xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปิดกันให้แซ่ด “ตัวละครลับ” ช่วย “โจ๊ก” ถึงกับร้องอ๋อ ทำไม “ป.ป.ช.หวานเจี๊ยบ”?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถ้าจับตาสถานการณ์ของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ถูก “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” ก็คงต้องบอกว่า เขามิได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะยังคงทำตัวเป็นปกติ ยังคงเดินสายไปออกงานต่างๆ นานา พร้อมกับตอบโต้และร้องเรียนทุกกรณี แถมยังได้รับการตอบรับชนิด “ดีเป็นพิเศษ” จากหน่วยงานอย่าง “สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.อีกด้วย

งานนี้ จึงจำต้องควานหา “ตัวละครลับ” ที่สามารถต่อจิ๊กซอว์ให้ถึงเส้นสนกลในที่ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” มีความมั่นอกมั่นใจเช่นนั้น

ทั้งนี้ ในวันที่ “บิ๊กโจ๊ก” เปิดโปงว่า มี “ขบวนการ 4×100 สยบปีกพระพรหม” ปฏิบัติการเพื่อสกัดตัวเองไม่ให้เป็น ผบ.ตร. ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็น “นายตำรวจรายหนึ่ง” ไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อคอยอำนวยความสะดวกในเปิดชาร์ตให้ ซึ่งจากการสืบค้นพบว่า นายตำรวจรายนี้ก็คือ “พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก” ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 จ.สุราษฎร์ธานี

พล.ต.ต.ภพพลไม่ใช่ใครอื่น หากเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต. 47 ของ “บิ๊กโจ๊ก”

แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ พล.ต.ต.ภพพลนั้น เคยเป็นนายเวรหน้าห้องของ “บิ๊กกุ้ย-พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ในสมัยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยภาพใน Line ของ พล.ต.ภพพล ยังเป็นรูปให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประดับยศให้อยู่เลย

แถมเมื่อครั้ง พล.ต.ต.ภพพล ยังมีตำแหน่งลอย ๆ เป็น ผบก.อำนวยการ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ก็ปรากฏภาพให้เห็นที่สนามบินเป็นประจำ โดยเฉพาะในยามที่ “วีไอพีสาวสวย” เดินทางไปๆ มาๆ เมืองนอก ซึ่งสาวสวยคนนั้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะคือ “มินนี่” นางสาวธันยนันท์ สุจริตชินศรี เจ้าแม่พนันอายุน้อยร้อยเว็บ ผู้เป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย ที่แทบจะทำเอาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แตกเป็นเสี่ยง ๆ ในเวลานี้ ?

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดของ “ตัวละคร” ที่เปิดตัวออกมาเป็นทางการอย่าง พล.ต.ต.ภพพลก็คือ ทำให้การปะติดปะต่อเรื่องราวความสัมพันธ์ของเขา บิ๊กโจ๊กและสารพัดคดีเว็บพนันออนไลน์ที่เวลานี้อยู่ในมือของ ป.ป.ช.ในฐานะอดีตนายเวรของ พล.ต.อ.วัชรพล และเพื่อนร่วมรุ่นของบิ๊กโจ๊ก โดยสามารถฉายภาพให้สังคมเห็นความจริงอันร้ายกาจ ว่า “สุรเชษฐ์ หักพาล” มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประธาน ป.ป.ช. ใช่หรือไม่
แล้วก็ไม่ต้องพิสูจน์ว่า พวกเขาคือคนของ “บ้านป่ารอยต่อ” ให้เสียเวลาแต่อย่างใด

ยิ่งถ้าดูท่าทีของ “นิวัติไชย เกษมมงคล” เลขาฯ ป.ป.ช.ด้วยแล้ว ก็สามารถนึกภาพไปไกลได้มากกว่านั้นอีก ด้วย “นิวัติไชย” ร่ายเป็นฉากๆ สอดรับกับบิ๊กโจ๊กและคณะ ที่ว่า ป.ป.ช. ต้องรับคดีฟอกเงินของโจ๊กมาพิจารณาเอง อ้างเหตุผลด้วย “กฎหมาย” ว่า ตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการนำคดีฟอกเงินจากเว็บ BNK Master ไปรวมกับ “คดีมินนี่” ทั้ง 2 ภาค โดยมองว่าเป็นคดีเดียวกัน

 พล.ต.ต.ภาพพลคอยเปิดชาร์ตให้ “เพื่อนโจ๊ก” ในวันแถลงข่าว

 พล.ต.อ.วัชรพลขณะกำลังประดับยศ โดยปรากฏอยู่ในไลน์ของพล.ต.ต.ภพพล
“ท่านเลขาฯ นิวัติไชย” แสดงความคิดเห็นเอาไว้ล่วงหน้าทั้งๆ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวออกมา

ความจริง เรื่องราวใน ป.ป.ช.ซึ่งเวลานี้สังคมตั้งข้อกังขาถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติงานนั้น มีอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ เนื่องเพราะมี 2 บุคคลสำคัญที่กำลังจะวาระในองค์กรแห่งนี้

คนแรกคือ พล.ต.อ.ประธาน ป.ป.ช. กำลังจะหมดวาระในวันที่ 9 กันยายน 2567 นี้ หรืออีกแค่ 4 เดือนเอง

คนที่สองก็คือ นายนิวัติไชย เลขาธิการป.ป.ช. ก็กำลังจะเกษียณอายุราชการในห้วงเวลาใกล้เคียงกับนายวัชรพล คือ ในวันที่ 30 กันยายน 2567 นี้

กล่าวสำหรับเก้าอี้ เลขา ฯ ป.ป.ช.นั้น มีกระแสข่าวออกมาว่า มีความพยายามที่จะผลักดันให้ “พล.ต.ต. อรุณ อมรวิริยกุล” รับโอนมาจากสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2562รับเก้าอี้ตัวนี้สืบต่อจากนายนิวัติไชย ท่ามกลางข้อท้วงติงว่า มีแนวโน้มที่อาจจะขัดกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547 ที่ระบุว่า การแต่งตั้งข้าราชการล่วงหน้าให้กระทำได้ โดยผู้มีอำนาจแต่งตั้งซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตนต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ไม่พึงออกคำสั่งไว้ล่วงหน้า โดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับเมื่อผู้ออกคำสั่งพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไปแล้ว หากมีความจำเป็นเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ จำต้องออกคำสั่งแต่งตั้งไว้ล่วงหน้าให้ขออนุมัติต่อผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปก่อน

ทั้งหลายทั้งปวง สะท้อนให้เห็นว่า พวกเขากำลัง “ดีลแล้ว ดีลอยู่ ดีลต่อ” ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

พล.ต.ต.ภพพลกับมินนี่

พล.ต.ต.ภพพลกับมินนี่
ตัดภาพกลับมาที่ “ตัวละครหลัก” อย่าง “บิ๊กโจ๊ก” กันบ้าง เพราะก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกับการเคลื่อนไหวของ “ทนายตั้ม หวานเจี๊ยบ” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่กำลังเดินหน้าฟาดฟันคนที่ถือเป็นคู่กรณีคือ “บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ถูกย้ายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี อย่างไม่ลดละ และก็เป็นเรื่องร้อนที่สังคมให้ความสนใจไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะหลังจากที่ “ทนายตั้ม หวานเจี๊ยบ” เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เพื่อขอให้อายัดทรัพย์สินเครือข่ายของ “คุณผู้หญิง” ที่อยู่ในระดับ VVIP พร้อมกับเปิดตัวละครใหม่ ” คือ พ.ต.ท.หญิง นายหนึ่ง สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนึ่ง โดยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนม มีการทำธุรกรรมร่วมกัน เช่น ซื้อที่ดินร่วมกันในปี 64 จำนวน 5 ไร่ เป็นหุ้นส่วนตลาด SO STREET ย่านวังหิน มีการยิง Ads (โฆษณา) หลักล้านต่อเดือน มีการทำธุรกิจกำไลข้อมือ มีภาพทำบุญร่วมกัน นั่งเป็นประธานในงานบุญต่าง ๆ ร่วมกัน

นายตำรวจหญิงที่ถูกแฉเป็นใคร ทนายตั้มไม่ได้ระบุชัด แต่ที่แน่ๆ หลังจากนั้นคือเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ได้ลงนามคำสั่งกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง3ที่55/2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง3 ให้ว่าที่พันตำรวจโทหญิง พิชญ์สิณี ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติภารกิจตามที่ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี คงต้องบอกว่า การดำเนินคดี “บิ๊กต่อ” นั้น ไม่ง่าย เพราะเป็นเพียงการแฉของทนายตั้มยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนสืบสวนสอบสวนแต่อย่างใด ต่างจาก คดี “บิ๊กโจ๊กและคณะ” ที่มีการสืบสวนสอบสวน ตามระบบระเบียบอย่างถูกต้อง มาเป็นระยะเวลานานพอสมควรก่อนแล้ว และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่กล่าวหาดำเนินคดี และศาลอาญาก็ได้ออกหมายจับไปเรียบร้อย และ สุรเชษฐ์กับพวก ก็ได้เข้าไปมอบตัว และรับทราบข้อกล่าวหา

และที่สำคัญคือ ถ้าว่าตามหลักฐานที่ตรวจพบ ณ ขณะนี้ โดยเฉพาะ “เส้นเงิน” ทั้งที่พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พื้นที่ในหลาย ๆ อำเภอของ จ.นนทบุรี พื้นที่ อ.พล จ.ขอนแก่น พื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ในหลาย ๆ เขต ยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 11 ล้านบาทนั้นเชื่อมโยงไปไม่ถึง “บิ๊กต่อ” ผิดกับกรณี “บิ๊กโจ๊ก” ที่นอกจากจะมีเส้นเงินเชื่อมไปถึง ญาติพี่น้องแล้ว ยังมีเส้นเงินเชื่อมโยงไปถึงตัวเองด้วย

แต่ในอนาคตใครจะไปรู้ได้ว่า จะปรากฏหลักฐานใหม่อะไรอีกหรือไม่.


กำลังโหลดความคิดเห็น