xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ทีมอเวนเจอร์” ถล่ม! “จิตตุงแป่ง” ถึงกาลอวสาน “ลัทธิเชื่อมจิต” หรือไม่?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  เป็นที่น่าจับตา กรณีการ “แท็กทีมอเวนเจอร์” แจ้งความ “ลัทธิเชื่อมจิต” โทษฐานบิดเบือนหลักพระพุทธศาสนา มีพฤติการณ์ “จิตตุงแป่ง” หรือก็คือไวรัลมาจากคำว่า “จิตปรุงแต่ง” ซึ่งเผยแพร่ผ่าน “อาจารย์น้องไนซ์ เชื่อมจิต” ปลุกกระแสศรัทธาให้ผู้คนเข้าร่วม “คอร์สเชื่อมจิต” กราบไหว้บูชา “เด็กชายวัย 8 ขวบ” กับเรื่องอุปโลกน์อวตารลูกพระพุทธเจ้า


13 พ.ค. 2567 ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม, มหาหมี - ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง, อี้ แทนคุณ, ดร.อธิเทพ ผาทา, อ.รัก คำราม, แพรี่ -ไพรวัลย์ วรรณบุตร, พระวิเวก นามรุ่งโรจน์ และผู้เสียหาย เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับลัทธิเชื่อมจิตในความผิดตามตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ,พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ,การเรี่ยไร และฉ้อโกง

ทนายอนันต์ชัยอธิบายถึงที่มาที่ไปของการแจ้งความดำเนินคดีว่า ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. 64 นายพิชญะ และ น.ส.นัฐพร พ่อแม่ของ ด.ช.นิรมิต หรือน้องไนซ์ เชื่อมจิต อายุ 8 ปี พร้อมแอดมินเพจ นิรมิตเทวาจุติ ผู้ใช้บัญชีติ๊กตอก @niramittavajuti และบุคคลอื่นผู้เกี่ยวข้อง ได้นำเสนอบทความพร้อมคลิปวิดีโอบิดเบือน หรือเป็นเท็จนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ประมาณ 23 ครั้ง โดยอวดอ้างว่า น้องไนซ์ลงไปในนรกเห็นสัตว์นรก, ยมทูตเป็นเพื่อนกับน้องไนซ์, เห็นยมทูตมารับคนที่ตายไป, น้องไนซ์มารับคนไปสู่ยุคพระศรีอาริย์, น้องไนซ์ทำหน้าที่ลงมารับผู้มีบุญไปสู่ยุคพระศรีอาริย์, น้องไนซ์เห็นวาระกรรมจากรูปภาพมองเห็นแบบภาพยนตร์มองย้อนกลับไปในอดีตได้หลายภพชาติ, น้องไนซ์พูดว่าจะนิพพานได้ต้องนั่งสมาธิ, อ้างตนเป็นลูกพระพุทธเจ้า เป็นลูกบุญธรรมเจ้าแม่กวนอิม พระอนาคามี เป็นพระยานาคชื่อเพชรภัทรนาคานาคราช แบ่งภาคลงมาเกิดเป็นน้องไนซ์ เพื่อสอนธรรม และสามารถรู้ธรรมะและสอนธรรมะด้วยตนเองไม่มีใครมาสอน เปรียบตนเองเสมอด้วยพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า

นอกจากนี้ ยังเล่าประวัติว่าน้องไนซ์มีชาติกำเนิดเป็นเทพบุตรแบ่งภาคลงมาเกิดชื่อ เพชรภัทรนาคานาคราช มีพระยานาคที่ช่วยดูแลชื่อ องค์แสนสิริจันทรานาคราช มีการเขียนบทความ และสรุปเป็นสารคดีโดยย่อ เพื่อยกให้น้องไนซ์เป็นเด็กวิเศษเหนือจากคนอื่นๆ และกล่าวอ้างว่า นายพิชญะ พ่อเป็นท้าวจตุโลกบาล ส่วน น.ส.นัฐพร แม่อยู่ชั้นนิมานรดี และชั้นดุสิต

และแอบอ้างว่าความรู้ของน้องไนซ์ติดตัวมาจากองค์พระศากยมุนี เมื่อมีการสอนธรรมะก็สอนโดยวิธีเชื่อมจิตซึ่งมี 2 วิธี วิธีแรก คือ การเชื่อมต่อยอด ขจัด เคลียร์ ให้หลุดออกจากมาร และอธิบายวิธีการเชื่อมจิตว่า จะใช้แสงจากข้างบนลงมา เป็นแสงสีทอง แล้วจากนั้นจะเอามือไปแตะที่หน้าผาก โดยอาศัยตาที่สามปล่อยพลังไปทั่วร่างกาย เป็นการเชื่อมระหว่างจิตของเทพกับจิตของมนุษย์ โดยได้รับพลังแสงสีทองมาจากองค์พระศากยมุนี เพื่อไปต่อยอดในการปฏิบัติธรรม

ส่วนการเชื่อมจิต วิธีที่ 2 คือ การสอนในสมาธิ หรือการพูดคุยติดต่อกันในสมาธิ โดยที่มีแอดมินใบเฟิร์น, แอดมินนรินทร์ และทนายความคนหนึ่ง บอกว่าการเชื่อมจิต มีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก แต่ความจริงแล้ว การเชื่อมจิตไม่มีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎกอย่างแน่นอน

โดยทั้ง 2 วิธี เป็นการสอนที่ผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเป็นการบิดเบือน ทำลายและกลืนพระสัจธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นการก่อให้เกิดสัจธรรมปฏิรูป คือ ธรรมปลอม ขึ้นมาซึ่งเป็นภัยร้ายแรงอันดับแรกของการทำลายพระพุทธศาสนาเถรวาท โดยมีผู้รู้ทางพระไตรปิฎก คือ ดร.อธิเทพ ผาทา พระมหาวัฒนา ปญฺญาทีโป และ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา ได้ยกหลักฐานที่ปรากฏในพระไตรปิฎกขึ้นมาอ้าง การกระทำดังกล่าวจึงเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่าวิธีการเชื่อมจิตนั้นเป็นการหลอกลวงและมีการเรี่ยไรรับบริจาคเงินเพื่อสร้างสถานปฎิบัติธรรมสายธรรมแห่งองค์พุทธะ ต.คลองฉนาก อ.เมืองสุราษฎร์ธานี โดยซื้อที่ดินของนายพิชญะและน.ส.นัฐพร พ่อแม่ของน้องไนซ์ เป็นเงินประมาณ 15 ล้านบาท โดยมิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร อันอาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร

ส่วนการเปิดเพจเฟซบุ๊กและ Tiktok เพื่อโฆษณาอวดอ้างให้น้องไนซ์เป็นเด็กวิเศษ อันมีประโยชน์แอบแผงเพื่อได้รับผลประโยชน์เป็นเงินอันเข้าข่ายการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และการที่มีการบังคับเด็กให้มีการเจิมหน้าผากโดยเด็กไม่ยินยอมก็ดี การที่ให้เด็กออกมากล่าววาจาด่าพิธีกรหนุ่มกรรชัย ก็ดี หรือด้อยค่าเพศสภาพของแพรี่ ไพรวัลย์ ก็ดี ซึ่งมีการนำเข้าสู่ระบบความพิวเตอร์โดยมีพ่อแม่ของน้องไนซ์ อยู่ด้วย อันเป็นการเสี้ยมสอนยุยงส่งเสริมให้น้องไนซ์ซึ่งเป็นเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิด ซึ่งการกระทำดังกล่าวของกุล่มบุคคลดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามพรบ.คุ้มครองเด็กด้วย

“ศาสนาพุทธ ไม่มีอวตาร การอ้างว่าลูกของตัวเองเป็นลูกของพระพุทธเจ้า ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน และไม่มีทางเป็นลูกของเจ้าแม่กวนอิมได้ เพราะคนละนิกาย ลัทธิเชื่อมจิตแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะ อยากถามประชาชน ว่าการสอนธรรมแบบนี้ ไปหลงเชื่อได้อย่างไร พร้อมฝากให้พ่อแม้น้องไนซ์ ให้เลิกซะ เอาลูกไปเรียนหนังสือ เรียนให้จบ อย่าอุปโลกน์อะไรขึ้นมาเอง” ทนายอนันต์ชัยกล่าว

ขณะที่  อี้ แทนคุณ ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่ามีลูกศิษย์ลัทธิเชื่อมจิตได้ติดต่อเข้ามาเปิดเผยว่า การไปอบรมแต่ละครั้งเสียเงินเสียทองเยอะมาก ตอนแรกเหมือนกับจะได้ผลเหมือนมีแสงอะไรบางอย่างขึ้นมา เหมือนจะบรรลุแล้ว แต่ไม่รู้เป็นอุปทานหมู่หรือไม่ แต่พออยู่ไปอยู่มาได้เห็นสภาพของน้องไนซ์เปลี่ยนไป คือแค่เอานิ้วแตะหัว แตะหน้าผาก มันจะเชื่อมจิตได้อย่างไร ทำเหมือนเป็นการ์ตูนไปได้ จนสุดท้ายผู้เสียหายรู้ตัวเองหลงผิดจึงมาให้ข้อมูลเพื่อแจ้งความ และจะไปชวนเหยื่อรายอื่นมาแจ้งความอีกด้วย

นอกจากนี้  ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง  จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดเผยว่าที่ผ่านมาได้เข้าไปแจ้งร้องเรียนกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ตำรวจ กระทรวง พม. หรือ สำนักพุทธ แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าไปแฉเรื่องที่ดินที่ลัทธิเชื่อมจิตไปมีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้คนไทยตื่นตัวกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ลัทธิดังกล่าวก็ไม่พอใจที่ตนถึงกับไลฟ์สดด่าทุกวัน

สำหรับความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของภาครัฐ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา  นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ฝ่ายปกครอง พม.สุราษฎร์ธานี และทีมสถาบันสุขภาพจิตเด็กภาคใต้ ร่วมกันเดินทางไปที่บ้านของน้องไนซ์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ที่กำลังเป็นประเด็น มีการเปิดแพร่คลิป ขณะเจ้าหน้าที่ถามน้องไนซ์ถึงเรื่องวิปัสสนากรรมฐานว่าคืออะไร ซึ่งน้องไนซ์ก็ตอบไปว่า  วิปัสสนากรรมฐาน คือ “ซูม”  ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แต่แม่ของน้องไนซ์ อธิบายว่าคำว่า “ซูม” หมายถึง การน้อมจิตไปพิจารณาในสิ่งต่างๆ คนที่วิปัสสนากรรมฐานระดับหนึ่งจะเข้าใจในคำพูดของน้อง เช่น การพิจารณากายสังขารในคำว่าซูมของน้อง ก็คือ การดูให้กระจ่างแจ้ง

จากนั้น แม่น้องไนซ์พร้อมนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งดำเนินคดีมาตรา 157 ต่อนายอภิเชษฐ์ ปานจรัตน์ ผู้อำนวยการสถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมพวก จากกรณีที่เข้าไปที่บ้านตามมาตรา 30 (3) คือมีหนังสือเรียกผู้ปกครองหรือบุคคลอื่นมาให้ถ้อยคำหรือข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ความประพฤติสุขภาพและความสัมพันธ์ในครอบครัวของเด็ก แต่คณะที่เข้าไปกับทำผิดวัตถุประสงค์ของมาตราดังกล่าว รวมถึงมีการข่มขู่น้องไนซ์

ขณะที่  น.ส.ชลลดา ชนะศรีรัตนกุล  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) สุราษฎร์ เปิดเผยว่าผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือจากครอบครัวในการเข้าไปพูดคุย และประเมินดูแลสภาพจิตใจเด็กและครอบครัว จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าไปดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ในการใช้อำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าคุ้มครองเด็กตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างคำร้องเสนอต่อศาล โดยร้องให้ศาลคุ้มครองไม่ให้มีการนำเด็กออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนผ่านสื่อต่างๆ ในทุกช่องทาง และร้องขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสภาพร่างกายและจิตใจทั้งตัวเด็กและพ่อแม่เด็ก

นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ ครอบครัวน้องไนซ์ได้ดำเนินการฟ้องร้องไปแล้ว 2 คดี ฟ้องสื่อ ผู้บริหารช่อง รายการ พิธีกรรวมทั้งหมด 7 คนด้วยกัน ในส่วนเรื่องข้อหาที่ยื่นฟ้องคือในส่วนผู้ประกอบการสื่อเกี่ยวเนื่องในเรื่องมาตรามาตรา 30 บัญญัติกิจการกระจายเสียงเสียงและโทรทัศน์ พ.ศ.2551 เจ้าของช่องหรือผู้ถือใบอนุญาตมีส่วนร่วมในการเผยแพร่ควบคุมในการออกอากาศมีส่วนร่วมและการกระทำความผิด ต้นเหตุและสาเหตุมาจากในการนำเสนอภาพของน้องไนซ์และผู้ปกครองคือนางนก และไปพาดหัวว่า อ้างตนเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด ซึ่งเป็นความเท็จและเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กมาตรา 27 และหมิ่นประมาทในการโฆษณารวมถึงเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และจะฟ้องกลุ่มบุคคลที่ไปที่กองปราบจะต้องไปดูเอกสารอีกทีว่าข้อหาอะไร และกรณีใส่ร้ายเกี่ยวกับเรื่องที่ดินไม่โปร่งใสซึ่งมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว

อย่างไรก็ดี หลังจากกลายเป็นประเด็นร้อน  นายพิชิต ชื่นบาน  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าได้เรียกประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตั้งคณะกรรมการทำงานตรวจสอบ กลั่นกรอง ข้อมูล ข่าวสาร และ การกระทำอันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา เพื่อมาตรวจสอบกรณีดังกล่าว พร้อมกำชับไม่ให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาตินิ่งเฉย

 เรียกว่าเป็นประเด็นที่สังคมเฝ้าติดตามฉากสุดท้ายของ “ลัทธิเชื่อมจิต” ว่าจะลงเอยอย่างไร 


กำลังโหลดความคิดเห็น