ชื่อของโบอิ้งอยู่คู่เคียงกับความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกับโคคา-โคล่า, ไมโครซอฟท์, แอปเปิล เป็นต้น แต่นาทีนี้ เครื่องบินของโบอิ้งได้เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องขัดข้อง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าติดๆ กัน และทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต
อุบัติเหตุใหญ่เมื่อปี 2018/19 เกิดที่เอธิโอเปียและอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำเอาผู้โดยสารและลูกเรือตายไป 346 คน และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงซีอีโอ จากเดนิส มัลเลนเบิร์ก (ถูกปลดออก) มาเป็นนายเดวิด คาลฮูน เมื่อปี 2020 คือเมื่อเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา; ก็ยังมีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เมื่อมกราคมปีนี้ ที่สายการบินอลาสกา เกิดประตูของเครื่องบินหลุดออก ขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่! จนต้องรีบลงฉุกเฉินที่เมืองพอร์ตแลนด์รัฐออเรกอน แม้ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่ก็เป็นที่น่าสะเทือนขวัญ และส่งผลต่อราคาหุ้นของโบอิ้งตกลงไปจากวันนั้นถึงวันนี้ถึง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์
วันอังคารที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซีอีโอของโบอิ้งได้ถูกคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการความมั่นคงภายในและกิจการรัฐบาล Homeland Security and Government Affairs Committee) ของวุฒิสภาสหรัฐฯ เรียกมาไต่สวนสาธารณะ (Investigation Hearing) ที่โบอิ้งขายเครื่องบินที่ไม่ได้คุณภาพจนทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
นายเดวิด คาลฮูน ได้ประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า จะขอลงจากตำแหน่งในปลายปีนี้ โดยได้ส่งรายงานการปรับปรุงแก้ไขการทำงานของบริษัท (เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเหล่านั้นอีก) ยื่นต่อคณะอนุกรรมการชุดนี้ และได้ไปรับการไต่สวนตามนัด
บรรยากาศตึงเครียดมากในห้องไต่สวน โดยมีบรรดาญาติของผู้โดยสารที่เสียชีวิตและที่บาดเจ็บมากันพร้อมเพรียง พร้อมชูรูปภาพของเหล่าผู้เสียชีวิตในเที่ยวบินที่เครื่องบินผลิตโดยโบอิ้ง และยืนขึ้นประท้วงคำให้การของนายคาลฮูน
นายคาลฮูนได้เตรียมตัวมาดีทีเดียว โดยก่อนเริ่มให้การก็ได้ขออนุญาตประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อไปกล่าวขอโทษต่อญาติผู้เสียชีวิต โดยยอมรับผิดโดยดุษฎีต่อความขัดข้องของระบบกำกับการบิน
ประธานคณะอนุกรรมการเป็น สว.อาวุโสพรรคเดโมแครตคือ ริชาร์ด บลูเมนทัล จากรัฐคอนเนติคัด ได้เริ่มต้นการไต่สวนว่า การไต่สวนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะต้องการให้โบอิ้งประสบความสำเร็จ; แต่ก็ได้ตำหนิทันทีว่า รายงานของโบอิ้งที่ส่งมาให้คณะอนุกรรมการ ว่ามีการแก้ไขปรับปรุงการทำงานนั้น “ยังใช้ไม่ได้, ยังไม่พอเพียง” โดยเฉพาะถ้าโบอิ้งจะแค่ยักไหล่แล้วท่องคาถาว่า “ความผิดพลาดมันเกิดได้เสมอ!”
อุณหภูมิของการไต่สวนครั้งนี้ ร้อนขึ้นมาก็เพราะมีรายงานด่วนนำเสนอเข้ามาในอนุกรรมาธิการ 1 วันก่อนการไต่สวน จากพนักงานของโบอิ้งเองที่ยอมเปิดปากเล่าถึงความลับที่เกิดขึ้นที่โบอิ้ง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถี่ๆ ขณะนี้
พนักงานผู้นี้ชื่อ แซม โมฮอก มีตำแหน่งเป็นผู้สอบทานการรับรองคุณภาพ (Quality-Assurance Investigator) ของโบอิ้ง ซึ่งได้แสดงหลักฐานต่อคณะอนุกรรมการว่า
เขาได้ชี้ให้ฝ่ายจัดการของโบอิ้งทราบถึงชิ้นส่วนบางชิ้นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน รวมทั้งการลดขั้นตอนการทำงาน (เพื่อประหยัดเวลาและลดต้นทุน) จนทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงาน... ปรากฏว่า เขาถูกตอบโต้จากเจ้านายบางคนว่า เขาเป็นตัวเจ้าปัญหาที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิตเครื่องบิน และฝ่ายจัดการและหัวหน้าของแซมมีขู่จะปลดเขาออก ถ้าเขาไม่หยุดทำรายงาน รวมทั้งลดจำนวนลูกน้องของแซม เพื่อให้แซมทำงานได้ยากมากขึ้น
แซมยังบอกด้วยว่า ทุกครั้งที่หน่วยงาน FAA (Federal Aviation Administration) ของรัฐบาลกลางมาตรวจสอบการทำงานของโบอิ้ง…เจ้านายจะสั่งให้เอาชิ้นส่วนที่ตกมาตรฐาน (ที่โบอิ้งยังใช้อยู่... เพื่อลดต้นทุน และเพื่อจะได้ผลิตเครื่องบินได้เร็วทันส่งให้ลูกค้าที่มีคำสั่งเข้ามามาก) เอาไปหลบซ่อนไม่ให้ FAA ตรวจเจอ! เหมือนผักชีโรยหน้าเฉพาะชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานที่มาให้ FAA ดู
นายเดวิด คาลฮูน บอกกับคณะอนุกรรมการว่า ธรรมเนียมปกปิดความลับ (ความชั่ว) ของโบอิ้งนี้ เขาได้เข้าไปจัดการตั้งแต่ต้นปี (หลังอุบัติเหตุ ประตูเครื่องบินหลุด) โดยได้พยายามสนับสนุนให้พนักงานแจ้งถึงข้อบกพร่องในสายการผลิตมากขึ้น ซึ่งทางคณะอนุกรรมการบอกว่า ยังไม่พอเพียง จนนายแซมทนไม่ไหวจึงทำรายงานตรงมายังคณะอนุกรรมการชุดนี้ว่า เวลามีพนักงานเริ่มแจ้งข้อบกพร่องที่เกิดในสายงานจะถูกตอบโต้จากฝ่ายจัดการอยู่เสมอๆ
ด้าน สว.จอช ฮอลเลย์ จากพรรครีพับลิกัน (รัฐมิสซูรี) ซึ่งเป็นคู่หูทรัมป์ ได้เล่นบทตีแสกหน้านายเดวิด คาลฮูน (เพื่อเรียกคะแนนเสียง) โดยพูดโจมตีว่า นายคาลฮูน ได้เงินเดือนและค่าตอบแทน (เป็นหุ้นของโบอิ้ง) สูงมากถึง 33 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1,000 ล้านบาท) ต่อปี ช่างไม่คุ้มเงินเดือนเลย!! และไม่น่าเชื่อที่นายคาลฮูนยังสามารถทำงานในตำแหน่งซีอีโออยู่ได้ในวันนี้!!
นาทีนี้โบอิ้งยังไม่สามารถหาคนที่จะมาเป็นซีอีโอแทนนายคาลฮูนเจอด้วยซ้ำ!!
อาการที่โบอิ้งสะท้อนถึงกำไรสูงสุดที่แลกด้วยชีวิตของผู้โดยสารรวมทั้งพนักงานของสายการบิน
รวมทั้งวัฒนธรรมปกปิดความบกพร่องของชิ้นส่วนและขบวนการสายการผลิตที่มีการแอบใช้ชิ้นส่วนตกมาตรฐาน และการลดขั้นตอนเพื่อเร่งการผลิตให้เร็วทันส่งมอบ
ราคาหุ้นโบอิ้งตกลงมากว่า 30% ตั้งแต่ต้นปี…และแม้คู่แข่งแบบแอร์บัสของยุโรปจะกระดี้กระด้าเพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดมาแทนโบอิ้ง แต่ความน่าเชื่อถือของความปลอดภัยในการบินก็ถูกกระทบไปทั้งอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะกับความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของสหรัฐฯ เองด้วย