หลังจาก ICJ (International Court of Justice –ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ) ได้รับคดี (ช่วงธันวาคม 2566) จากประเทศแอฟริกาใต้ เป็นโจทย์ยื่นฟ้องต่อศาลนี้ ให้พิจารณาว่า รัฐบาลสงครามของอิสราเอล (ภายใต้การนำของนายกฯ เนทันยาฮู) ได้ทำความผิดต่อกฎหมายสงครามว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ที่ฉนวนกาซา-ซึ่งศาลนี้ (หรือศาลโลก) ได้ออกคำพิจารณาคดีหรือคำสั่งแบบเร่งด่วน (Provisional order) ในเดือนมกราคม ต้นปี 2567 นี้ว่า รัฐบาลอิสราเอลอาจอยู่ในข่ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ (Genocide) หลังวันที่ 7 ตุลาคม ในการกราดยิงทำให้ชาวปาเลสไตน์ที่ฉนวนกาซาล้มตายเป็นจำนวนมาก และบ้านเรือนที่พักอาศัย, โรงเรียน, โรงพยาบาล ก็ถูกระเบิดทำลายมหาศาล
และคณะผู้พิพากษาของ ICJ ได้ออกคำสั่งฉุกเฉินให้กองทัพอิสราเอลต้องระมัดระวังที่สุดที่จะมีการกระทำใดๆ ต่อจากนี้ไป ที่อาจเข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ ตลอดจนขอให้รัฐบาลอิสราเอลต้องทำรายงานถึงการดำเนินสงครามต่อฮามาสให้เสนอต่อ ICJ ภายใน 1 เดือน…ซึ่งอิสราเอลที่เป็นภาคีของศาล ICJ ภาคีของศาล ICJ ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2...กลักเพิกเฉยต่อคำสั่งด่วนของ ICJ โดยสิ้นเชิง…เพราะรัฐบาลสงครามของอิสราเอลตระหนักดีว่า ICJ เป็นองค์กรที่ไม่มีเขี้ยวเล็บ (Toothless) ที่จะบังคับตามคำตัดสินด่วนอยู่แล้ว…และคงใช้เวลายาวนานมาก...อาจเป็นปีๆ...กว่าที่คำพิพากษาจริงๆ จะออกมา เนื่องจากต้องมีการสืบพยานมากมาย รวมทั้งการรวบรวมหลักฐานที่ต้องบ่งชี้ว่า รัฐบาลสงครามของอิสราเอลมีความตั้งใจ, เจตจำนง (intent) ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์...ไม่ใช่ว่าการกราดยิงประชาชนปาเลสไตน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ และผู้หญิงถึง 70% ที่ได้ตายหรือบาดเจ็บ (เกิน 1 แสนคนแล้ว) จะแปลว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์…เพราะทางอิสราเอลได้มีการแจกใบปลิวโปรยลงมาทางอากาศให้ชาวปาเลสไตน์ต้องอพยพเคลื่อนย้ายออกไปจากบริเวณที่เขาจะยิงขีปนาวุธเข้ามาทำลายฮามาส (แต่พวกเขาไม่มีทีท่าจะหลบอาวุธไปอยู่ที่ไหนที่ปลอดภัยเลย)
วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา...หัวหน้าสำนักงานอัยการประจำอีกศาลหนึ่งคือ ศาลอาญาระหว่างประเทศหรือ ICC (International Criminal Court) ชื่อ อัยการ Karim Khan (คาริม ข่าน) ได้ออกมาประกาศว่า สำนักงานอัยการของเขาได้กำลังนำเสนอต่อคณะองค์ตุลาการ (3 ท่านของ ICC) เพื่อออกหมายจับ 5 บุคคลในสองฐานความผิด; อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่ง 2 คนคือ นายกฯ เนทันยาฮู และรมต.กลาโหม กัลแลนต์ ของครม.สงครามอิสราเอล ซึ่งได้กระทำผิดหลัง 7 ตุลาคม ทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องบาดเจ็บและสูญเสียทั้งทรัพย์สิน บ้านเรือนและชีวิต ด้วยอาวุธสงครามและการใช้อาหารเป็นอาวุธที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์ที่กาซาต้องอดอยากหิวโหยตาย...ส่วนฝ่ายฮามาสก็มีผู้นำทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหาร 3 คน ที่มีบทบาทในการโจมตีมหกรรมดนตรีและแผ่นดินอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
อัยการคาริม ข่าน ได้แถลงว่า ได้ติดตามรวบรวมหลักฐานตั้งแต่ 7 ตุลาคม โดยได้ไปยังสถานที่สงคราม และได้สัมภาษณ์ผู้คนที่ต้องเผชิญกับความรุนแรง เพื่อเก็บหลักฐานที่แน่นมาก และมั่นใจว่า หมายจับของ ICC จะสามารถออกมาในเร็วๆ นี้ (ปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนที่คณะผู้พิพากษา 3 คนของ ICC จะพิจารณาออกหมายจับ)
หลายคนอาจสงสัยถึงความแตกต่างของศาล ICJ และ ICC ซึ่งอธิบายง่ายๆ คือ ศาล ICJ จะพิจารณาข้อกล่าวหาต่อกลุ่มบุคคลเช่น คณะรัฐบาลเป็นภาพรวม ขณะที่ ICC จะพิจารณาข้อกล่าวหาต่อตัวบุคคล
ในวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคมนี้เอง ทนายหญิงที่ค่อนข้างโดดเด่นทางกฎหมายสิทธิมนุษยชนคือ อามัล คลูนีย์ (Amal Clooney) ที่ทั่วโลกได้รู้จักเธอ นอกจากเป็นภรรยาคนสวยและเก่งของนักแสดงชื่อดังแล้ว เธอก็มีบทบาทเป็นทนายช่วยเหลือเหยื่อจากอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศ ซึ่งเธอเป็นนักกฎหมายชาวอังกฤษ-เชื้อสายเลบานอน ที่ถูกวิพากษ์ว่า หายหน้าหายตาไปตลอด 7 เดือนที่ชาวปาเลสไตน์ (ซึ่งเป็นชาวอาหรับ และเป็นพี่น้องใกล้ชิดกับชาวเลบานอน) ที่ทนทุกข์สาหัสมาตลอด 7 เดือนแห่งการถูกโจมตีเข่นฆ่าโดยกองทัพอิสราเอล
เธอได้ออกมาแถลงว่า กว่า 4 เดือนที่ผ่านมา หัวหน้าสำนักงานอัยการ ICC คือ คาริม ข่าน ได้ติดต่อให้เธอมาอยู่ในคณะกรรมการที่ปรึกษาของเขา เพื่อติดตามข้อมูลทุกอย่างจากการรบระหว่างอิสราเอลและฮามาส; โดยเธออยู่ในทีมกับอีก 8 ท่านที่เป็นอดีตตุลาการ ICC และผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายสิทธิมนุษยชน เพื่อพิจารณาประเมินหลักฐานว่า มีการทำผิดกฎหมายสงครามและกฎหมายอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือไม่
เธอบอกว่า หลังจากประมวลและประเมินหลักฐานต่างๆ ได้มีมติเอกฉันท์ (แม้แต่ละคนในคณะกรรมการชุดนี้จะมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน) ว่ามีการละเมิดกฎหมายเป็นอาชญากรรมสงครามอย่างแน่นอนจากทั้งสองฝ่าย
ปฏิกิริยาต่อการจะออกหมายจับจาก ICC ครั้งนี้ มีจากฝ่ายนายกฯ เนทันยาฮู ว่า ICC ทำตัวเหมือนศาลของฮิตเลอร์ และอิสราเอลมีความชอบธรรมที่จะตามกำจัดฮามาสให้สิ้นซาก (จากการโจมตี 7 ตุลาคม)...ขณะที่ฝ่ายฮามาสก็ออกมาตำหนิว่า ICC ทำไมหายไปตั้ง 7 เดือนจนคนปาเลสไตน์ถูกฆ่าตายมหาศาล และ ICC กำลังกล่าวหาฝ่ายฮามาสที่เป็นเหยื่อว่าเป็นฝ่ายกระทำผิด เพราะเหยื่อถูกกระทำจากฆาตกร ทำไมถึงกลายเป็นจำเลยเช่นเดียวกันได้
แน่นอนว่า สหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้เป็นภาคีของ ICC ก็ออกมาประณาม ICC อย่างรุนแรง ถึงกับออกมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคลากรของ ICC ทันที โดยไม่เห็นด้วยที่ออกหมายจับผู้นำของอิสราเอลที่ปกป้องประเทศอิสราเอลจากฮามาส