เมื่อกองทัพของสหภาพโซเวียตบุกเข้าไปยึดค่ายกักกันมรณะ Auschwitz ที่จอมโหดฮิตเลอร์ได้แอบซ่อนสร้างขึ้นเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวให้หมดสิ้น ปรากฏมีชาวยิวที่ถูกกักขังก่อนที่จะถูกรมแก๊สอยู่จำนวนหนึ่ง มีร่างกายผอมโซคล้ายโครงกระดูกเดินได้ พวกเขาเป็นพวกที่ยังรอดตายจากการทำงานหนักในการสร้างทางรถไฟหรือเหมืองที่ทหารนาซีบังคับใช้แรงงาน และมีอาหารเล็กน้อยพอประทังให้ชีวิตรอด เพราะญาติพี่น้องและนักโทษที่ร่วมคุมขังต่างตายจากไปจากการขาดอาหารอย่างรุนแรง และไม่สามารถทนความหนาวเหน็บของอากาศที่ค่ายมรณะแห่งนี้ได้
สภาพที่ชาวยิวถูกบังคับจับกุมมาฆ่าและอดตายนี้ เกิดขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ 80 ปีมาแล้ว...แต่ขณะนี้ ชาวยิวโดย ครม.สงครามของนายกฯ เนทันยาฮู และกองทัพอิสราเอล (IDF) กำลังทำเยี่ยงฮิตเลอร์ต่อชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นคนพื้นถิ่นที่อาศัยอยู่มาเป็นพันปีในบริเวณที่เป็นฉนวนกาซา, ฝั่งตะวันตกแม่น้ำจอร์แดน และบริเวณเยรูซาเล็ม
เป็นการจงใจของ ครม.สงครามของอิสราเอลภายใต้การนำของนายกฯ เนทันยาฮู; ที่ชาวยิวคนสำคัญที่นิวยอร์กระดับผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาอเมริกันอย่างนายชัค ชูเมอร์ บอกว่า นายเนทันยาฮู และรัฐบาลของเขากำลังหลงทาง สกัดกั้นไม่ให้อาหารและยาได้ผ่านไปยังชาวปาเลสไตน์ที่กำลังอดอยากล้มตายขณะนี้ พร้อมๆ กับการถูกยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างไม่เลือกหน้า
นั่นคือ การบังคับให้ต้องอดอาหารตายโดยไม่ได้สมัครใจ เป็นการขาดอาหารเพราะมนุษย์ทำกับมนุษย์เอง ไม่ใช่เพราะอาหารไม่พอเพียงจากสภาพอากาศแห้งแล้งเช่น ฝนไม่ตกตามฤดูกาล แต่เป็น Man-made famine ที่นายเนทันยาฮูและคณะรัฐบาลกระหายเลือดของเขา จงใจขัดขวางการส่งอาหาร, น้ำ (และยา) ที่สหประชาชาติและองค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหลายแห่ง รวมทั้งสภากาชาดสากล, สภาเสี้ยววงเดือนแดง ไม่สามารถนำรถขนส่งความช่วยเหลือเหล่านี้ ผ่านด่านราฟาห์เข้าไปในกาซาได้ จนเลขาธิการสหประชาชาติทนไม่ไหวต่อความโหดเหี้ยมของรัฐบาลเนทันยาฮู จึงได้เดินทางไปที่หน้าด่านราฟาห์ และฟ้องประชาคมโลกว่า มีรถบรรทุกจำนวนเป็นพันคันที่รออยู่หน้าด่านราฟาห์ แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากกองทัพอิสราเอลให้ผ่านเข้าไปในกาซา; มีจำนวนน้อยมากแค่ 20 คันที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้ต่อวัน หลังการแกล้งตรวจสอบอย่างนานผิดปกติ เพื่อให้ผ่านด่านเข้าไปได้น้อยที่สุด...และที่ผ่านเข้าไปแล้วก็จะไปเจอกองกำลังติดอาวุธของเหล่าชาวยิวนิคมที่เป็นเด็กวัยรุ่นที่มาจากนิคมที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ที่พกปืนไรเฟิล (ที่รัฐบาลอิสราเอลแจกเต็มที่) มายืนล้อมรถบรรทุกอาหารเหล่านี้ โดยปิดกั้นขัดขวางไม่ให้รถบรรทุกสามารถเดินทางนำอาหารไปแจกแก่ชาวปาเลสไตน์ที่หิวโหยรอความช่วยเหลืออยู่...ชาวนิคมเหล่านี้ตะโกนฮึกเหิมห้ามรถบรรทุกเคลื่อนที่เข้าไปในกาซา โดยบอกว่า ถ้าอาหารเหล่านี้เดินทางเข้าไปในกาซาก็จะไปช่วยกลุ่มฮามาส ซึ่งจะทำให้ฮามาสแข็งแกร่งขึ้นและหวนกลับมาทำร้ายชาวอิสราเอลเหมือนวันที่ 7 ตุลาคมอีกครั้ง
เป็นการยกเหตุผลมาอ้าง ก็เพื่อไม่ให้อาหารเหล่านี้ได้เข้าไปช่วยชีวิตชาวกาซาซึ่งเป็นพลเรือนที่ไม่ใช่สมาชิกของฮามาสแต่อย่างใด
จนกษัตริย์จอร์แดนทนไม่ไหวได้เสด็จโดยพระองค์เอง นำอาหารและน้ำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปหย่อน (Air Drops) ให้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่บริเวณตอนกลางของกาซา และได้หย่อนลงในบริเวณทะเลติดชายฝั่งของกาซาเพื่อช่วยชีวิตชาวกาซา
ล่าสุด องค์กรเพื่อมนุษยธรรมชื่อ World Central Kitchen (WCK-หรือครัวกลางของโลก) ที่นำโดยเชฟระดับมิชลินที่นิวยอร์ก (มีเชื้อสายสเปน) ซึ่งเคยนำอาหารและยาไปช่วยชาวเฮติเมื่อหลายปีก่อนหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่...ครั้งนี้ เขาได้เปิดรับอาสาสมัครเอาอาหารไปช่วยชาวกาซา โดยร่วมมือกับรัฐบาลสเปนได้นำอาหารบรรทุกบนเรือหนัก 200 กว่าตันถึง 2 ลำ ได้เดินทางออกจากเกาะไซปรัส ไปยังชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของกาซา แล้วทำท่าเรือลอยน้ำเล็กๆ เพื่อถ่ายอาหารจากเรือลำใหญ่ไปยังเรือลำเล็กๆ แล้วขึ้นฝั่งที่กาซาสำเร็จ และได้เริ่มแจกจ่ายอาหารทันทีที่ขึ้นฝั่ง
เมื่อวัน April Fools’ Day 1 เมษายนนี้ ทาง WCK ได้จัดรถบรรทุกชนิดกันกระสุนได้ 3 คัน บรรทุกอาหารและยาเพื่อขับเข้าไปแจกชาวปาเลสไตน์ผู้หิวโหยบริเวณตอนกลางของกาซา โดยได้ประสานงานล่วงหน้าทั้งแจ้งและได้รับอนุมัติจากกองบัญชาการของ IDF เรียบร้อย-ถึงเส้นทางลำเลียงอาหาร
ปรากฏว่า รถบรรทุกสิ่งของจำเป็นแก่ชีวิตที่กำลังเดินทางจะไปช่วยเหลือชาวกาซาถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากทหาร IDF ทั้ง 3 คันมีระเบิดจากขีปนาวุธได้เจาะหลังคาของรถบรรทุก (ที่ว่ากันกระสุนปืนได้?!) ทั้ง 3 คันเป็นรูโบ๋ใหญ่เบ้อเริ่ม ทั้งๆ ที่รถทั้ง 3 คันมีป้าย WCK ตัวขนาดยักษ์เขียนอยู่รอบๆ รถและป้ายบนหลังคาด้วย
อาสาสมัครจากหลายชาติที่ประจำอยู่ในรถทั้ง 3 คันตายหมด รวมทั้งคนขับรถซึ่งเป็นชาวปาเลสไตน์
อาสาสมัครที่มาทำงานโดยเสี่ยงต่อชีวิตครั้งนี้ เป็นผู้ที่ทนเห็นการถูกบังคับอดอาหารของชาวปาเลสไตน์ไม่ไหว จึงยอมเสี่ยงอันตรายมาร่วมกันทำงานเพื่อมนุษยธรรมกับ WCK เป็นหนุ่มสาวจากประเทศต่างๆ ทั้งชาวอังกฤษ, แคนาดา, อเมริกัน, โปแลนด์, ออสเตรเลีย พวกเขาตายหมดทั้ง 7 คน พร้อมรถบรรทุกที่ถูกยิงด้วยขีปนาวุธแตกละเอียด
รัฐบาลประเทศของเหล่าอาสาสมัครที่ตายต่างออกมาตำหนิรัฐบาลและทหารอิสราเอลอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นลอร์ด แคเมอรอน รมต.ต่างประเทศของอังกฤษ หรือนายกฯ อัลบานีส ของออสเตรเลีย เป็นต้น และต้องการคำอธิบายอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลของนายกฯ เนทันยาฮูว่า ทำไมจึงเกิดเหตุสยองไร้มนุษยธรรมอย่างนี้
ส่วนนายกฯ เนทันยาฮู ก็ได้แต่ออกมายอมรับว่า เป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เกิดจากการจงใจ และจะไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก
แต่ก็ย้ำว่า นี่เป็นสงครามซึ่งอาจมีเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นได้เสมอ
และนี่คือ Man-made famine ที่กำลังฆ่าชาวปาเลสไตน์ให้หมดเผ่าพันธุ์ ด้วยการขัดขวางไม่ให้อาหารเข้าถึงชาวปาเลสไตน์...นอกเหนือจากการฆ่าด้วยอาวุธสงครามอย่างโหดเหี้ยมไม่เลือกหน้าใดๆ ละเมิดกฎการทำสงครามอย่างยิ่ง