xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ย้อนรอย “ลัทธิประหลาด” เคลมทุกโรค ศรัทธางมงาย สู้โรคภัยด้วยความหวัง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การอุบัติของ  “ลัทธิประหลาด”  อาศัยแรงขับเคลื่อนศรัทธาความเชื่อที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย มักมีผู้ตั้งตนเป็น  “ผู้ชี้นำทางจิตวิญญาณ”  คอยกระตุ้นกระแสศรัทธางมงาย โดยเฉพาะการอวดอ้างรักษาโรคด้วยพลังวิเศษ สะเดาะเคราะห์ด้วยพิธีกรรมประหลาด ล้วนเป็นปรากฎการณ์สะท้อนความเปราะบางในจิตใจของผู้คนในสังคมที่ต้องการที่หาที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางใจเพื่อหลุดพ้นจากความกังวลในชีวิต

เริ่มตั้งแต่กรณี  “คลื่นพลังบุญ ดึงพลังรักษาได้ทุกโรค”  โดย  “อาจารย์น้องหญิง”  หรือ น.ส.โสวรีร์ ทองอินทร์ อายุ 38 ปี ผู้ก่อตั้งดินแดนธรรมสุขขาวะดี บ้านโนนตาแสง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี รักษาโรคให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอ้างว่าสื่อสารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และอ้างอีกว่าเป็นศาสตร์ควอนตัมฟิสิกส์ใช้คลื่นพลังรักษา เรียกว่า "คลื่นพลังบุญ ดึงพลังรักษาได้ทุกโรค"

พิธีกรรมในการรักษา  “คลื่นพลังบุญ”  ใช้ญาณและฌานในการสื่อสารกับพระเจ้า 5 พระองค์ ผ่านไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้า 5 พระองค์ โดยมีอาจารย์ผู้ชาย (ไม่มีชื่อเรียก) และอาจารย์น้องหญิง เป็นผู้รักษาให้ นอกจากนี้ ยังอวดอ้างคลื่นพลังบุญมีแต่ในประเทศไทย และอยู่ระหว่างการวิจัย โดยนาซ่า (NASA) และซีไอเอ (CIA) กำลังค้นหาคลื่นดังกล่าว ซึ่งดำเนินลักษณะคล้ายลัทธิบางอย่างมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม “อาจารย์น้องหญิง”  เพื่อดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นผู้การค้า”

ขณะที่  นพ.เทวัญ ธานีรัตน์  รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก อธิบายกรณี  “คลื่นพลังบุญ ดึงพลังรักษาได้ทุกโรค”  ว่าเป็น  “ปรากฏการณ์ยาหลอก”  ซึ่งในทางการแพทย์ทำกันมานานแล้ว บางครั้งคนไข้รู้สึกเจ็บปวด แพทย์อาจจะให้ยาอะไรที่ไม่มีผลในทางรักษาเลย เช่น ให้ทานยาที่เป็นแค่เม็ดแป้ง หรือฉีดน้ำกลั่นเข้าร่างกาย โดยที่คนไข้ไม่รู้ และคิดว่าเป็นยาจริง พอรับไปแล้ว จิตใจจะเข้าใจว่าได้รับยาแล้ว และจะรู้สึกบรรเทาความเจ็บปวดลง เป็นเหมือนการหลอกจิตของคนไข้ ให้รู้สึกบรรเทาความเจ็บไข้ ไม่ได้มีผลในทางการรักษาโดยตรง

นอกจากนี้ ยังมีกรณี  “วิชาครอบหม้อ”  ของ  “อาจารย์ปู่ตรัย” หรือ นายประดิษฐ์ อานประโคน  อายุ 46 ปี เปิดอาศรมชื่อ  “สวนมั่งมี สถานีภูมิปัญญา”  ตั้งอยู่ที่บ้านโคกเพชร หมู่ที่ 4 ต.โคกม้า อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อวดอ้างรักษาสารพัดโรค โดยวิธีการใช้หม้อแกงอลูมิเนียมมาครอบศีรษะผู้ที่เข้าไปรับการรักษา แล้วเอาวัสดุบางอย่างไปเคาะก้นหม้อ พร้อมกับท่องคาถาอ้างเปิดตาทิพย์เปิดตาที่สาม

ต่อมา  นพ.พิเชษฐ พืดขุนทด  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่าการตรวจสอบเบื้องต้นนายประดิษฐ์ ไม่ใช่หมอพื้นบ้าน ไม่เคยมาขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน จึงไม่เข้าข่ายอีกทั้งไม่ใช่เป็นสถานพยาบาลหรือสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ดังนั้น การให้บริการในลักษณะนี้ไม่น่าจะเชื่อมโยงเกี่ยวกับหลักวิทยาศาสตร์ในการรักษาคน น่าจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

นอกจากข้อพึงระวังการใช้หม้อร่วมกัน อาจจะมีโรคติดเชื้อทางผิวหนัง หรือโรคทางเดินหายใจขึ้นในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทางสาธารณสุขเป็นห่วง คือการเข้าไปรักษาแบบลักษณะนี้อาจจะเสียโอกาสในการรักษาทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. เกี่ยวกับการรักษา หรือเรียกรับเงินหรือไม่

หรือก่อนหน้านี้ก็มีกรณี “ลัทธิเชื่อมจิต”  ที่มีพฤติการณ์บิดเบือนหลักพระพุทธศาสนา ยกย่องบูชาเด็ก วัย 8 ขวบ อย่าง  “อาจารย์น้องไนซ์ นิรมิตเทวาจุติ”  รวมทั้งล่าสุด กับการปรากฏภาพผู้วิเศษอุบัติใหม่ในโลกสังคมออนไลน์ที่อ้างตัวเป็น  “หลวงปู่เทพอุดร” ได้รับภารกิจลงมาช่วยปัดเป่าความทุกข์ให้มนุษย์ เป็นบัญญัติจากสวรรค์ ค่าทำพิธีครั้งละ 10,000 บาทและจะต้องทำพิธีหลายครั้งหากต่อดวงไม่สำเร็จ โดยมีกระแสเรียกร้องไปยังสำนักพุทธฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบ






 อ้างอิงบทความเรื่อง  “ศาสนาในสังคมโลกสมัยใหม่” โดย  ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์  ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฉายภาพปรากฏการณ์ลัทธิใหม่ความว่าปรากฏการณ์เด่นชัดที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในมิติของศาสนาในสังคมโลกสมัยใหม่ ก็คือการเกิดขึ้นและขยายตัวของลัทธิพิธีใหม่ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น เกิดขึ้นมาพร้อมกับการลดน้อยถอยลงของศรัทธาในศาสนาหลัก ซึ่งการเกิดขึ้นและขยายตัวของลัทธิพิธีใหม่ๆ เหล่านี้ เป็นเรื่องที่ทางนักวิชาการจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ และพยายามที่จะอธิบายปรากฏการณ์นี้ เพราะลัทธิพิธีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจำนวนมากมีเป้าหมายต่างออกไปจากขนบศาสนาดั้งเดิม

กลุ่มลัทธิพิธีใหม่ที่พบในสังคมสมัยใหม่ แบ่งได้ 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เน้นตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวัน ที่จะเน้นความเชื่อเรื่อง ปาฏิหาริย์ หรือไสยศาสตร์ อันเกิดจากการบูชาเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในลัทธิพิธีนั้น เพื่อให้บรรลุหรือพบเป้าหมายที่ต้องการ, กลุ่มที่เน้นควบคุมจิตใจ ที่มีความเชื่อเรื่องความพยายามเข้าใจในความเป็นมนุษย์และการ ควบคุมจิตใจให้ดำเนินไปถึงเป้าหมายของลัทธิพิธี นั้น, กลุ่มที่เน้นความเชื่อเรื่องโลกแตก ซึ่งจำนวนหนึ่งมีฐานมาจากความ เกลียดชังระบบสังคมที่เป็นอยู่ ต้องการสร้างโลกใหม่ และกลุ่มที่เน้นมิติทางสังคม ที่จะเน้นศีลธรรมที่วางอยู่บนการช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยเหลือสังคม หรือบางกลุ่มได้เน้นเรื่องของการสร้างมนุษยสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทั้งหมดอย่างมีจริยธรรม

ลัทธิพิธีใหม่ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าคนในสังคมสมัยใหม่มีความต้องการที่จะอธิบายกระบวนการของชีวิตของเขาที่มีความแตกต่างและหลากหลายมากกว่าคำอธิบายจากความเชื่อจากศาสนาดั้งเดิม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีคนจํานวนไม่น้อยหันเข้าหาลัทธิพิธีใหม่ เพื่อแสวงหาคำตอบของเขาที่ไม่เหมือนกับคนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคม

สำหรับประเทศไทยมีลัทธิใหม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ว่าทุกกลุ่มจะก่อปัญหาให้แก่สังคม อ้างอิงข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตอธิบายสาเหตุที่ให้เกิดการหลงผิดเชื่อลัทธิประหลาด หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ พื้นฐาน คือภาวะขาดความมั่นคงในจิตใจของบุคคลในทุกด้านหรือบางด้าน เช่น หากถูกชักจูงเรื่องสุขภาพ อาจเพราะอยู่ในสภาพของโรคที่หาคำตอบไม่เจอ อย่างบางคนที่อยู่ในกลุ่มที่เชื่อว่า โรคที่ร้ายแรง รักษาไม่หาย เช่น มะเร็ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อย่างเบาหวาน ซึ่งมีรายละเอียดของการดูแล และตนเองไม่สามารถจัดการได้ ก็มีแนวโน้มจะเชื่อสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เพื่อให้รู้สึกว่ามีสิ่งยึดเหนี่ยว มีความหวัง จนเกิดการคล้อยตามเกิดความเชื่อมั่นจนเห็นปรากฎการณ์ลักษณะนี้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบจะมีความแตกต่างกันไป

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากรมสุขภาพจิตได้มอบหมายให้ศูนย์สุขภาพจิตทั่วประเทศสอดส่องดูแลปรากฎการณ์ลักษณะนี้ในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและสามารถเข้าถึงทางเลือกในการแก้ปัญหาสุขภาพที่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่ปรากฎการณ์อวดอ้างการรักษาโรคด้วยวิธีประหลาดก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิหน้ำซ้ำ ประชาชนจำนวนมากยังเกิดกระแสศรัทธาปักใจเชื่อเข้ารับการรักษาโดยวิธีเหนือธรรมชาติกันมากมาย

 ดังนั้น จึงชัดเจนว่าปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นประเด็นใหญ่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดเมื่อศรัทธาความเชื่องมงายกระทบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของประชาชน 



กำลังโหลดความคิดเห็น