xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีลอนดอนวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567: ความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองท้องถิ่นลอนดอนกับการเมืองระดับชาติของอังกฤษ (ตอนที่ 3)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 นายซาดีก คาน
คนแคระบนบ่ายักษ์
ไชยันต์ ไชยพร

เมื่อท่านได้อ่านบทความตอนนี้ คงจะทราบผลแล้วว่า ใครชนะการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ของอังกฤษ ได้เป็นนายกเทศมนตรีลอนดอน (Mayor of London)

การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีลอนดอนจะมีขึ้นทุกๆ สี่ปีเหมือนกับการเลือกผู้ว่ากรุงเทพมหานครของเรา

ผู้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีลอนดอนก่อนหน้าวันที่ 2 พฤษภาคม คือ  นายซาดีก คาน (Sadiq Khan) ได้รับเลือกตั้งมาแล้วสองสมัย โดยเขาชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกเทศมนตรีลอนดอนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2559 ถือเป็นนายกเทศมนตรีลอนดอนคนที่สาม ตั้งแต่มีเริ่มมีการเลือกตั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีลอนดอนตามพระราชบัญญัติการปกครองท้องถิ่นฉบับล่าสุด โดยคนแรกคือ  นายเคน ลิฟวิงสโตน จากพรรคแรงงาน และได้เป็นนายกเทศมนตรีลอนดอนสองสมัย คนที่สองคือ  นายบอริส จอห์นสัน  จากพรรคอนุรักษ์นิยมและก็ได้เป็นสองสมัยเช่นกัน

หากนายซาดีกชนะการเลือกตั้งในวันที่ 2 พฤษภาคม เขาจะเป็นนักการเมืองคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีลอนดอนติดต่อกันสามสมัย ถือเป็นการทำลายสถิติและสร้างประวัติศาสตร์การเมืองท้องถิ่นอังกฤษเลยทีเดียว และย่อมจะส่งผลต่อการเลือกตั้งทั่วไประดับชาติของอังกฤษในวันที่ 28 มกราคมปีหน้า พรรคอนุรักษ์นิยมจะสามารถชนะเลือกตั้งทั่วไปอีก หรือพรรคแรงงานภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคคนใหม่อย่างเซอร์ เคียร์ รอดนีย์ สตาร์เมอร์จะสามารถช่วงชิงเสียงข้างมากกลับเป็นของพรรค และเริ่มต้นศักราชทางการเมืองใหม่อีกครั้งหนึ่งของพรรคแรงงาน หลังจากพรรคอนุรักษ์นิยมครองการเป็นรัฐบาลมาแล้ว 12 ปี

ไม่มีโพลสำนักไหนบอกว่า จะมีม้ามืดจากผู้สมัครคนอื่นๆ ที่เหลืออีก 11 คน และโพลส่วนใหญ่ต่างก็ให้ผลตรงกันว่า นายซาดีก คาน น่าจะได้ครองแชมป์นายกเทศมนตรีเป็นสมัยที่สาม

แต่ถ้าคู่แข่งของนายซาดีก คานจากพรรคอนุรักษ์นิยมคือ ซูซาน ฮอลล์(Susan Hall)  ที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภามหานครลอนดอน (London Assembly) อยู่ก่อนหน้านี้ได้เป็นนายกเทศมนตรีลอนดอนคนใหม่ ก็ถือว่า ยังไม่ใครจากสองพรรคใหญ่นี้สามารถทำลายสถิติครองใจคนลอนดอนติดต่อกันสามสมัยได้

 นโยบายหลักของนายซาดีก คาน คือ เสนอให้คงไว้ซึ่งโครงการอาหารฟรีตามโรงเรียนอีกหนึ่งปี และจะต้องไม่มีคนไร้บ้านในลอนดอน และจะทำให้ลอนดอนปลอดภัยขึ้น เจริญก้าวหน้าขึ้น และมีค่าครองชีพที่รับได้ อีกทั้งนายซาดีก คานได้ขยายพื้นที่ที่เรียกว่า Ulez ของลอนดอนออกไปถึงบริเวณรอบนอกใจกลางกรุงลอนดอน โดยแต่เดิม Ulez จะอยู่ในเขตใจกลางลอนดอน  

ส่วนนโยบายของซูซาน ฮอลล์ พรรคอนุรักษ์นิยม ก็แน่นอนว่า จะต้องออกมารณรงค์ต่อต้านนโยบายของนายซาดีก คาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายขยาย Ulez นอกใจกลางลอนดอน โดยเธอประกาศว่า วันแรกที่เธอทำงานเป็นนายกเทศมนตรี เธอจะยกเลิกนโยบายขยาย Ulez โดยทันที นอกจากนี้ เธอยังได้เสนอว่าจะใช้เงิน 200 ล้านปอนด์เป็นทุนเสริมให้แก่ตำรวจและจัดตั้งหน่วยพิเศษในการจัดการกับปัญหาโจรขโมยในลอนดอน

 Ulez คืออะไร ?  

 Ulez ย่อมาจาก Ultra Low Emission Zone หรือเขตปลดยานพาหนะที่ก่อให้เกิดมลพิษ 

 นโยบายนี้จะกำหนดพื้นที่ปลอดรถที่ขับไอเสียที่ทางการตั้งเกณฑ์ไว้ รถที่ไม่เข้าข่ายลดมลพิษจะต้องเสียค่าเข้าพื้นที่เป็นจำนวน 12.50 ปอนด์ต่อวัน อีกทั้งยังมีนโยบายลดการจราจัดแออัดในกลางกรุงลอนดอน โดยเก็บเงินรถที่ไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ต้องเสียค่าเข้าวันละ 15 ปอนด์อันเป็นค่าที่ทำให้การจราจรแออัด (Congestion Charge)  


นโยบาย Ulez ได้กำหนดไว้ว่า รถที่จะเข้า Ulez ได้จะต้องเป็นรถใหม่หรือรถที่เข้าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ของยุโรป หรือที่เรียกว่า  Euro emission engine classification standards  เกณฑ์มาตรฐานนี้มีหลัก 3 ประการคือ

 หนึ่ง ยูโร 4 สำหรับรถเก๋งและรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันเบนซิน โดยทั่วไปคือ รถที่จดทะเบียนตั้งแต่ พ.ศ. 2549

 สอง ยูโร 6 สำหรับรถเก๋งและรถบรรทุกที่ใช้ดีเซล โดยทั่วไปคือ รถที่จดทะเบียนตั้งแต่เดือนกันยาน พ.ศ. 2558

 สาม  ยูโร 6 สำหรับรถบัส รถโค้ช และรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยทั่วไปคือ รถบรรทุกที่จดทะเบียนตั้งแต่ พ.ศ. 2556

ตัวอย่างเช่น รถตามมาตรฐานยูโร 4 คือ รถที่ปล่อยคาร์บอนโมนอกไซด์ ไม่เกิน 1.0 กรัมต่อระยะทางวิ่ง 1 กิโลเมตร และปล่อยไฮโดรคาร์บอนทั้งหมดไม่เกิน 0.10 กรัมต่อกิโลเมตร และไฮโดรคาร์บอนนอนมีเทน (Non-methane hydrocarbon) ไม่เกิน 0.0680 กรัมต่อกิโลเมตร, ไนโตรเจน อ๊อกไซด์ 0.080 กรัมต่อกิโลเมตร และค่าฝุ่น PM ไม่ได้กำหนดเกณฑ์ไว้
 
ดังนั้น ตามเกณฑ์ยูโร 4 หากรถที่ใช้น้ำมันเบนซินที่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ข้างต้นนี้ หรือเป็นรถรุ่นใหม่กว่า และรถที่เข้าเกณฑ์ยูโร 5 และ 6 จะไม่ต้องจ่ายค่าเข้าเขต Ulez ของลอนดอนวันละ 12.50 ปอนด์ (ผู้สนใจดูเกณฑ์สองและสาม โปรดดู https://dieselnet.com/standards/eu/hd.php )
 
ก่อนลอนดอนจะประกาศใช้นโยบาย Ulez ลอนดอนได้เริ่มมีนโยบาย lez (low emission zone) คือยังไม่เข้มงวดขนาดที่ใช้เกณฑ์ U-ulra ที่เข้มงวดมาก โดยเริ่ม lez ในปลายสมัยที่นายเคน ลิฟวิงสโตนเป็นนายกเทศมนตรีสมัยที่สอง (พ.ศ. 2551) โดยเริ่มจากรถบรรทุกขนาดใหญ่มาก รถบรรทุกใหญ่และรถเมล์ รถโค้ชก่อน โดยกำหนดค่าปรับรถที่ฝ่าฝืนคันละ 100-300 ปอนด์ต่อวัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 ในช่วงครึ่งเทอมของสมัยที่สองที่นายบอริส จอห์นสัน จากพรรคอนุรักษ์นิยมเป็นนายกเทศมนตรี เขาได้เริ่มประกาศแผนเตรียมที่จะใช้นโยบาย Ulez แต่นโยบาย Ulez มาประกาศใช้จริงๆในสมัยที่นายซาดีก คานเป็นนายกเทศมนตรีในปี พ.ศ. 2559 โดยใช้บังคับกับรถหลายประเภทมากขึ้น ได้แก่ รถเก๋ง รถบรรทุกเล็ก และมอเตอร์ไซค์ และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 นายคานได้ขยาย Ulez ครอบคลุมบริเวณระหว่างวงแหวนลอนดอนทั้งทิศเหนือและทิศใต้ โดยตั้งค่าปรับไว้ 12.50 ปอนด์

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 นายคานได้ประกาศว่าจะขยายพื้นที่ Ulez อีก โดยจะบังคับใช้ในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566 โดยจะครอบคลุมทุกเขต (boroughs) ของลอนดอน ทำให้บรรดาสมาชิกสภามหานครลอนดอนพรรคอนุรักษ์นิยมยื่นร้องต่อศาลคัดค้านการขยาย Ulez ของนายคาน แต่ศาลสูงได้ยกคำร้องในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 ดังนั้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 จนถึงบัดนี้ นโยบาย Ulez จึงถูกบังคับใช้ทั่วทุกเขตตามที่นายคานได้ประกาศไว้
 
ซูซาน ฮอลล์เป็นหนึ่งในผู้นำสมาชิกสภามหานครลอนดอน พรรคอนุรักษ์นิยมเข้าคัดค้านนโยบายขยาย Ulez ของนายคาน ด้วยเหตุนี้ นโยบายหาเสียงหลักของเธอก็คือ การยกเลิกนโยบายขยาย Ulez ที่นายคานประกาศใช้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมปีที่แล้ว
 
 เหตุผลที่เธอไม่เห็นด้วยให้ขยาย Ulez เพราะเธอได้ชี้ว่า นโยบายขยาย Ulez รอบนอกจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวบ้านที่มีรายได้น้อยที่สุด เนื่องจากส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐาน ครอบครัวกำลังจะต้องเป็นหนี้ ธุรกิจขนาดเล็กต้องปิดตัวลง และองค์กรการกุศลจะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างที่ผ่านมา คนเหล่านี้ต้องเสียเงินเป็นจำนวนรวมถึง 52 ล้านปอนด์สำหรับค่าปรับในช่วงสองเดือนแรกที่นายคานขยาย Ulez โดยนายคานอ้างว่า การบังคับใช้นโยบายขยาย Ulez นี้เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ชาวลอนดอน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นของนายคานเอง พบว่าการขยาย Ulez ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับคุณภาพอากาศเลย และด้วยเหตุนี้ นายคานจึงได้ตัดสินใจเลื่อนการเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพอากาศจากส่วนขยาย Ulez ใหม่ไปเป็นหลังการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 

เธอยังได้กล่าวยืนยันว่า แท้จริงแล้ว นโยบายขยาย Ulez ของนายคาน ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากหาทางรีดเงินจากชาวลอนดอนเท่านั้น ไม่ต่างจากการเก็บภาษี และเธอยืนยันว่า เธอจะหยุดนโยบายขยาย Ulez นี้ให้ได้
ส่วนนายคานได้เสนอนโยบายชดเชยการขยาย Ulez ที่ทำให้ชาวลอนดอนรอบนอกที่รายได้น้อยไม่สามารถใช้รถเก่าที่มีอยู่โดยเสนอโครงการขยายรถใต้ดินครอบคลุมพื้นที่รอบนอกของกรุงลอนดอน
 
การแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีลอนดอนคราวนี้ ถ้านโยบายขยาย Ulez ของนายซาดีก คานเป็นจุดขาย และนโยบายต่อต้านของซูซาน ฮอลล์ก็เป็นจุดขาย เป็นไปได้ว่า คนลอนดอนส่วนหนึ่งที่มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ไม่มีรถหรือไม่นิยมใช้รถน่าจะลงคะแนนให้นายคาน และถ้าคนเหล่านี้เป็นเสียงส่วนใหญ่ นายคานก็น่าจะได้เป็นนายกเทศมนตรีสมัยที่สาม น่าคิดว่า จะมีคนลอนดอนที่ไม่มีรถหรือไม่นิยมใช้รถจะลงคะแนนให้ซูซาน ฮอลล์เพราะเห็นใจคนลอนดอนแถบชานเมืองที่ฐานะไม่ดี แต่จำเป็นต้องใช้รถ รวมทั้งเห็นใจองค์กรการกุศลที่ว่าแค่ไหน ?

ส่วนอีกนโยบายที่ซูซาน ฮอลล์เสนอคือ จะใช้เงิน 200 ล้านปอนด์เป็นทุนเสริมให้แก่ตำรวจและจัดตั้งหน่วยพิเศษในการจัดการกับปัญหาโจรขโมยในลอนดอน ถือเป็นอีกนโยบายหนึ่งที่ดึงดูดใจชาวลอนดอน เพราะที่ผ่านมาในสมัยของนายซาดีก คาน เกิดปัญหาฆาตกรรมตามท้องถนนในลอนดอนเป็นจำนวนมาก จนกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัย

ในโค้งสุดท้าย สื่อจำนวนหนึ่งได้หันมาเล่นงานการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของนายซาดีก คาน โดยนำผู้ปกครองของเหยื่อที่ถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตมาตีแผ่ถึงความสูญเสีย จนนายซาดีก คานต้องออกมาแก้เกมโดยการเสนอนโยบายเลียนแบบซูซาน ฮอลล์โดยสัญญาว่าจะจัดงบประมาณก้อนใหญ่ไปเพื่อการแก้ปัญหาแก๊งอาชญากรรมในลอนดอน


กำลังโหลดความคิดเห็น