แม้จะมีการเดินหน้าเจรจาหยุดยิงที่กรุงไคโรของอียิปต์ในอาทิตย์ที่ผ่านมา และผลยังไม่เป็นที่ตกลงกันแน่ชัด แต่นายกฯ เนทันยาฮูแห่งครม.สงครามของอิสราเอล ก็ยังออกมาพูดกร้าวๆ ว่า
“ไม่ว่าผลการเจรจาหยุดยิงจะออก(หัว/ก้อย) อย่างไร แต่กองทัพ IDF ของอิสราเอลจะบุก (ภาคพื้นดิน) บดขยี้ฮามาสที่ราฟาห์แน่นอน เพื่อชัยชนะสุดท้ายของเราจะอยู่ที่ราฟาห์นี่แหละ!”
มิไยที่ปธน.ไบเดนจะออกมาพูด (ซ้ำแล้วซ้ำอีก) ว่า ห้ามเด็ดขาดที่ IDF จะบุก (ภาคพื้นดิน) ที่ราฟาห์ จนกว่าจะมีแผนละเอียดออกมาให้ชัดว่า พลเรือนปาเลสไตน์จำนวน 1.5-2 ล้านคนที่ราฟาห์ (ที่บ้านเรือนที่พักอาศัยที่ตอนเหนือและตอนกลางของกาซาถูกถล่มพังพินาศ แล้วพวกเขาถูกกวาดต้อนให้เดินเท้าอย่างยากลำบากแสนสาหัสให้มาอาศัยแบบเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ในเต็นท์ที่มีน้ำท่วมเจิ่งและขาดส้วมและน้ำสะอาด) เหล่านี้ จะอพยพเขาไปไว้ที่ไหน ขณะที่กองทัพ IDF จะยกเข้าถล่มทุกตารางนิ้วของราฟาห์ เพื่อควานหาตัวนักรบฮามาสและทำลายนักรบฮามาสให้สิ้นซากเพื่อเป็นชัยชนะสมบูรณ์ของเนทันยาฮู
เนทันยาฮูอธิบายอีกครั้งกับปธน.ไบเดนทางโทรศัพท์ในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน เพราะปธน.ไบเดนได้ประกาศแน่ชัดก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐฯ ไม่สนับสนุน IDF ยกทัพ (ทางบก) มาบุกราฟาห์ เพราะพลเรือนปาเลสไตน์ถึงเกือบ 2 ล้านคนที่ราฟาห์จะตายกันกลาดเกลื่อน เพียงเพื่อให้ IDF ขี่ช้างจับตั๊กแตนเพื่อสังหารนักรบฮามาส ที่เนทันยาฮูและรมต.ซูเปอร์เหยี่ยวของเขา ปักใจหนักแน่นว่า นักรบฮามาสยังกบดานพร้อมตัวประกัน-อยู่ที่ราฟาห์นี้แหละ…และ IDF จะต้องเข้าทำลายเครือข่ายอุโมงค์ที่ซับซ้อนอันเป็นแหล่งกบดานซ่อนตัวแหล่งสุดท้ายของนักรบฮามาสในฉนวนกาซาแห่งนี้
แต่ก็นั่นแหละ ที่ไบเดนส่งสัญญาณกำกวมแบบที่รัฐบาลสหรัฐฯ ทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ 1948 (เมื่อครั้งสหรัฐฯ ร่วมกับอังกฤษ เป็นผู้บงการผ่านเสียงข้างมากในยูเอ็น ให้จัดตั้งรัฐอิสราเอล...บนพื้นที่ดินแดนที่ชาวปาเลสไตน์พักอาศัยมาเป็นเวลาพันๆ ปี) คือ คอยสนับสนุนค้ำจุนรัฐอิสราเอล (ที่ทำคลอดมากับมือ) ด้วยเงินช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจทุกๆ สิ่ง และอาวุธจำนวนมหาศาลทุกๆ ปี (ที่ 2023-ช่วยไปเกือบ 4,000 ล้านเหรียญ) เพื่อให้คอยปกป้องรัฐอิสราเอลจากเหล่าบรรดาประเทศอาหรับที่ล้อมรอบอิสราเอลอยู่
สัญญาณที่กำกวมก็คือ ผู้นำสหรัฐฯ ตั้งแต่ปธน.คาร์เตอร์เรื่อยมา จะพูดแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า ต้องมี 2 รัฐตั้งอยู่เคียงคู่กันคือ อิสราเอลและปาเลสไตน์ แต่ในทางปฏิบัติกลับเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ มองไม่เห็นการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลอิสราเอล โดยเฉพาะรัฐบาลของนายกฯ เนทันยาฮู ที่กระทำการเหยียดหยามฆ่าฟันชาวปาเลสไตน์มาเป็นเวลา 70 กว่าปี จนชาวปาเลสไตน์ทนการกดขี่เสมือนพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ (ดังคำของรมต.กลาโหม Gallantz ของอิสราเอล ที่เรียกชาวปาเลสไตน์ว่าเป็น Human Animals) …และที่ศ.จอห์น เมียร์ไชเมอร์ นักรัฐศาสตร์คนดังที่มหาวิทยาลัยชิคาโกขณะนี้ ได้พูดถึงเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ที่นักรบฮามาสบุกดินแดนอิสราเอลว่า เป็นการ “แหกคุก” (Jailbreak) ที่ผู้นำอิสราเอลได้ย่ำยีกดขี่ (Apartheid) ชาวปาเลสไตน์เอาไว้ในคุกเป็นเวลา 70 กว่าปี จึงทำให้มีการ “แหกคุก” ให้พ้นจากสภาพกดขี่
ที่ว่า ท่าทีฝ่ายนำสหรัฐฯ กำกวมก็เพราะไปห้ามไม่ให้ครม.สงครามของอิสราเอล...กราดยิงไม่เลือกหน้า เข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์จนไม่มีบ้านพักอาศัยเอาชีวิตแทบไม่รอด...แต่สหรัฐฯ (รวมทั้งเหล่าจี 7, นาโต, อียู) ต่างส่งอาวุธสงครามมาให้เนทันยาฮูไม่ขาดสาย ล่าสุดก็งบ 26,000 ล้านเหรียญที่เพิ่งผ่านสภาอเมริกันมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และอาวุธสงครามทันสมัยอีกจำนวนมากจากเยอรมนี! มาช่วยเนทันยาฮูให้ฆ่าชาวปาเลสไตน์
ขนาดศาลอาชญากรสงคราม (ICC) ที่กรุงเฮก กำลังจะออกหมายจับเนทันยาฮู และครม.สงครามของเขา รวมทั้งเหล่าผู้นำกองทัพ IDF ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crimes Against Humanities) ซึ่งจะเป็นหมายจับต่อบุคคล (ต่างกับศาล ICJ ที่จำเลยจะเป็นรัฐบาลของประเทศที่ได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์)
เนทันยาฮูกับกร้าวใส่ ICC ว่า ไม่กลัวหมายจับ แต่ขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐสภาอเมริกันกดดันไม่ให้ ICC ออกหมายจับนี้…โดยอ้างว่า อิสราเอลไม่ใช่ภาคีของ ICC (มี 123 ประเทศที่ได้ลงนามเป็นภาคี ซึ่งมีทั้งอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และประเทศในยุโรป, อเมริกาใต้, แอฟริกา เป็นต้น ได้ร่วมลงนามรับรองเป็นภาคี) และองค์กรปาเลสไตน์ก็ยังไม่ใช่ประเทศ…ทำไมเข้าเป็นภาคีของ ICC ได้?
มิไยที่มีการเดินขบวนประท้วงในแคมปัสของเหล่านักศึกษาปัญญาชนชั้นนำของสหรัฐฯ (และกำลังลามเข้าไปในยุโรปแบบช่วงต่อต้านสงครามเวียดนาม) ถึงอย่างน้อย 22 รัฐ นำโดยมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, เอ็มไอที, ทัฟส์, นอร์ทเวสเทิร์น, มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน, และที่ดาลัด, เบิร์กลีย์, ยูซีแอลเอ, ยูเอสซี เป็นต้น เพื่อกดดันไม่ให้แคมปัสเหล่านี้ไปสัมพันธ์ (Divestment...ตัดขาดการทำธุรกรรมใดๆ) กับประเทศอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ไม่ว่าจะในด้านการรับเงินบริจาคหรือลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทอาวุธที่ส่งไปให้เนทันยาฮู หรือความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการศึกษา (โดยเฉพาะในด้านการค้นคว้าและวิจัยร่วมพวกไอที, เอไอ เป็นต้น) กับองค์กรในอิสราเอล!
รวมทั้งร้านอาหารฟาสต์ฟูดดังๆ ของสหรัฐฯ ที่เปิดสาขาที่ตะวันออกกลาง ขณะนี้กำลังถูกคว่ำบาตรจากชาวตะวันออกกลางที่ไม่อุดหนุนซื้อสินค้า จนทำให้ต้องทยอยปิดสาขาจากยอดขายตก (แม้เจ้าของร้านจะออกมายืนยันว่า เป็นร้านที่ผู้เปิดบริการเป็นเจ้าของที่ลงทุนโดยชาวตะวันออกกลางก็ตาม!)
เนทันยาฮูกำลังพยายามปราบนักรบฮามาส (และประชาชนชาวปาเลสไตน์เรือนแสน) เพื่อหวังว่า ตัวเองจะเป็นวีรบุรุษสงครามท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้เขาลาออก และจัดเลือกตั้งรัฐบาลใหม่
แม้แต่ปธน.ไบเดนก็ต้านเขาไม่อยู่