xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ตัวกรู ของกรู “ทักษิณ” โนสน โนแคร์ ฉุดแต้ม “รัฐบาล-เพื่อไทย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เคลื่อนไหวแบบไม่พัก กันเลยทีเดียว “นายใหญ่เพื่อไทย” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังมีสถานะเป็นผู้ต้องโทษจำคุก ที่อยู่ระหว่างได้รับการพักโทษ ที่ปรากฎกายต่อสาธาณชนถี่ยิบ แบบไม่มีเหนียมอาย และ “โนสน โนแคร์” ทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบที่โหมกระหน่ำเข้ามาแบบไม่มียั้ง เหมือนลืมไปว่า เมื่อราวเดือนก่อนขณะอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ยังถูกประทับตราว่า มีอาการป่วยต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต อยู่เลย
จน “เจ๊เจี๊ยบ คอนถม” อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล ต้องโพสต์ข้อความแขวะว่า... “ไม่คิดจะหักห้ามใจพักผ่อนนิ่ง ๆ ซัก 2-3 เดือนไว้หน้าหมอที่รับรองให้เลย”
ที่สำคัญคือพฤติกรรมของ “ทักษิณ” ก็ไม่ได้ใกล้เคียงคนที่เคยพร่ำเพ้อว่า วางมือการเมืองเด็ดขาด หรือแค่อยากกลับบ้านมาเพื่อเลี้ยงหลานแม้แต่น้อย กลับกันยังเหมือนคนที่ต้องการกำชับอำนาจทางการเมือง ประกาศตัวเป็น “ศูนย์กลางอำนาจ” มากขึ้นอีกด้วย
ไล่ตั้งแต่การเดินทางกลับบ้านเกิด จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม 2567 ที่สามารถเดินทางแบบเงียบๆ เป็นส่วนตัวได้ แต่กลับประกาศหมายการเดินทางแบบโจ๋งครึ้ม วางโปรแกรมแน่นเอี๊ยดตลอดทริป เพื่อให้นักข่าวติดตามไปรายงานข่าว แถมยังมีการเซ็ตหน้างานตามจุดต่างๆ ไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจราชการ ซ้ำร้ายยังมีรัฐมนตรี-ข้าราชการระดับสูง ไปรอต้อนรับให้ครบองค์ประกอบอีกต่างหาก ทั้งที่เอาเข้าจริงไม่ได้มีอำนาจ หรือหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ
นอกจากนั้นยังสั่งการให้จัดงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า และล็อกคิวให้ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ที่มีภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงเดียวกัน ไปร่วมวงดินเนอร์ด้วย เพื่อต้องการเสริมบารมีของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

หรือวันดีคืนดีก็นึกครึ้มอยากไปตัดผมแถวบีทีเอส สีลม ทั้งที่เป็นระดับเจ้าสัวแสนล้าน จะลงทุนจ้างช่างจัดผมดีกรีแชมป์โลกไปตัดถึงที่บ้าน หรือเซฟเฮาส์ที่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่กลับอยากปรากฎตัวในที่สาธารณะเพื่อให้มีข่าวเคลื่อนไหว พร้อมทั้งเช็กเรตติ้งไปในตัว

ล่าสุดกับการเดินทางไปที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ สส.เข้าพบ ด้วยมีการประสานขอคิวเข้าพบมาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สะดวกที่จะให้ไปพบที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เลยเลือกเดินทางมาหา สส.แทน ซึ่งการมาที่พรรคเพื่อไทย ที่หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน คือ “ลูกอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของตัวเอง ก็ไม่ต่างจากการการประกาศความเป็น “เจ้าของพรรค” มากกว่าที่จะตั้งใจมาพบปะ สส.อย่างที่อ้าง

ด้วยมีข่าวว่า บรรดารัฐมนตรี-สส.ของพรรคเพื่อไทย ได้พบ “นายใหญ่” แบบลับๆ กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ตั้งแต่ช่วงที่อยู่บนชั้น 14 รพ.ตำรวจ ด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา หากยังจำกันได้ “ทักษิณ” ปฏิเสธสถานะ “เจ้าของพรรค” มาตลอด ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย โดยมักพูดสวยหรูว่า ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมือง มีประชาชนเป็นเจ้าของ หากแต่พฤติการณ์ของ “นายใหญ่” นั้นกลับพยายามทำให้เห็นว่า พรรคการเมืองที่ว่ามานั้น รวมถึง “เพื่อไทย” ในปัจจุบันเป็นเพียงกิจการหนึ่งของ “เครือชินวัตร” เท่านั้น

ไม่ต้องอื่นไกลการเปลี่ยนชื่อตึกที่ทำการพรรคเพื่อไทย มาเป็นอาคารโอเอไอ หรือ OAI Tower ทั่ตั้งชื่อเรียกตามชื่อเล่นลูกทั้งสามของ “ทักษิณ” ตั้งแต่ตัว O ก็คือ โอ๊ค-พานทองแท้”, ตัว A ก็มาจาก “เอม-พินทองทา”ส่วนตัว I เป็นใครไม่ได้นอกจาก “อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร” แม้จะมีบางช่วงที่ “พรรคทักษิณ” ย้ายที่ทำการไปอยู่สถานที่อื่นเพื่อลดกระแสทางการเมืองก็ตาม
แน่นอนว่า การใช้ชื่อลูกๆ ตั้งชื่อตึก และให้พรรคการเมืองในอาณัติมาใช้เป็นที่ทำการ ก็เป็นความตั้งใจประกาศในทีว่า ใครเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง
อีกนัยหนึ่ง การเดินทางไปที่พรรคเพื่อไทยก็เป็นตรวจแถวกำลังพลไปในตัวอีกด้วย สังเกตได้ว่า รัฐมนตรี-สส.มาร่วมต้อนรับกันอย่างเนืองแน่น แม้จะพยายามประกาศว่า ไม่มีนัยการเมืองใดๆ ก็ตาม
แต่ทุกคนก็รู้ว่า จังหวะก้าวของ “นายใหญ่เพื่อไทย” ในทุกๆ จังหวะย่อมหวังผลทางการเมืองไม่มากก็น้อย
ภาพที่ออกมาก็เลยกลายเป็นหมายสำคัญที่ทำให้เหล่ารัฐมนตรีในสังกัดพรรคเพื่อไทย ทั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอาทิ ต้อง “ลาราชการ” มาเข้าแถวรอต้อนรับ “นายใหญ่” อย่างพร้อมเพรียง


ทั้งที่เป็นวันอังคาร ซึ่งเป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี ประจำสัปดาห์ แต่รัฐมนตรีที่ว่าไป ก็รีบออกจากทำเนียบรัฐบาลทันทีที่ประชุมเสร็จ โดยไม่อยู่รับประทานอาหารกลางวันกับ “นายกฯ เศรษฐา” ตามปกติ

ว่ากันว่าหลังจากนี้ จะเห็น “ทักษิณ” เคลื่อนไหวมากขึ้น โดยมีการวางโปรแกรมหลวมๆ ไว้ว่า จะเดินทางไปพบปะประขาชนทั่วประชาชน คิวถัดไปจะเดินทางไปที่ จ.อุดรธานี เพื่อเยี่ยมเยือน ขวัญชัย ไพรพนา ขุนพลเสื้อแดงคู่ใจ ที่อาการป่วยรุมเร้า และอาจกลับไปฉลองปี๋ใหม่เมือง เทศกาลสงกรานต์ ที่ จ.เชียงใหม่ อีกรอบ

ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีการรื้อ “ทัวร์นกขมิ้น” มาใช้เป็นโมเดลลงพื้นที่ กำหนดวันลงพื้นที่ กำหนดจังหวัด ทัวร์ยาวรวดเดียวหลายวัน เพื่อกระตุ้นกระแส “เพื่อไทย” พร้อมกระชากความนิยมของตัว “ทักษิณ” เองด้วย

โดยวางเส้นเรื่องว่า “นายใหญ่” จะมาเป็นตัวช่วยวนการกู้คะแนนนิยม-พลังศรัทธา ให้กับพรรคเพื่อไทย ที่เสียรังวัดไปแทบหมดหน้าตักกับการจับมือ “พรรค 2 ลุง” ปาดหน้าพรรคก้าวไกล จนตั้งรัฐบาลสำเร็จ

แน่นอนว่า ชื่อของ “ทักษิณ” ยังคงมีความขลัง แต่จะขลังถึงขั้นมีพลังมากพอในการงัดง้างกับกระแส “ส้มทั้งประเทศ” ของพรรคก้าวไกล หรือวัดกันตัวตัวกับ “แด๊ดดี้ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เป็นตัวขายในวันนี้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง

วัดจากผลการเลือกตั้งพฤษภาคม 2566 ที่ “พรรคทักษิณ” ต้องลิ้มรสความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกด้วยน้ำมือ “ค่ายก้าวไกล” หรือล่าสุดผลสำรวจ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่เช็คเรตติ้งการเมืองไตรมาสแรกของปี 2567 ปรากฎในแง่บุคคล “พิธา” ที่ถูกค่อนขอดว่าเป็น “นายกฯ ว่าว” นำลิ่วในหัวข้อบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ถึง 42.75% ส่วนอันดับ 2 ที่ตามมาห่างๆเกินเท่าตัวกลับเป็น “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้”

ขณะที่นายกฯ คนปัจจุบัน “เศรษฐา” มาที่ 3 ได้ 17.75% และว่าที่นายกฯคนถัดไปอย่าง “อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร” มาที่ 4 มีแค่ 6%

ด้านพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า “ก้าวไกล” ยึดหัวหาดอันดับ 1 ได้ถึง 48.45% นำ “เพื่อไทย” ที่ 2 ที่ได้ 22.10%

จากผลเลือกตั้ง มาถึงผลโพลบอกชัดเจนว่ากระแสของ “พิธา-ก้าวไดล” ยังแรงดีไม่มีตก ขณะที่ “พรรคทักษิณ” ยังโงหัวไม่ขึ้น แม้จะเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ครึ่งค่อนปีแล้ว ผิดวิสัยเรตติ้งการเมืองในอดีตที่พรรครัฐบาลมักจะได้รับความนิยมสูง


น่าสนใจที่ความนิยมตามโพล ของ “พิธา-ก้าวไกล” ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงพีคๆ ของ “ทักษิณ-ไทยรักไทย” ด้วยซ้ำ

อีกจุดที่ต้องไม่ลืมว่า การสำรวจความคิดเห็นประชาชนงวดนี้ เป็นการสำรวจหลังจากที่ “พิธา” ไปวัดพลังกับ “ทักษิณ” ที่ จ.เชียงใหม่ มาหมาดๆ อีกทั้งลึกๆแล้วที่กลุ่มตัวอย่างเลือก “เศรษฐา-แพทองธาร-เพื่อไทย” ย่อมมีเงาของ “ทักษิณ” ที่เริ่มกลับมามีบทบาทในทางเปิดเผยกับพรรคเพื่อไทยประกบไปด้วย

จนอาจพูดได้ว่า แม้วันนี้ “ทักษิณ” จะลงมาเล่นเอง ก็อาจถูก “พิธา-ก้าวไกล” ไล่ถลุงไม่ต่างกัน

ปัจจัยหนึ่งก็เพราะ “ทักษิณ” ที่อาจเป็นผู้นำที่ถูกจริตคนไทยเมื่อราว 20 ปีก่อน ไม่ตอบโจทย์สถานการณ์ในวันนี้ที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปมาก

อีกปัจจัยที่สำคัญก็ต้องบอกว่า พฤติการณ์และการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ” หลังกลับมาเหยียบประเทศไทย เมื่อ 22 สิงหาคม 66 ล้วนแล้วแต่ “ไม่เป็นบวก” กับตัว รวมไปถึงรัฐบาลเพื่อไทยด้วย

ตั้งแต่การย่ำยีกระบวนการยุติธรรมด้วยการใช้ “อภิสิทธิ์” อ้างอาการป่วยแล้วพักที่ รพ.ตำรวจตลอด 6 เดือนที่ถูกคุมขัง โดยไม่แวะกลับไปนอนค้างในเรือนจำอย่างนักโทษเด็ดขาดคนอื่นๆ แม้แต่คืนเดียว

ทั้งอาการ “ป่วยทิพย์” ที่หายเป็นปลิดทิ้งอย่างไม้น่าเชื่อ สามารถถอดเฝือกคอ ที่พยุงแขน-หลัง ได้หลังจากกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่สัปดาห์ ทั้งที่ก่อนหน้าทำเอาคนไทยจินตนาการว่า “ทักษิณ” โคม่าเจียนอยู่เจียนไป ตามคำชี้แจงของ กรมราชทัณฑ์ และครอบครัวชินวัตร ตลอดช่วง 6 เดือนนั้น

การโชว์พาวเวอร์ทั้งในระหว่างการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ที่มีนักการเมือง-ข้าราชการมาห้อมล้อม การเข้าพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ประกาศไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองมาหลายครั้ง และต้องการกลับบ้านมาเลี้ยงหลานเท่านั้น เป็นพฤติการณ์ที่ย้อนแย้งกับคำพูดของตัวเองอย่างสิ้นเชิง


ซ้ำร้ายการเริ่มขยับออกมาเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” ก็เป็นช่วงที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เพิ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร-วุฒิสภา นัยหนึ่งก็เป็นสัญญาณการเริ่มทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบของ “รัฐบาลเศรษฐา” แต่เมื่อมีภาพ “ทักษิณ” เข้ามา “ผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาล” ก็ทำให้ภาพของรัฐบาลดิ่งลงไปด้วย เพราะอย่าลืมว่าโลโก้สำคัญที่แปะหน้าผาก “ทักษิณ” อยู่ตลอดเวลาเจือปนไปด้วย “ความไม่โปรงใส” รวมอยู่ด้วย

ทำให้แทนที่รัฐบาลจะได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนหลังมีเคลื่อนไม้เครื่องมือมาขับเคลื่อนนโยบาย ต้องถูกฉุดด้วยอาการหลอน “ทักษิณ” ที่อาจเข้ามามีส่วนในการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล

นอกจากนี้ตลอดช่วงเวลาที่ “ทักษิณ” เข้ามาเล่นการเมือง ก็พิสูจน์ชัดแล้วว่า มีหลักคิดในการทำเพื่อตัวเองเท่านั้น

เป็น “ทักษิณ” ที่คิดว่าการเมืองไทยหมุนรอบตัวเอง และคิดเพียงการทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเท่านั้น และตัวเองในที่นี้ก็หมายรวมไปถึงการช่วงชิงอำนาจมาอยู่ในอุ้งมือ “ตระกูลชินวัตร” ด้วย

ชัดเจนที่สุดกับการจับมือ “พรรค 2 ลุง” ที่เคยด่าดรากมาตลอดเกือบ 10 ปีตั้งรัฐบาล จนหลักการประชาธิปไตยที่พรรคเพื่อไทยเคยอ้างบิดเบี้ยว ก็เพื่อให้ “ทักษิณ” กลับบ้านแบบเท่ๆ อย่างที่เห็นอยู่ และยังหวังผลยาวไปถึงการกลับบ้านแบบเทาๆของ “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เชื่อจะมีการเร่งขับเคลื่อนกันในเร็วๆนี้ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า การกลับมาของ “ยิ่งลักษณ์” จะเป็นการขยี้ปมสองมาตรฐาน-อภิสิทธิ์ชน ทำให้รัฐบาลเสียแต้มความนิยมอีกครั้งก็ตาม

เคยมีการค่อนขอดว่าสโลแกนที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงที่ว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” แท้จรองแล้วควรเป็น “คิดและทำทุกอย่างเพื่อ ทักษิณ คนเดียว” มากกว่า

หาก “ทักษิณ” ยังยึดมั่นถือมั่นท่องคาถา “ตัวกรู ของกรู” อยู่แบบนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีกับ “รัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทย” อย่างแน่นอน.



กำลังโหลดความคิดเห็น