ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปี 2567 มูลค่าตลาด “โปรตีนทางเลือก” ที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่มีโอกาสขยับไปสู่ 5,670 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8% ต่อปี จากปี 2564 ซึ่งมีมูลค่า 4,500 ล้านบาท โดยคิดเป็น 12% ของตลาดโปรตีนทางเลือกทั้งหมดของไทย ที่มีมูลค่า 3.62 หมื่นล้านบาท เรียกว่าเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใส่ใจอาหารเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
สำหรับ “โปรตีนทางเลือก” คือโปรตีนที่ไม่ได้มาจากเนื้อปศุสัตว์ โดยผลิตจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่น พืช สาหร่าย ถั่ว แมลง เชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ รวมทั้งโปรตีนจากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลอง เป็นต้น เป็นผลิตผลอันเกิดจากนวัตกรรมอาหารใหม่ที่น่าจับตา ด้วยตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพ เป็นตัวเลือกในการลดหรือเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งโปรตีนทางเลือกมีสารอาหารครบถ้วนเพราะมีการเติมสารอาหารต่างๆ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ มีรสชาติอร่อย มีกลิ่น เนื้อสัมผัสใกล้เคียงโปรตีนแบบเดิม และยังมีส่วนช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปศุสัตว์มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกราว 15% เทียบเท่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์ 650 ล้านคัน เรียกว่าส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อย ทั้งยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์
ที่สำคัญคือ “โปรตีนทางเลือก” นอกจากจะเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจอีกด้วย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าจากการเติบโตของอาหารว่างจำพวกโปรตีน เป็นโอกาสของผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ของกินเล่นจำพวกถั่ว หนังไก่อบกรอบ ปลาอบแห้ง สาหร่ายอบกรอบ อาหารว่างที่ทำจากพืชและอื่นๆ ซึ่งต้องเน้นปริมาณโปรตีนและประโยชน์บนบรรจุภัณฑ์ให้ชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมองว่าการทำตลาดจะเป็นส่วนสร้างโอกาสทางการค้ามากขึ้น รุกช่องทางบุกตลาดผ่านออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการทดลองสินค้าใหม่ๆ หรือการใช้อินฟลูเอนเซอร์ มาช่วยรีวิวสินค้า ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยมีโอกาสเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ได้รับรายงานจาก “ทูตพาณิชย์นิวยอร์ก” ถึงโอกาสของอาหารว่างจำพวกโปรตีน (Protein snack) ในสหรัฐฯ ที่กำลังเติบโตจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น
ปี 2566 อาหารว่างจำพวกโปรตีน มียอดการจำหน่ายประมาณ 4,800 ล้านดอลลาร์และในช่วงปี 2567-2572 น่าจะมีการขยายตัวเฉลี่ย 9.3% และ Market Data Forecast ยังคาดว่าในปี 2572 ตลาดอาหารว่างจำพวกโปรตีนน่าจะมีมูลค่าถึง 7,640 ล้านดอลลาร์
สำหรับประเภทของอาหารว่างจำพวกโปรตีนในตลาดสหรัฐฯ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
ของว่างประเภทแท่ง เช่น เนยถั่วแท่ง โปรตีนช็อกโกแลตชิปแท่ง กราโนล่าแท่งและผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร
ของว่างที่ไม่ใช่แท่ง เช่น ธัญพืชผสมผลไม้แห้ง เนื้ออบแห้ง โยเกิร์ต ถั่วเหลืองอ่อน ขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบที่ทำมาจากธัญพืช อาทิ ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิลหรือแป้งข้าวกล้อง เนยถั่วแบบพกพา และสมูทตี้ เป็นต้น
ส่วนกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายของอาหารว่างจำพวกโปรตีนในสหรัฐฯ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มบุคคลที่ใส่ใจสุขภาพ รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและต้องการผนวกโปรตีนเข้ากับอาหาร, กลุ่มบุคคลที่มีไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉง เช่น นักกีฬา, กลุ่มบุคคลที่มีตารางชีวิตค่อนข้างแน่นหรือมีอาชีพการงานที่ค่อนข้างยุ่งวุ่นวาย และกลุ่มผู้บริโภคที่ควบคุมอาหารและมีความต้องการเฉพาะเจาะจง เช่น อาหารที่มีโปรตีนสูงคาร์โบไฮเดรต
นอกจากนี้ “ทูตพาณิชย์เกาหลีใต้” รายงานว่าตลาดอาหารทางเลือกของเกาหลีใต้ที่กำลังเติบโต นับเป็นโอกาสในการส่งออกอาหารทางเลือกของไทยเข้าสู่ตลาดเกาหลีใต้
ผู้บริโภคเกาหลีใต้รู้สึกตื่นตัวต่อการรักษาสุขภาพและให้ความสนใจต่อสวัสดิภาพสัตว์มากขึ้น โดยพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลให้จำนวนผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติและสินค้าอาหารทางเลือกรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นในตลาดอาหารของเกาหลีใต้ ซึ่งสินค้าอาหารทางเลือกนี้เป็นผลผลิตจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านอาหารที่นำโปรตีนทางเลือกที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์มาแปรรูป และยังมีอาหารทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียง Plant-based meat ก็เริ่มการผลิตเช่นกัน โดยอาหารทางเลือกหลักๆมี 4 ประเภท ได้แก่ อาหารทางเลือกจากพืช อาหารจากเซลล์เพาะเลี้ยง อาหารหมักจุลินทรีย์ และอาหารจากแมลง
“แม้แนวโน้มของอาหารทางเลือกในไทยก็ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็เป็นที่สนใจของอุตสาหกรรมที่ทั้งบริษัทรายใหญ่และรายย่อย ต่างเปิดตัวสินค้าออกมาในตลาดในปัจจุบัน และคาดว่าการแข่งขันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของเกาหลีใต้ ด้วยเหตุนี้ การขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้จึงมีโอกาสเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการส่งออกรูปแบบอาหารพร้อมรับประทาน หรือวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ ก็ถือเป็นวิธีการร่วมมือทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและส่งเสริมการค้าระหว่างกันได้” นส.ชนัญญา พรรณรักษา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล กล่าว
นอกจากนี้ รายงานของ Globenewswire เปิดเผยตลาดโปรตีนทางเลือกของยุโรปในช่วงปี 2566-2571 ว่า มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และมีการแข่งขันที่สูงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่สนใจโปรตีนทางเลือก ผู้บริโภคส่วนใหญ่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน และให้ความสำคัญต่อสุขภาพ ทำให้ตลาดโปรตีนทางเลือกในยุโรปพัฒนาอย่างมาก และรัฐบาลยังให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อเร่งการผลิตโปรตีนทางเลือกให้มีความเพียงพอ
เช่น เดนมาร์ก มีนโยบายที่จะลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ขนาดใหญ่ ก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชของโลก ทำให้มีการลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช และจัดตั้งกองทุน The Plant Fund เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการขยายตัวของตลาดผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชให้สอดคล้องกับความต้องการสินค้าของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่าประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย และเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ จึงเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ผลิตและพัฒนานวัตกรรมโปรตีนทางเลือกให้เป็นที่ต้องการของตลาด
ในส่วนของ ก.พาณิชย์ ได้เร่งรัดผลักดันการส่งออกสินค้าที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก โดยเฉพาะอาหารแห่งอนาคต (future food) เช่น โปรตีนทางเลือกจากพืช (plant-based) และแมลง (insect-based) ไปยังตลาดต่างประเทศ ทั้งฝั่งยุโรป สหรัฐฯ และเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่ความต้องการบริโภคสินค้าโปรตีนทางเลือกยังมีแนวโน้มเติบโตอีกมาก
ขณะที่ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) รายงานว่าสถานการณ์โปรตีนทางเลือก อาหารของคนรักสุขภาพ ระบุว่าเป็นโอกาสสำหรับไทยที่จะใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายและอุดมสมบูรณ์ มาผลิต แปรรูป และพัฒนานวัตกรรมโปรตีนทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยพืชที่ทำได้ เช่น ถั่ว เห็ด สาหร่าย ขนุนอ่อน ไข่ผำ และแมลง เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตน หนอนไหม เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แนวโน้มและทิศทางการบริโภคอาหารของผู้บริโภคไทย จากงานวิจัยของ Madre Brava องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีเป้าหมายในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน ระบุว่าผู้บริโภคไทยเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพสูง เมื่อเทียบกับหลายประเทศ และตระหนักว่าการลดเนื้อสัตว์พร้อมการบริโภคโปรตีนจากพืชทดแทน จะมีผลดี ซึ่งประจวบเหมาะกับความจำเป็นด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากการปล่อยก๊าซเรื่อนกระจกที่สูง ของการผลิตโปรตีนจากสัตว์ แต่ที่ยอดขายอาจชะลอตัวในบางส่วน วิเคราะห์ได้ว่า เป็นปัจจัยด้านราคา การเข้าถึง ความหลากหลายและคุณภาพสินค้า
นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Madre Brava เปิดเผยว่าแม้ว่าผู้บริโภคจะตระหนักถึงประโยชน์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่โปรตีนทางเลือกยังถูกมองว่าราคาแพง และผ่านกระบวนการแปรรูปสูง ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการเลิกกินเนื้อสัตว์โดยสิ้นเชิง แต่มากถึง 67% ระบุว่าต้องการบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลงภายใน 2 ปี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง โดยชี้ว่าต้องการหันไปบริโภคโปรตีนจากพืชทั่วไปและโปรตีนทางเลือก เช่น โปรตีนพืชที่ผลิตออกมาในลักษณะเดียวกับเนื้อสัตว์ (Plant-based meat)
ทั้งนี้ ป็นสัญญานสำคัญให้กับทั้งภาครัฐ และเอกชนให้เห็นถึงประโยชน์ และโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ และมีนโยบายสนับสนุนส่งเสริมที่เหมาะสม ซึ่งก็จะสอดคล้องกับทิศทางการบริโภค และแนวโน้มนโยบายการค้าในตลาดส่งออกของไทยด้วย
“หากสามารถทำให้โปรตีนทางเลือกมีราคาถูกลง คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โปรตีนทางเลือกจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในเมนูของร้านอาหารตามสั่ง นอกจาก หมู ไก่ กุ้ง แล้ว ยังมีโปรตีนจากพืชให้เลือก คนที่อยากกินอาหารที่ให้รสชาติแบบเนื้อสัตว์อยู่ก็สามารถสั่งโปรตีนทางเลือกได้หรือแม้แต่ผสมระหว่างโปรตีนทางเลือกกับเนื้อสัตว์ได้ซึ่งก็จะส่งผลดีมากกว่าทานเนื้อสัตว์อย่างเดียว” นายจักรชัยกล่าว
นวัตกรรมอาหารใหม่ “โปรตีนทางเลือก” แนวโน้มตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจไม่น้อย