสมาคมศิษย์เก่าสุรนารีวิทยา ภรรยา วิเชียร จันทรโณทัย อดีตผู้ว่าฯ นครราชสีมา เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของตัวสำรองที่น่าสนใจ อาทิ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง, พันธุ์เลิศ ใบหยก ประธานกรรมการเครือตึกใบหยก, ธัชพงศ์ แกดำ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ประทีป คงสิบ อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เป็นต้น

แต่ที่ฮือฮากลบเสียงวิจารณ์วิธีการเลือก สว.ชุดประวัติศาสตร์ กับการเลือกไล่ระดับ-ไขว้กลุ่ม ที่เข้าขั้น “มั่วซั่ว” ท่ามกลางข้อครหาซื้อโหวต-ล็อกโหวต ก็คงเป็นการที่ “เขยชินวัตร” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกคาดหมายว่าจับจองเก้าอี้ประธานวุฒิสภาล่วงหน้าแล้ว กลับร่วงตกรอบสุดท้ายในรอบเลือกไขว้

ตามข่าวระบุว่า “สมชาย” ได้เพียง 10 คะแนนเท่านั้นในการเลือกรอบไขว้ ห่างไกลจาก 16 คะแนนของคนสุดท้ายที่ได้รับเลือกเป็นว่าที่ สว.ในกลุ่มที่ 1 กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง ที่เจ้าตัวลงสมัครอยู่พอสมควร อีกทั้งยังไม่ติดแม้แต่ชื่อสำรองด้วยซ้ำ

การที่ “เบอร์ใหญ่ชินวัตร” ตกรอบ อาจมองผิวเผินได้ว่า “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ใช้ “กำลังภายใน” แทรกแซงการเลือก สว.ครั้งนี้ ตามที่คนจากพรรคเพื่อไทยออกมาโหนทันทีว่า การที่ “สมชาย” ตกรอบ สว. สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือแทรกแซงในกระบวนการ


แต่หากมองลึกๆ ลงไปตามสไตล์ “ทักษิณ” จะบอกว่า ปล่อยให้ “สมชาย” ที่พกดีกรีอดีตนายกฯ และเป็นระดับ “สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า” ลงสมัคร สว.แบบตามมีตามเกิด ก็คงไม่น่าเชื่อ

เพราะหาก “สมชาย” เข้าวิน และไปถึงเก้าอี้ประธานวุฒิสภาจริง ก็จะยิ่งจะเสริมส่งบารมี “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่มีพาวเวอร์เหนือรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรในตอนนี้ มากขึ้นแบบทวีคูณ

แต่คงเป็นด้วย “ความผยอง” ในอำนาจ-บารมีในมือ จึงทำให้ “ทักษิณ” ไม่ได้ออกแรงผลักดันเท่าที่ควร เพราะมั่นใจว่า ดีกรีระดับ “สมชาย” คงไม่น่าพลาด

หรืออาจมองอีกมุมว่า “นายใหญ่เพื่อไทย” ผลักดันเต็มที่แล้ว แต่เกิดความผิดพลาด โดยมีการวิเคราะห์กันว่า “สายเพื่อไทย” ไม่ได้เน้นเวที สว.มาตั้งแต่ต้น จึงไม่ได้วางตัว “นอมินี” ให้เข้ามาเป็นโหวตเตอร์ในระดับประเทศเท่าที่ควร และหวังมา “ทุ่ม” เอาดาบหน้าในการโหวตระดับประเทศ

เห็นได้จากคะแนนรอบสุดท้ายของ “สมชาย” ที่ได้มาเพียง 10 คะแนน ห่างจาก “กลุ่ม สว.จัดตั้ง” ที่ได้มากกว่า 70 คะแนน และเฉลี่ยเกิน 20 คะแนนในทุกกลุ่มสาขาอาชีพ

เช่นเดียวกับ “สายตรงตระกูลชินวัตร” อย่าง นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ ที่ตกรอบแรกในการโหวตระดับประเทศ หรือ ศรีเมือง เจริญศิริ อดีต สว.มหาสารคาม ที่ติดแค่ตัวสำรอง ขณะที่ “สมชาย” แม้ผ่านรอบแรก แต่คะแนนก็ไม่ได้ท่วมท้นเหมือนครั้งเลือกในระดับจังหวัดที่ จ.เชียงใหม่

อาจจะต้องบอกว่า งานนี้ “ทักษิณ” ประมาทที่ไม่ได้วางแผนอย่างรอบคอบ ทำให้ “สมชาย” พลาดท่า หมดโอกาสกอบกู้ชื่อเสียงบนเก้าอี้ประธานวุฒิสภาอย่างที่หวังไว้

อีกทั้งยังเป็นการกระตุกเตือน “ทักษิณ” ว่าอย่าหลงลำพองกับอำนาจ-บารมีในมือมากเกินไป เพราะที่สุดอาจต้อง “ตายน้ำตื้น” แบบ “สมชาย” ได้

และอาจเป็นบทเรียนสำคัญที่ “ทักษิณ” ต้องไปปรับแก้เกม “สนามท้องถิ่น” ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศเร็วๆ นี้

โดยมีสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี วันที่ 30 มิ.ย.67 เป็นตัวชี้วัดบารมีของ “ทักษิณ” ล่วงหน้าว่ายังคงเข้มขลังหรือไม่ กับการที่ พรรคเพื่อไทย ส่ง ชาญ พวงเพ็ชร อดีตนายก อบจ.ปทุมธานี 3 สมัย ลงสมัครในนามพรรค เพื่อหวังหักด่าน “บิ๊กแจ็ด” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เจ้าจองเก้าอี้เดิม ที่แตกหักกับ “นายใหญ่” ไปแล้ว

ทำนองเดียวกันจะว่า “ทักษิณ” ไม่เน้นก็คงไม่น่าเชื่อ ทั้งการที่เจ้าตัวหาเหตุไปร่วมงานบวชนายกเทศมนตรี ที่เป็นหัวคะแนนสำคัญในพื้นที่ เพื่อปลุกกระแสคนเสื้อแดง รวมทั้งส่ง “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร รวมถึง “หัวหน้าอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปช่วยเดินหาเสียง

หาก “ชาญ” พลาดท่าอีก ก็จะเป็นการสั่งสอนให้ “นายใหญ่” ผู้มากบารมี ได้ลิ้มรสถึงความพ่ายแพ้อีกคำรบ

ตัดกลับมาที่เวที สว.ชุดใหม่ ไล่เรียงรายชื่อ 200 ว่าที่ สว. ก็จะพบว่า สายพรรคเพื่อไทย หรือ “สว.สีแดง” รวมไปถึงสายพรรคก้าวไกล หรือ “สว.สีส้ม” ที่ถูกจับตามองเหลือรอดเข้าไปประจำการใน “สภาสูง” น้อยกว่าที่คิด ว่ากันว่า “สว.แดง-ส้ม” มีเพียงเฉดละไม่ถึง 20 คนเท่านั้น

ขณะเดียวกันเมื่อไล่เช็ก “ว่าที่ สว.” ที่ถูกมอง “โนเนม” ก็พบว่าล้วนแล้วแต่เป็น “เด็กซุ้ม-คนมีนาย” แทบทั้งสิ้น สำคัญที่เกินกว่าครึ่งมีร่องรอยเชื่อมโยงกับ “ค่ายเซราะกราว” หรือพรรคภูมิใจไทย และอาจพูดได้ว่าเป็น “สว.สีน้ำเงิน” ก็คงไม่ผิด

เมื่อจำแนกตามจังหวัดที่มาของ สว.ก็ยิ่งชัดเจนเมื่อมีว่าที่ สว.ถึง 14 คนจาก 11 สาขาอาชีพที่มาจาก จ.บุรีรัมย์

ขณะเดียวกันก็ยังมีที่มาจากจังหวัดพื้นที่อิทธิพลของ “ค่ายภูมิใจไทย”

ไม่ว่าจะเป็น พระนครศรีอยุธยา-สุรินทร์ จังหวัดละ 7 คน, สงขลา-สตูล-อ่างทอง จังหวัดละ 6 คน, ศรีสะเกษ-อำนาจเจริญ-อุทัยธานี จังหวัดละ 6 คน เป็นต้น

จนพูดกันว่า ต่อไป “รีโมท” กดปุ่มให้วุฒิสภาชุดใหม่โหวตจะตั้งที่อยู่ “บุรีรัมย์”

และยิ่งชัดเจนไปอีก เมื่อพลิกปูมหลังว่าที่ สว.แต่ละราย พบว่ากว่าครึ่งพะยี่ห้อ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” อาทิ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาค 4 อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ประธานที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ที่มีความใกล้ชิดกับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (สุราษฎร์ธานี), มงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และอดีตผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ (บุรีรัมย์), อภิชาติ งามกมล อดีตรองผู้ว่าฯอำนาจเจริญ พี่ชาย ไตรเทพ งามกมล สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (บุรีรัมย์)

พรเพิ่ม ทองศรี อดีตหัวหน้าคณะทำงาน รมช.มหาดไทยรัฐบาลชุดปัจจุบัน และ เป็นพี่ชายนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย (บุรีรัมย์), พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (บุรีรัมย์), ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข (สมัยนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น รมว.สาธารณสุข) (บุรีรัมย์) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีอดีตผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทยหลายคน อาทิ นิพนธ์ เอกวานิช อดีตประธาน บ.ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด ผู้ให้บริการรถโดยสาร Smart EV Bus ในภูเก็ต และอดีตผู้สมัคร สส.เขต 1 จ.ภูเก็ต พรรคภูมิใจไทย (ภูเก็ต), สมบูรณ์ หนูนวล อดีตข้าราชการสังกัดกรมควบคุมโรค อดีตผู้สมัคร สส.ชุมพร พรรคภูมิใจไทย (ชุมพร), มาเรีย เผ่าประทาน อดีตผู้สมัคร สส. เขต 3 จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคภูมิใจไทย (ประจวบคีรีขันธ์), ประเทือง มนตรี อดีตผู้สมัคร สส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ (พัทลุง) เป็นต้น


ขณะเดียวกันก็ยังมีเครือข่ายของรัฐมนตรี และ สส.ในสังกัดพรคคภูมิใจไทย อาทิ นิเวศ พันธ์เจริญวรกุล อดีต สว.อยุธยา น้องชาย สมทรง พันธ์เจริญวรกุล อดีตนายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา มีศักดิ์เป็นอา สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ (พระนครศรีอยุธยา), สัมพันธ์ ชัยวิเศษจินดา ที่ปรึกษาตลาดศรีเมือง ตลาดค้าส่งรายใหญ่ภาคกลาง ซึ่ง นภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นเจ้าของ

กมล รอดคล้าย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะทำงานด้านการศึกษา พรรคภูมิใจไทย (สงขลา), โชคชัย กิตติธเนศวร ค้าขายวัตถุมงคล พระเครื่อง ทายาท วุฒิชัย กิตติธเนศวร อดีต สส.นครนายก พรรคภูมิใจไทย (นครนายก), กิติศักดิ์ หมื่นศรี ผู้รับเหมาก่อสร้าง ถมดิน อดีตรองประธานสภา อบจ.ปราจีนบุรี (ปราจีนบุรี), รุจิภาส มีกุศล ผู้จัดการโรงไฟฟ้าชีวมวลมุ่งเจริญ ของตระกูลมุ่งเจริญพร (สุรินทร์) เป็นต้น

ไม่เพียงเท่านั้นยังมี “ว่าที่ สส.โนเนม” ที่มีร่องรอยเชื่อมโยงกับ “เครือข่ายบุรีรัมย์” จำนวนมาก ทั้ง ฤชุ แก้วลาย สัตว์แพทย์ เจ้าของคลินิกรักษาสัตว์ใน อ.ประโคนชัย (บุรีรัมย์), จตุพร เรียงเงิน อาชีพวิ่งน้ำและรับจ้าง (บุรีรัมย์), ปวีณา สาระรัมย์ อาชีพทำนา (บุรีรัมย์), วรรษมนต์ คุณแสน ช่างเสริมสวย 15 ปี (บุรีรัมย์)

และที่ฮือฮาที่สุดไม่พ้นรายของ ปราณีต เกรัมย์ ผู้สมัคร สว.จาก จ.บุรีรัมย์ ในกลุ่มที่ 16 กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา ซึ่งได้กรอกประวัติเพียงบรรทัดเดียวว่า “นักกีฬาฟุตบอลอาวุโส พ.ศ.2527-2547” แต่ได้คะแนนมากถึง 54 คะแนน

ก่อนที่จะมีการสืบค้นได้ว่า “ปราณีต” เคยเป็นคนขับรถให้กับ “ปู่ชัย ชิดชอบ” อดีตประธานรัฐสภา บิด้าผู้ล่วงลับของ “นายใหญ่เซราะกราว” เนวิน ชิดชอบ ผู้มากบารมีแห่งพรรคภูมิใจไทยนั่นเอง

การที่ผู้สมัครโนเนมอย่าง “ปราณีต” และอีกหลายๆรายที่มาจาก จ.บุรีรัมย์ และเครือข่ายเข้าป้ายได้เป็น สว.ชุดใหม่ ด้วยคะแนนสูงแบบสบายๆ ถือเป็นการตอกย้ำความเป็น “เซียนการเมือง” ของ ”เนวิน“ ได้เป็นอย่างดี

เป็นการวางเกมเหนือชั้นแบบที่คนอื่นอาจคิดได้ แต่ทำไม่ได้แบบ “เนวิน” ที่วันนี้จำเป็นต้อง “ออกแรง” สยายปีกมาคุม “สภาสูง” ด้วยรู้ว่าฐานที่มั่นอย่าง พรรคภูมิใจไทย ไม่มั่นคงอีกต่อไป รอเพียงเวลาตัดสินคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น

เป็นการมองการณ์ไกลว่า หากพรรคภูมิใจไทยถูกยุบ จะส่งผลต่ออำนาจต่อรองทางการเมืองของ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” ที่อาจเหลือ สส.อยู่ไม่เท่าเดิม เพราะหลายคนเริ่มมองลู่ทางหาทางกลับเข้าสังกัด พรรคเพื่อไทย ในวันที่ “นายใหญ่ทักษิณ” กลับมาบัญชาการเต็มตัว

เมื่ออำนาจต่อรองใน “สภาล่าง” รวมถึงในรัฐบาลอาจจะลดน้อยถอยลง “เนวิน” จึงสบช่องช่วงชิงการนำใน ”สภาสูง” เพื่อเป็นฐานที่มั่นใหม่ของตัวเอง

ดีไม่ดีการที่ “ซุ้มบุรีรัมย์” เข้าไปเต็ม “สภาสูง” ขนาดนี้ แต่ “อดีตนายกฯ สมชาย” สายตรงจันทร์ส่องหล้า ร่วงอย่างไม่น่าเชื่อ ก็อาจเพราะอิทธิฤทธิ์ “ค่ายเซราะกราว” ก็เป็นได้.





กำลังโหลดความคิดเห็น